สื่อมวลชนต่างชาติตั้งข้อกังขา พรรคประชาธิปัตย์ อาจเลิกเล่นการเมืองในระบบเลือกตั้ง หลังแพ้การเลือกตั้งมาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ชี้ว่า ระบบเลือกตั้งไทยดีกว่าหลายชาติในเอเชีย เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาใช้นโยบายซื้อใจประชาชน ไม่ใช่การซื้อเสียงแต่อย่างใด
การประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. แบบยกพรรคของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(8 ธ.ค.) จนกระทั่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยสื่อมวลชนส่วนใหญ่ระบุว่า การยุบสภา และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นการตัดสินใจเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างคำพูดของอาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของมหาวิทยาลัยเกียวโต ระบุว่า การประกาศเลือกตั้งใหม่อาจไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองล่าสุดได้ หากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง และหันหลังให้กับกฎกติกาประชาธิปไตย พร้อมชี้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดูเหมือนกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงพยายามเลี่ยงตอบคำถามที่ว่า พรรคของเขาจะลงเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ โดยชี้ว่า การยุบสภาคือการแก้ไขปัญหาขั้นแรก ส่วนการส่งตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งหรือไม่ เขายังไม่มีคำตอบ เนื่องจากต้องการโฟกัสที่การเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลในวันนี้ก่อน
เว็บไซต์วอลสตรีทเจอร์นัล อ้างการวิเคราะห์ของโจชัว เคอร์แลนต์ซิค นักวิชาการอาวุโสประจำสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตันดีซี ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งรอบใหม่ เนื่องจากพรรคเก่าแก่พรรคนี้ไม่เคยชนะการเลือกตั้งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2535 พร้อมทั้งชี้ว่า ณ จุดนี้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ต้องการกลับไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแบบเทคโนแครตที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
การวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของคอลัมนิสต์ชื่อดังในเว็บไซต์เอเชียน คอร์เรสพอนเดนต์ ที่ระบุว่า การลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ยกพรรค และไปเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ใช้การเลือกตั้ง
เว็บไซต์เอเชียน คอร์เรสพอนเดนต์ อ้างข้อความจากสำนักข่าวเอพี ที่ระบุว่า ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์บางคน ดูเหมือนจะยอมยกธงขาวให้กับการเมืองในระบบเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่เคยชนะฝ่ายตรงข้ามมานานกว่า 10 ปี ดังนั้นจึงหันไปร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเรียกร้องการจัดตั้งสภาประชาชน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแทน
เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ ของสหรัฐฯ รายงานเช่นกันว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถเอาชนะพรรคการเมืองซึ่งพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน และการลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองยกพรรค ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่ชี้ว่า บรรดาฝ่ายค้าน และกลุ่มคนชั้นสูงของไทย ไม่พอใจกระบวนการประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ความไม่ไว้ใจการเมืองในระบบเลือกตั้งนี้ยังเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ทั่วภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นในมาเลเซีย ซึ่งมีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่ยุติธรรม หรือในกัมพูชา ที่รัฐบาลใช้กลไกอำนาจรัฐ และกองทัพ เพื่อสนับสนุนอำนาจของฝ่ายตนเอง
อย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ระบบเลือกตั้งไทย แตกต่างจากชาติอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างชัดเจน นั่นคือ พรรคของพันตำรวจโททักษิณสามารถเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ด้วยนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือ และภาคอีสานได้เป็นอย่างดี และสิ่งนี้คือปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งมาตลอดตั้งแต่ปี 2544
แม้ฝ่ายค้านจะกล่าวหามาตลอดเช่นกันว่า พรรคของพันตำรวจโททักษิณ ซื้อเสียงเพื่อแลกอำนาจ แต่นิวยอร์กไทมส์ ก็อ้างบทความของนักวิจัยชั้นนำของไทยที่ชี้ว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเป็นเรื่องไร้สาระที่น่าอันตราย เนื่องจากสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำถือเป็นการใช้นโยบาย ไม่ใช่การซื้อเสียงตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด
http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/90607.html
>>> ต่างชาติกังขา 'ประชาธิปัตย์' ไม่เอาระบบเลือกตั้ง <<<
การประกาศลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. แบบยกพรรคของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(8 ธ.ค.) จนกระทั่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยสื่อมวลชนส่วนใหญ่ระบุว่า การยุบสภา และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นการตัดสินใจเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างคำพูดของอาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของมหาวิทยาลัยเกียวโต ระบุว่า การประกาศเลือกตั้งใหม่อาจไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองล่าสุดได้ หากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศบอยคอตการเลือกตั้ง และหันหลังให้กับกฎกติกาประชาธิปไตย พร้อมชี้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยดูเหมือนกำลังเดินไปในทิศทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงพยายามเลี่ยงตอบคำถามที่ว่า พรรคของเขาจะลงเลือกตั้งครั้งใหม่หรือไม่ โดยชี้ว่า การยุบสภาคือการแก้ไขปัญหาขั้นแรก ส่วนการส่งตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งหรือไม่ เขายังไม่มีคำตอบ เนื่องจากต้องการโฟกัสที่การเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลในวันนี้ก่อน
เว็บไซต์วอลสตรีทเจอร์นัล อ้างการวิเคราะห์ของโจชัว เคอร์แลนต์ซิค นักวิชาการอาวุโสประจำสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตันดีซี ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งรอบใหม่ เนื่องจากพรรคเก่าแก่พรรคนี้ไม่เคยชนะการเลือกตั้งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2535 พร้อมทั้งชี้ว่า ณ จุดนี้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ต้องการกลับไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแบบเทคโนแครตที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
การวิเคราะห์ดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของคอลัมนิสต์ชื่อดังในเว็บไซต์เอเชียน คอร์เรสพอนเดนต์ ที่ระบุว่า การลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ยกพรรค และไปเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ใช้การเลือกตั้ง
เว็บไซต์เอเชียน คอร์เรสพอนเดนต์ อ้างข้อความจากสำนักข่าวเอพี ที่ระบุว่า ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์บางคน ดูเหมือนจะยอมยกธงขาวให้กับการเมืองในระบบเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่เคยชนะฝ่ายตรงข้ามมานานกว่า 10 ปี ดังนั้นจึงหันไปร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเรียกร้องการจัดตั้งสภาประชาชน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแทน
เว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ ของสหรัฐฯ รายงานเช่นกันว่า พรรคประชาธิปัตย์รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถเอาชนะพรรคการเมืองซึ่งพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ให้การสนับสนุน และการลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองยกพรรค ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่ชี้ว่า บรรดาฝ่ายค้าน และกลุ่มคนชั้นสูงของไทย ไม่พอใจกระบวนการประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ความไม่ไว้ใจการเมืองในระบบเลือกตั้งนี้ยังเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ทั่วภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นในมาเลเซีย ซึ่งมีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างไม่ยุติธรรม หรือในกัมพูชา ที่รัฐบาลใช้กลไกอำนาจรัฐ และกองทัพ เพื่อสนับสนุนอำนาจของฝ่ายตนเอง
อย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ระบบเลือกตั้งไทย แตกต่างจากชาติอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างชัดเจน นั่นคือ พรรคของพันตำรวจโททักษิณสามารถเอาชนะใจคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ด้วยนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะในแถบภาคเหนือ และภาคอีสานได้เป็นอย่างดี และสิ่งนี้คือปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งมาตลอดตั้งแต่ปี 2544
แม้ฝ่ายค้านจะกล่าวหามาตลอดเช่นกันว่า พรรคของพันตำรวจโททักษิณ ซื้อเสียงเพื่อแลกอำนาจ แต่นิวยอร์กไทมส์ ก็อ้างบทความของนักวิจัยชั้นนำของไทยที่ชี้ว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเป็นเรื่องไร้สาระที่น่าอันตราย เนื่องจากสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำถือเป็นการใช้นโยบาย ไม่ใช่การซื้อเสียงตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด
http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/90607.html