หลายคนรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ สุเทพเองจะปฏิวัติยังไม่กล้ายอมรับแบบแมนๆ กล้าออกคำสั่งต่อหัวหน้าหน่วยงานราชการให้รายงานตัว มันชัดเจนในตัวว่าคณะ กปปส. ตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เพียงอ้าง มาตรา 3 มาตรา 7 เพื่อเพิ่มความชอบธรรมบ้างเท่านั้น รึไม่ก็ที่สุเทพพูดเพียงเพื่อดึงสถาบันลงมาเป็นเกราะ
มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย)
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม
สุเทพเลือกจะพูดเฉพาะส่วนที่สนับสนุนแนวคิดตน อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ให้มวลชนที่ไม่เข้าใจฟังและหลงเชื่อ แต่หากคนที่รับรู้รายละเอียด มาตรา 3 ทั้งหมดแล้วไม่แถจนเกินไป ย่อมเห็นแล้วว่าประโยคต่อจากที่สุเทพพูดไม่มีตรงไหนที่รองรับอำนาจของสภาประชาชน หรือให้คืนอำนาจประชาชน รึแม้แต่บอกว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนโดยไม่มีกระบวนการรองรับ
และที่ผมบอกว่า นายกฯ ม.7 ไม่มีทางเป็นไปได้ มีเหตุผลง่ายๆ คือ
1. ไม่เคยมีครั้งใดที่ในหลวงทรงไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พระองค์ทรงใช้อำนาจของพระองค์โดยมีรัฐธรรมนูญรองรับทุกครั้ง หากไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับหรือเป็นที่สงสัยพระองค์จะไม่ทรงใช้อำนาจนั้นๆ
2. ในหลวงทรงเคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับ ม.7 มาแล้วซึ่งหลายคนคงจำได้ ซึ่งครั้งนั้นไม่ใช่เป็นเพียงพระราชดำรัสแต่เป็นพระราชวินิจฉัยแล้วว่า ม.7 ไม่สามารถให้ในหลวงตั้งนายกฯเองได้ มาตรา 7 ระบุว่า ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จะเห็นว่าปัจจุบันยังมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญบังคับใช้อยู่ เรื่องที่บอกว่าให้นายกฯรักษาการลาออกจะทำให้เกิดสูญญากาศและเข้าเงื่อนไขที่ไม่มีบัญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น มั่วสุดๆ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้วว่านายกฯต้องรักษาการ เมื่อมีบัญญัติไว้ต้องปฏิบัติตาม และไม่มีบทบัญญัติใดให้นายกฯรักษาการลาออกได้ หากยอมลาออกก็ผิดรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญต่อให้นายกฯรักษาการลาออกจริง ในหลวงจะต้องทรงโปรดเกล้าฯให้นายกฯรักษาการพ้นจากตำแหน่งก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะ "พระองค์ไม่เคยทรงใช้อำนาจนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ " การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการบีบให้พระองค์ทรงใช้อำนาจนอกเหนือที่รัฐธรรนูญบัญญัติไว้
และหากมองในเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญที่บัญญัติว่า " ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข " ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงพระราชทานนายกฯตามที่สุเทพอ้าง เพราะ การพระราชทานนายกฯไม่อาจนับเป็น "ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" ได้ นิยามของคำว่าประเพณีโดยคร่าวๆหมายถึง ความประพฤติที่คนส่วนใหญ่ ยึดถือเป็นแบบแผน และได้ทำการปฏิบัติสืบต่อกันมา จนเป็นต้นแบบที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ประพฤติปฏิบัติตามกันต่อไป แล้วนายกฯ ม.7 มันเป็นสิ่งที่ คนส่วนใหญ่ , ยึดถือเป็นแบบแผน , ปฏิบัติสืบต่อกันมา หรือ เป็นต้นแบบที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ประพฤติปฏิบัติตาม ตรงไหน
อีกทั้งเมื่อพระองค์ทรงเคยมีพระราชดำรัส พระราชวินิจฉัยว่าพระองค์ไม่สามารถพระราชทานนายกฯตาม ม.7 ได้ จะไปบีบบังคับให้พระองค์ทรงทำในสิ่งที่พระองค์เคยกล่าวไว้ย่อมเป็นการก้าวล่วง เพราะ " กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ "
3. กรณีที่ในหลวงทรงใช้อำนาจแต่งตั้งนายกฯตามคำแนะนำของคณะบุคคลในกรณีอื่นๆ เช่น หลังการปฏิวัติ นั้นเป็นเพราะคณะปฏิวัตินั้นๆล้มล้างการปกครอง และประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญในขณะนั้นๆไปแล้ว พระองค์จึงมิได้ทรงกระทำผิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
สรุป หากสุเทพต้องการได้นายกฯพระราชทาน ไม่ต้องอ้าง ม.7 แต่ที่ต้องทำลำดับแรกคือ ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก่อน และประกาศรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อรองรับอำนาจของกษัตริย์ในการแต่งตั้งนายกฯ และให้มีผลบังคับใช้โดยทั่วกันก่อน แต่ ณ ตอนนี้แม้แต่ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญสุเทพยังไม่กล้าประกาศ เบี่ยงประเด็นไปมาตรา 3 นั้นย่อมบ่งบอกในตัวว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ และคณะของสุเทพเองก็ยอมรับตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอยู่
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุการกระทำของคณะนายสุเทพไว้ คือ มาตรา ๑๑๓
ผู้ใด ใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(๑) ล้มล้าง หรือ เปลี่ยนแปลง รัฐธรรมนูญ
(๒) ล้มล้าง อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรือ อำนาจตุลาการ แห่ง รัฐธรรมนูญ หรือ ให้ใช้อำนาจ ดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(๓) แบ่งแยก ราชอาณาจักร หรือ ยึดอำนาจปกครอง ในส่วนหนึ่งส่วนใด แห่ง ราชอาณาจักร
