ผมมัน ไทย อะไรดีวะ
ผมนึกถึงหนังสือเรียนสังคมตั้งแต่สมัยยังเด็ก ก็บอกเรื่องราวของระบอบการปกครอง เผด็จการ หรือ ประชาธิปไตย ระบุข้อดีข้อเสียไว้ค่อนข้างถูกต้องเป็นกลาง
แต่ทำไม ?
หลายคนบอกว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งสูงส่งเหลือเกิน จนแทบจะยอมตายกันได้
หลายคนบอกว่าเผด็จการ เป็นสิ่งชั่วร้าย จนยอมตายที่จะต่อสู้กับมันเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเห็นว่า “ประชาธิปไตย” หรือ “เผด็จการ” เป็นแค่ “วิธีการตัดสินใจ” ของกลุ่มคนเท่านั้นเองในการเลือกวิธีจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ทุกคนในกลุ่มยอมรับ
ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในกลุ่มคน และมีวิธีแก้ปัญหา 1.2.3.4.... วิธี
ถ้าเป็นเผด็จการ “หัวหน้ากลุ่มก็จะเลือก ทำตาม วิธี 1.2.3.4....หรือหาคนมาทำแทน ตามใจชอบ”หรือตามความสามารถที่จะคิดได้ “หัวหน้ายิ่งฉลาดยิ่งเป็นคนดี” หรือเชื่อความเห็นของคนดีๆ เท่าไรก็ยิ่งได้วิธีแก้ปัญหาดีๆ เท่านั้น ในทางกลับกันถ้าผู้นำเลวหรือไม่ฉลาดก็จะเกิดการเลือกที่เลวร้ายได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นประชาธิปไตย ก็จะมีการ "เสนอวิธีการ 1.2.3.4...ขึ้นมาถกกันให้ทุกคนในกลุ่มเลือกวิธี และเลือกผู้ทำ” “ยิ่งคนในกลุ่มมีคนฉลาด” มีคนดีมากเท่าไร ก็จะมีข้อเสนอที่ดี และการเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าคนในกลุ่มมีสิทธิเลือกไม่รู้จักไตร่ตรอง เป็นคนไม่ดีเสียส่วนใหญ่ก็จะมีการเลือกที่เลวร้ายอีกเช่นกัน
**ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยวิธีไหน มันก็อาจเกิดสิ่งดีสิ่งเลวได้เท่าๆกัน**
ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลิศไปทั้งหมด ที่มันดี เพราะคนที่ตัดสินมัน เคยได้รับผลจากความดีของมัน หรืออยากได้ สิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น จากประชาธิปไตย ให้เกิดขึ้นกับตัวเองอีก
เผด็จการจึงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปทั้งหมด ที่มันเลว เพราะคนที่ตัดสินมัน เคยได้รับผลจากความเลวร้ายของมัน หรือกลัวว่า สิ่งเลวร้ายที่ เคยเกิดขึ้น จากเผด็จการ จะเกิดขึ้นอีกกับตัวเองอีก
ผมเห็นประเทศไทยกำลังแตกแยกเป็นสองฝ่าย ผมไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ผมขอวิจารณ์จากสิ่งที่แต่ละฝ่าย แสดงออกมาว่า มองฝ่ายตรงข้าม ยังไง เอากันตรงๆเลยคือ ฝ่ายแดงกับฝ่ายไม่เอาแดง
ในสิ่งที่ผมรับรู้มา
ฝ่ายไม่เอาแดง ความคิดหลัก ที่ต่อต้านแดง คือ
1.แดงสนับสนุนทักษิน ฝ่ายไม่เอาแดงไม่ชอบทักษิน เพราะเห็นว่าท่านมีนโยบายทางการเมืองที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวก วงษ์ตระกูล และมีแนวโน้มจะนำผลประโยชน์ของชาติหลายๆอย่างไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง สร้างฐานอำนาจครอบงำประเทศ เชื่อว่าทักษินอยากเป็น ปธน. ซึ่งเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ท่านทักษินและครอบครัว มีการทำธุรกรรมหลายอย่าง ที่ดูเหมือนทำให้ชาติเสียประโยชน์ แต่รอดช่องทางกฎหมายไปได้ คือไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสมและเลวทรามในสายตาคนกลุ่มที่ไม่เอาแดง
2.เชื่อว่าแดงไม่เอาเจ้า
3.แดงคนที่มีความรู้สูง เห็นแก่เงิน เห็นแก่ประโยชน์สุข ไม่สนใจประโยชน์ของประเทศในภาพรวม
4.แดงที่ไม่มีความรู้ ส่วนใหญ่ เป็นคนชั้นล่างที่ถูกชักจูงมา โดยที่ไม่ได้มีความคิด มีวิสัยทัศน์เป็นของตัวเอง เชื่อง่าย ฝังใจ และไม่ยอมฟังเหตุผลใหม่ๆ
5.ภาพลักษณ์ที่ดูรุนแรง หรือชอบใช้ความรุนแรง
6.ฝ่ายมาเอาแดง ไม่ยอมรับประชาธิปไตยฝ่ายข้างมากที่ตนเองพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง เนื่องจากข้อ 1- 5 ที่กล่าวมา และอีกส่วนหนึ่งคือ การทุจริตเลือกตั้ง
<<< ฝ่ายไม่เอาแดงจึงเห็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องเลวร้าย >>>
และกระทำการต่อต้านด้วยการชุมนุม
ฝ่ายแดง ความคิดหลักคือ
1.ปกป้องทักษินจากการกล่าวหาของฝ่ายไม่เอาแดง ด้วยเหตผลว่า ท่านเคยสร้างคุณงามความดีที่เป็นรูปธรรมไว้มากมายในสมัยเป็นนายกฯ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ OTOP 30บาท ใช้หนี้ IMF ฯลฯ และ เชื่อว่าวิสัยทัศน์ของท่านทักษินจะช่วยให้ประเทศเจริญขึ้น และจะทำให้ฝ่ายแดงได้ประโยชน์ ส่วนหนึ่ง กับความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณความดีอีกส่วนหนึ่ง
2. เชื่อว่าผู้ที่ให้ร้ายทักษินอย่างไม่เป็นธรรม อาศัยบารมีเจ้า จึงกล้าทำเช่นนั้น จึงเห็นผู้ต่อต้านแดงเป็นพวกศักดินาบ้าอำนาจ
3.ไม่ยอมรับผู้ที่สนับสนุน การรัฐประหาร และสิ่งที่เกิดขึ้นกับทักษิน ได้แก่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วตั้งศาลเอาผิดทักษินย้อนหลัง เนื่องจากขัดต่อหลักการกฎหมาย และ ประชาธิปไตย
4.ผ่ายแดงคิดว่าฝ่ายไม่เอาแดงสนับสนุนเผด็จการและอำนาจที่ไม่เป็นธรรม จากการที่พวกไม่เอาแดงไม่ยอมรับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง
<<<< ฝ่ายแดงจึงเห็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องไว้ >>>
และแสดงออกว่าจะปกป้องด้วยการชุมนุม
**ดังนั้นสรุปปัญหาง่ายๆ คือ ความขัดแย้ง ที่ทำให้เกิดการชุมนุม ตอนนี้ เกิดมาจากการกระทำของท่านทักษิน โดยไม่สนใจเจตนา ส่วนตัวที่ไม่อาจรับรู้ได้แท้จริง ว่าผลที่เกิดขึ้น ทำให้
มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่รู้สึกว่า ทักษิน ทำ หรือกำลังจะทำ ให้ ตัวเอง หรือ ชาติ เสียผลประโยชน์ อย่างรุนแรง และยอมรับไม่ได้ แม้จะมีผลประโยชน์ต่อชาติบ้างก็ตาม
ในขณะที่ คนอีกกลุ่มหนึ่ง ยอมรับในเรื่องเดียวกันนี้ เพราะยอมรับว่า ทักษิน ใช้อำนาจและทำตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้ว ตามหลัก ประชาธิปไตย
