ประเทศไทยในตอนนี้ยังไม่พร้อมกับระบอบประชาธิปไตยแบบสากล

ในปัจจุบันที่คนไทยแบ่งเป็นฝักฝ่าย  กลุ่มหนึ่งต้องการ 1 สิทธิ์ 1 เสียง มองว่าทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียม  อีกกลุ่มมองว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศขาดความรู้หากให้มีสิทธิ์เท่าเทียม  ฝ่ายที่มองว่าตนมีความรู้ฐานะสูงกว่าก็จะพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งร่ำไป  นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางความคิด  ซึ่งหาทางมาบรรจบกันได้ยากหาก 2 ฝ่ายยึดมั่นในความคิดตนเพียงฝ่ายเดียว

หากไม่มองที่แนวคิดใดว่าผิดรึถูก  แต่มองที่การรอมชอมมุ่งที่จะให้การเมืองเกิดความสมดุลย์  รึอย่างน้อยตอบโจทย์ทั้ง 2 ฝ่ายได้ในระดับหนึ่ง  และทำให้การเมืองและประเทศพัฒนาได้โดยลดความขัดแย้ง  และประณีประนอมระหว่างชนชั้นกลาง - สูงกับชนชั้นล่าง  ระบบการเมืองแบบใดที่จะตอบโจทย์นี้ได้

ยังงัยเสียคำตอบก็ไม่พ้นระบอบประชาธิปไตยอยู่วันยังค่ำ  แม้ปัจจุบันจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ผิดหวัง  ไม่สมหวังกับระบอบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน  จนถึงขั้นเรียกร้องเผด็จการ  ทหาร  ม.7  รึแม้แต่สมบูรณาญาสิทธิราชย์  แต่เชื่อว่าลึกๆในใจไม่มีใครอยากทิ้งสิทธิพลเมืองของตนไปตลอดกาล  เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ  ต้องการอำนาจอื่นๆนอกจากที่บัญญัติไว้ตามระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบันบัญญัติไว้มาช่วยสนองความต้องการเพียงชั่วคราว

ฉะนั้นเราทำไมใช้ระบอบประชาธิปไตยเหมือนเดิมละ  เพียงแต่ปรับเปลี่ยนกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจทางบริหารและนิติบัญญัติ (รูปแบบการเลือกตั้ง) เสียใหม่  ให้รอมชอม ประณีประนอมกันทุกฝ่าย

ผมขอเสนอวิธีการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแบบใหม่  นั้นคือ
1. ให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งโดยตรง
2. ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจาก 2 ระบบ คือ เลือกแบบเขต (เขตละ 2 คน ) 150 เขตเลือกตั้ง และเลือกพรรคหรือปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน
3. ส.ว. มาจากการเลือกตั้งโดยตรง  แต่กำหนดให้มาจากแต่ละสาขาอาชีพตามสัดส่วน ( 10 สาชาอาชีพ ) 200 คน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่