ผู้นั้น กระทำความผิด ฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต
เลิกพูดถึง นายกฯ ม.7 กันได้แล้ว
มาตรา ๓ (อำนาจอธิปไตย)
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม
สุเทพเลือกจะพูดเฉพาะส่วนที่สนับสนุนแนวคิดตน อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ให้มวลชนที่ไม่เข้าใจฟังและหลงเชื่อ แต่หากคนที่รับรู้รายละเอียด มาตรา 3 ทั้งหมดแล้วไม่แถจนเกินไป ย่อมเห็นแล้วว่าประโยคต่อจากที่สุเทพพูดไม่มีตรงไหนที่รองรับอำนาจของสภาประชาชน หรือให้คืนอำนาจประชาชน รึแม้แต่บอกว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนโดยไม่มีกระบวนการรองรับ
และที่ผมบอกว่า นายกฯ ม.7 ไม่มีทางเป็นไปได้ มีเหตุผลง่ายๆ คือ
1. ไม่เคยมีครั้งใดที่ในหลวงทรงไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พระองค์ทรงใช้อำนาจของพระองค์โดยมีรัฐธรรมนูญรองรับทุกครั้ง หากไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับหรือเป็นที่สงสัยพระองค์จะไม่ทรงใช้อำนาจนั้นๆ
2. ในหลวงทรงเคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับ ม.7 มาแล้วซึ่งหลายคนคงจำได้ ซึ่งครั้งนั้นไม่ใช่เป็นเพียงพระราชดำรัสแต่เป็นพระราชวินิจฉัยแล้วว่า ม.7 ไม่สามารถให้ในหลวงตั้งนายกฯเองได้ มาตรา 7 ระบุว่า ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จะเห็นว่าปัจจุบันยังมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญบังคับใช้อยู่ เรื่องที่บอกว่าให้นายกฯรักษาการลาออกจะทำให้เกิดสูญญากาศและเข้าเงื่อนไขที่ไม่มีบัญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น มั่วสุดๆ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้วว่านายกฯต้องรักษาการ เมื่อมีบัญญัติไว้ต้องปฏิบัติตาม และไม่มีบทบัญญัติใดให้นายกฯรักษาการลาออกได้ หากยอมลาออกก็ผิดรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญต่อให้นายกฯรักษาการลาออกจริง ในหลวงจะต้องทรงโปรดเกล้าฯให้นายกฯรักษาการพ้นจากตำแหน่งก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะ "พระองค์ไม่เคยทรงใช้อำนาจนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ " การกระทำเช่นนั้นจะเป็นการบีบให้พระองค์ทรงใช้อำนาจนอกเหนือที่รัฐธรรนูญบัญญัติไว้
และหากมองในเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญที่บัญญัติว่า " ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข " ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงพระราชทานนายกฯตามที่สุเทพอ้าง เพราะ การพระราชทานนายกฯไม่อาจนับเป็น "ประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" ได้ นิยามของคำว่าประเพณีโดยคร่าวๆหมายถึง ความประพฤติที่คนส่วนใหญ่ ยึดถือเป็นแบบแผน และได้ทำการปฏิบัติสืบต่อกันมา จนเป็นต้นแบบที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ประพฤติปฏิบัติตามกันต่อไป แล้วนายกฯ ม.7 มันเป็นสิ่งที่ คนส่วนใหญ่ , ยึดถือเป็นแบบแผน , ปฏิบัติสืบต่อกันมา หรือ เป็นต้นแบบที่จะให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้ประพฤติปฏิบัติตาม ตรงไหน
อีกทั้งเมื่อพระองค์ทรงเคยมีพระราชดำรัส พระราชวินิจฉัยว่าพระองค์ไม่สามารถพระราชทานนายกฯตาม ม.7 ได้ จะไปบีบบังคับให้พระองค์ทรงทำในสิ่งที่พระองค์เคยกล่าวไว้ย่อมเป็นการก้าวล่วง เพราะ " กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ "
3. กรณีที่ในหลวงทรงใช้อำนาจแต่งตั้งนายกฯตามคำแนะนำของคณะบุคคลในกรณีอื่นๆ เช่น หลังการปฏิวัติ นั้นเป็นเพราะคณะปฏิวัตินั้นๆล้มล้างการปกครอง และประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญในขณะนั้นๆไปแล้ว พระองค์จึงมิได้ทรงกระทำผิดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
สรุป หากสุเทพต้องการได้นายกฯพระราชทาน ไม่ต้องอ้าง ม.7 แต่ที่ต้องทำลำดับแรกคือ ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก่อน และประกาศรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อรองรับอำนาจของกษัตริย์ในการแต่งตั้งนายกฯ และให้มีผลบังคับใช้โดยทั่วกันก่อน แต่ ณ ตอนนี้แม้แต่ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญสุเทพยังไม่กล้าประกาศ เบี่ยงประเด็นไปมาตรา 3 นั้นย่อมบ่งบอกในตัวว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ และคณะของสุเทพเองก็ยอมรับตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอยู่
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุการกระทำของคณะนายสุเทพไว้ คือ มาตรา ๑๑๓
ผู้ใด ใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(๑) ล้มล้าง หรือ เปลี่ยนแปลง รัฐธรรมนูญ
(๒) ล้มล้าง อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรือ อำนาจตุลาการ แห่ง รัฐธรรมนูญ หรือ ให้ใช้อำนาจ ดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(๓) แบ่งแยก ราชอาณาจักร หรือ ยึดอำนาจปกครอง ในส่วนหนึ่งส่วนใด แห่ง ราชอาณาจักร
ผู้นั้น กระทำความผิด ฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต