โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หุ้นกลุ่มสื่อสารร่วงหนัก นำโดย"แอดวานซ์ฯ"เดือนเดียวราคาทรุดกว่า 13% "ดีแทค"ร่วง 10% นักวิเคราะห์ชี้สาเหตุจากผลประกอบการแย่ ต่างชาติเทกระจาด
ในช่วงตั้งแต่เริ่มต้นการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2556 จนถึงวันที่ 9 ธ.ค. พบว่าราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยหุ้นของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นปรับลดตัวลงจาก 252 บาทต่อหุ้น เหลือ 220 บาทต่อหุ้น ปรับตัวลดลง 13.73 % บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ราคาหุ้นปรับลดลงจาก 111 บาทต่อหุ้น เหลือ 101 บาทต่อหุ้น หรือปรับตัวลง 10.22%ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับบริษัทอื่นๆ โดยปรับตัวขึ้นจาก 8.70 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 9.05 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.26%
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงมากกว่า 10 % นั้นมองว่าเป็นผลจากผลการดำเนินงานในปีนี้ที่ออกมาไม่ดีตามที่คาดไว้ และถูกปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้ลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีต้นทุนในด้านการตั้งเครือข่ายบริการ 3 จี ทำให้กำไรลดลงอีกทั้งนักลงทุนต่างชาติที่เทขายหุ้นกลุ่มไอซีทีอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง
"ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่านักลงทุนต่างชาตินั้น เทขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารออกมาเยอะมากหลังจากที่กำไรของบริษัทในกลุ่มสื่อสารไม่ดีตามที่คาดไว้และถูกปรับลดประมาณการลงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนไม่ถือหุ้นต่อ และไปเลือกหุ้นที่มีราคาถูกอย่างกลุ่มอาหารหรือกลุ่มปิโตรเคมี"
การขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และนักลงทุนเริ่มซื้อขายในระดับราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) ที่ลดลงจากเดิม ที่ พี/อี 20 เท่า เหลือ 14-15 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นของบริษัท ทรู ที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าในกลุ่มนั้น เป็นเพราะปัจจัยเฉพาะตัวที่มีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการตั้งกองทุนดังกล่าวจะมีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลการดำเนินงาน ซึ่งการตั้งกองทุนจะช่วยลดต้นทุนของบริษัท จากเดิมที่ต้องมีต้นทุนในการให้บริการอยู่ที่ 25-30 % ของรายได้ การตั้งกองทุนจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทเหลือ 6 % เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีอย่างมากกับหุ้นของบริษัท โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ทำให้เป็นหุ้นตัวเดียวที่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกปรับประมาณการขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับแนวโน้มหุ้นกลุ่มสื่อสารในปีหน้านั้น มองว่า มีความน่าสนใจที่จะลงทุนมากขึ้น เพราะระดับราคาที่ปรับลดลงมานั้นมีความน่าสนใจในการลงทุน อีกทั้งการคลี่คลายทางการเมืองนั้นจะช่วยส่งผลให้หุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันในเรื่องผลประกอบการที่อาจจะยังไม่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นได้อีกครั้ง
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุว่า อุตสาหกรรมมือถือยังมีการแข่งขันกันรุนแรง เมื่อผู้ประกอบการรายหนึ่งออกโปรโมชั่น1บาท โทรได้ 24 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า บริษัทพยายามจะย้ายลูกค้าจากกลุ่มลูกค้ามาใช้งานในสัปทานใหม่มากขึ้น แต่กระนั้นการแข่งขันในด้านการลดราคาไม่ทำให้กำไรของกลุ่มบริษัทมือถือมีระดับกำไรลดลงโดยรวม
ส่วนแนวโน้มกำไรของหุ้นในกลุ่มสื่อสารในช่วงปี 2557 โดยเฉพาะไตรมาสที่ 1 กำไรของกลุ่มจะถูกกดดันจากต้นทุนการเริ่มให้บริการ 3 จี เป็นหลัก โดยจะเป็นในเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายทางการตลาด จนกดดันกำไรที่อาจไม่เติบโตตามที่คาดไว้
ต่างชาติทิ้งหุ้น! กลุ่มสื่อสารร่วงกระจาย
หุ้นกลุ่มสื่อสารร่วงหนัก นำโดย"แอดวานซ์ฯ"เดือนเดียวราคาทรุดกว่า 13% "ดีแทค"ร่วง 10% นักวิเคราะห์ชี้สาเหตุจากผลประกอบการแย่ ต่างชาติเทกระจาด
ในช่วงตั้งแต่เริ่มต้นการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2556 จนถึงวันที่ 9 ธ.ค. พบว่าราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยหุ้นของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นปรับลดตัวลงจาก 252 บาทต่อหุ้น เหลือ 220 บาทต่อหุ้น ปรับตัวลดลง 13.73 % บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ราคาหุ้นปรับลดลงจาก 111 บาทต่อหุ้น เหลือ 101 บาทต่อหุ้น หรือปรับตัวลง 10.22%ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับบริษัทอื่นๆ โดยปรับตัวขึ้นจาก 8.70 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 9.05 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.26%
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงมากกว่า 10 % นั้นมองว่าเป็นผลจากผลการดำเนินงานในปีนี้ที่ออกมาไม่ดีตามที่คาดไว้ และถูกปรับลดประมาณการกำไรในปีนี้ลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีต้นทุนในด้านการตั้งเครือข่ายบริการ 3 จี ทำให้กำไรลดลงอีกทั้งนักลงทุนต่างชาติที่เทขายหุ้นกลุ่มไอซีทีอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง
"ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่านักลงทุนต่างชาตินั้น เทขายหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารออกมาเยอะมากหลังจากที่กำไรของบริษัทในกลุ่มสื่อสารไม่ดีตามที่คาดไว้และถูกปรับลดประมาณการลงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนไม่ถือหุ้นต่อ และไปเลือกหุ้นที่มีราคาถูกอย่างกลุ่มอาหารหรือกลุ่มปิโตรเคมี"
การขายหุ้นดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และนักลงทุนเริ่มซื้อขายในระดับราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พี/อี) ที่ลดลงจากเดิม ที่ พี/อี 20 เท่า เหลือ 14-15 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นของบริษัท ทรู ที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าในกลุ่มนั้น เป็นเพราะปัจจัยเฉพาะตัวที่มีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการตั้งกองทุนดังกล่าวจะมีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลการดำเนินงาน ซึ่งการตั้งกองทุนจะช่วยลดต้นทุนของบริษัท จากเดิมที่ต้องมีต้นทุนในการให้บริการอยู่ที่ 25-30 % ของรายได้ การตั้งกองทุนจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทเหลือ 6 % เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีอย่างมากกับหุ้นของบริษัท โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ทำให้เป็นหุ้นตัวเดียวที่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกปรับประมาณการขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับแนวโน้มหุ้นกลุ่มสื่อสารในปีหน้านั้น มองว่า มีความน่าสนใจที่จะลงทุนมากขึ้น เพราะระดับราคาที่ปรับลดลงมานั้นมีความน่าสนใจในการลงทุน อีกทั้งการคลี่คลายทางการเมืองนั้นจะช่วยส่งผลให้หุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่ยังคงมีปัจจัยกดดันในเรื่องผลประกอบการที่อาจจะยังไม่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นได้อีกครั้ง
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุว่า อุตสาหกรรมมือถือยังมีการแข่งขันกันรุนแรง เมื่อผู้ประกอบการรายหนึ่งออกโปรโมชั่น1บาท โทรได้ 24 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า บริษัทพยายามจะย้ายลูกค้าจากกลุ่มลูกค้ามาใช้งานในสัปทานใหม่มากขึ้น แต่กระนั้นการแข่งขันในด้านการลดราคาไม่ทำให้กำไรของกลุ่มบริษัทมือถือมีระดับกำไรลดลงโดยรวม
ส่วนแนวโน้มกำไรของหุ้นในกลุ่มสื่อสารในช่วงปี 2557 โดยเฉพาะไตรมาสที่ 1 กำไรของกลุ่มจะถูกกดดันจากต้นทุนการเริ่มให้บริการ 3 จี เป็นหลัก โดยจะเป็นในเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายทางการตลาด จนกดดันกำไรที่อาจไม่เติบโตตามที่คาดไว้