เพื่อนโดนโจรดักจี้ แจ้งความไปแล้วแต่ดูจะไม่มีวี่แววว่าจะดำเนินเรื่องให้

กระทู้คำถาม
สวัสดีครับทุกท่านที่ผ่านเข้ามาในกระทู้นี้ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าผมเป็นเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นแต่พอได้ฟังเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ แล้วมันอดไม่ได้จริงๆ เลยมาบอกเล่าให้ฟัง ในที่นี้ขอแทนตัวเพื่อนที่โดนจี้ไปว่าเป็นตัวผมเองนะครับ

=เรื่องมีอยู่ว่า=
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเลิกงานเสร็จแล้วกำลังจะเดินกลับมาที่บ้าน ซึ่งที่ทำงานผมนั้นอยู่ที่ เดอะ มอลล์ บางกะปินี่เอง ผมพักอาศัยอยู่หอที่ตั้งอยู่ภายใน ลาดพร้าว ซ.113 ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากที่ทำงานนัก จึงได้เดินทางไปทำงาน

(แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นผมเองเป็นคนที่ระวังตัวเองค่อนข้างมาก เพราะเคยประสบกับเหตุการณ์จี้ปล้นเมื่อ 3 - 4 เดือนที่ผ่านมานี้เอง แต่ครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะความสะเพร่าของผมเองจึงทำให้ โทรศัพท์ผมโดนขโมยไป จนมาทุกวันนี้ผมก็ระวังตัวเป็นอย่างดี ด้วยการนั้นผมมักจะขับรถยนต์ไปทำงานแต่เพราะพึ่งถูกย้ายให้มาทำงานที่  เดอะ มอลล์ บางกะปิ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง ทางห้างมีนโยบายว่าห้ามไม่ให้พนักงานของห้างร้านนำรถมาจอดในห้องได้ มิฉะนั้นจะโดนค่าปรับที่แพงมหาโหดเอาได้ ผมจึงจำใจเดินไปกลับระหว่างที่ทำงานและหอ)

กลับมาเข้าเรื่องต่อเลยนะครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2556 นี้เอง เวลาประมาณ 22.50 น. ผมเดินทางจากที่ทำงานจนมาถึงปากซอยลาดพร้าว 113 เมื่อเดินเข้าไปสักพัก ได้มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับผ่านไปมีคนนั่งอยู่ 2 คน สักพักมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็วนรถกลับมาแล้วเข้ามาถามทาง มอเตอร์ไซค์คันนั้นถามว่า "พี่ๆ สีลมไปทางไหน" ผมฟังคำถามแล้วก็รู้สึกท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งอย่างสุดกำลัง คนขับมันก็รู้ทันรีบเข้ามาชาร์ตผมอย่างจัง จนผมขยับไปไหนไม่ได้ทั้งๆ ที่หอก็อยู่อีกแค่ 5 เมตรเท่านั้นเอง ระหว่างนั้นก็มีมอเตอร์ไซค์อีกคันขับผ่านเข้ามาเป็นคนผ่านในซอยก็จะเข้ามาช่วยผม แต่ว่าโจน 2 คนนั้นก็กันท่าเอาไว้ คนที่เข้ามาช่วยเห็นท่าไม่สู้ดีนักเลยขับมอเตอร์ไซค์ผ่านไปซะดื้อๆ แบบว่าตัวใครตัวมันแล้วกัน เสร็จแล้วโจน 2 คนนั้นก็รีบฉวยเอานาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์ แล้วก็เงินอีกจำนวนหนึ่งไป เมื่อได้ก็รีบขับรถมอเตอร์ไซค์หนีไปเลย ซึ่งรถคันนั้นได้ถูกถอดป้ายทะเบียนไปซะแล้ว

พอพวกมันทิ้งผมไว้ตรงนั้นคนที่กำลังเข้าซอยกลับบ้านก็เริ่มมีแล้ว ผมจึงตะโกนออกไปว่า 2 คนนั้นมันเป็นโจน บางคนบอกว่าให้ผมถีบรถมอเตอร์ไซค์ให้มันล้ม แต่สายไปเสียแล้วทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมจึงรีบวิ่งไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ในหอแห่งนั้น เพื่อไปตามเพื่อนแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ตามพวกมันไป ผมไปขับออกมาจากซอยสักพักก็เห็นโจนอยู่ตรง สี่แยกบางกะปิ แล้วก็เห็นป้ายทะเบียนรถชัดเจนคิดว่าน่าจะพึ่งเอามาติด พอพวกมันเห็นผมขับรถตามมาเท่านั้นมันก็รีบขับรถมอเตอร์ไซค์หนีไปทันที ผมก็คิดจะขับติดตามพวกมันไปอยู่ แต่เพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยบอกว่าอย่าเลยเดี๋ยวถ้าเกิดมันมีปืน มีมีดขึ้นมาไม่คุ้มกัน แล้วแนะให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจที่อยู่แถวนั้น ผมก็รีบขับรถไปที่สถานีตำรวจลาดพร้าวทันที เมื่อไปถึงมีตำรวจเฝ้าเวรแค่คนเดียว ผมจึงบอกแก่ตำรวจคนนั้นไปว่า ผมโดนโจรปล้นเอาทรัพย์สินไปแถวลาดพร้าว ซ.113 นี่เอง ตำรวจคนนั้นจึงบอกให้ขึ้นไปขั้น 2 เพื่อลงบันทึกประจำวัน ตำรวจคนนั้นก็ลงบันทึกประจำวัน ผมกัลเพื่อนก็เล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เดินทาง จุดโดนปล้น แล้วก็ตามไปยังสี่แยกบางกะปิ บอกลักษณะของรถมอเตอร์ไซค์ สี ป้ายทะเบียน คนขับลักษณะแบบใดก็บอกไปหมด แต่สิ่งที่ตำรวจคนนั้นถามมีเพียงแค่ รถสีอะไร แล้วคนร้ายมีลักษณะใด แค่นั้น ไม่ถามกระทั้งชื่อผู้เสียหายอย่างผมเลย ผมก็ชักไม่พอใจกับการทำงานของตำรวจคนนี้ ก็พูดขึ้นว่า "แล้วนี้จะไม่ถามเลยหรอครับว่าป้ายทะเบียนเลขอะไร" ตำรวจคนนั้นบอกกลับผมมาว่า "จำได้ด้วยหรอ" ทั้งที่ขั้นต้นต่อมาถึงสถานีผมก็บอกทุกอย่างที่ผมรู้ไปหมดแล้ว การทำงานของตำรวจคนนั้นก็เงอะๆงะๆ ทั้งทีผมดูแล้วก็อายุน่าจะ 40 เท่านั้นเอง พอแจ้งความเสร็จผมกลับมาที่หอรู้สึกท้อใจ เลยโทรหาเพื่อน (เจ้าของกระทู้) เพื่อระบายความในใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น (ลักษณะกับเลขป้ายทะเบียนขอเว้นไว้ก่อนเพราะเพื่อนไม่ได้บอกมา)

สิ่งที่สำคัญที่โดนปล้นไปคือโทรศัพท์ที่อยากได้คืนมาก เพราะมีข้อมูลสำคัญอยู่ในนั้นหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายงานปริญญาตัวเอง เบอร์ติดต่องาน และอื่น ฯลฯ แล้วผมก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆกับตนเองอีกเพราะโจนพวกนั้นรู้จักผมจากรูปในโทรศัพท์ ไหนจะที่อยู่ที่เป็นซอยเปลี่ยวอีก คิดว่าอยากจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่มันดีกว่านี้
=จบ=

ถ้าทุกท่านที่ผ่านไปมาสามารถแนะนำอะไรได้บ้าง ก็ช่วยแนะนำทีว่าเพื่อนผมต้องทำอย่างไรบ้าง ถึงแม้เรื่องของที่จะได้คืนโอกาสจะเป็น 0 แต่อย่างน้อยๆ ก็อยากจะทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วถ้าได้ข้อมูลอื่นๆจากเพื่อน เช่น ป้ายทะเบียน ลักษณะรถ ยี่ห้อ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่