ข้อมูลที่จะนำมาตัดสินใจแก้ปัญหากันได้ก็คือ สิ่งที่ ทักษิน เคยทำ กำลังจะทำ(ก่อนโดนรัฐประหาร) **ในแต่ละเรื่อง** มันดี หรือ เลว กับประเทศชาติ จริงๆ กันแน่
<<<เรื่องที่ดีก็ควรชื่นชม เรื่องที่ไม่ดี ก็ควรออกกฎหมายป้องกันไม่ให้ใครมาทำได้อีก>>>
ท่ามกลางความขัดแย้ง การชวนเชื่อ การปกป้องภาพลักษณ์ การสร้างความรู้สึกเกลียดชัง ทำให้ความจริงโดนบิด แต่งเติม ปิดบังบางส่วน จนไม่รู้จะเชื่ออะไรได้อีก พยานหลักฐาน การสืบสาวราวเรื่องอ้างอิง แทบจะไม่มีความหมาย คนแต่ละฝ่ายเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อ และไม่ยอมอ่อนข้อ
มีคนพยายาม นิรโทษกรรม เพื่อยุติความขัดแย้ง แต่ ผมเห็นว่า การนิรโทษกรรมเป็นการทำให้ทุกคนค้างคาใจ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และไม่ได้ประโยชน์กับการพัฒนาอะไรเลย
แต่ถ้ายืนยันที่จะเป็น **ประชาธิปไตย** ยังไงก็ต้องให้ **ประชาชนตัดสิน และร่วมรับผลในการตัดสินใจ**
โดยส่วนตัว ผม ยังเห็นหลักประชาธิปไตยมีข้อดีอยู่บ้าง และยังเชื่อว่ามันจะสร้างสิ่งที่ดีได้ โดยต้องปรับแต่งหลักการให้เหมาะกับบ้านเมืองจึง คิด บนพื้นฐานของประชาธิปไตยว่า
*** ประชาธิปไตยดี แต่ต้องมีข้อจำกัด ดังเช่น ประชาธิปไตย ประเทศเยอรมัน ใช้ประชาธิปไตย สร้างเผด็จการอย่าง ฮิตเล่อ ขึ้นมา ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อมาจึงสร้างข้อจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญเยอรมัน ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องได้รับความคุ้มครอง***
**รัฐธรรมนูญไทย** มีนักวิชาการ แกนนำชุมชน คนชั้นสูง ผู้ทรงคุณวุฒิ หยิบมือหนึ่ง ร่วมกันร่าง โดยเอาแบบมาจากที่ได้ไปร่ำเรียนเมืองนอกบ้าง คิดเอาเองตามความฉลาดที่มีบ้าง หลักการตามสามัญสำนึกบ้าง เอาสิ่งเหล่านี้มา สร้าง **ข้อจำกัดของประชาธิปไตย** ในประเทศไทย และพยายามประกาศว่ามันเป็น **สิ่งสูงสุด** ที่ ประชาชนคนไทยทั้งหมด ต้องยอมรับ
ถ้าประชาธิปไตย คือการให้อำนาจประชาชนเลือก รัฐธรรมนูญ ก็ต้องให้ประชาชนทั้งหมดร่าง
ไม่ใช่การเลือกตัวแทนไปร่าง อย่างที่เคยทำ แต่ควรเป็นการ ร่วมกันร่าง ทั้งฉบับ ทีละเรื่อง ทีละมาตรา ให้ทุกคนได้เลือกร่วมกันว่า **ประชาธิปไตยของประเทศไทย** ควรมี **ข้อจำกัด** อะไรบ้าง
เพื่อให้ทุกคน
ได้ปกป้องสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นสิ่ง **สำคัญ** และฝ่ายบริหารไม่ควรแตะต้อง เช่น สถาบัน สมบัติของชาติ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขั้นตอนการให้สัมปทานใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการขนาดยักษ์ การกู้เงิน และอะไรก็ตาม ที่ถ้าทำแล้วเรียกว่า ขายชาติ
สร้างระบบตรวจสอบอำนาจ ที่ทุกคนยอมรับ และเป็นที่ “ยุติ” คือ จบ จริงๆ
เข้าใจเจตนาของรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ป้องกันการตีความบิดเบือน
ได้ใช้สิทธิ ตามหลัก ประชาธิปไตย อย่างเต็มที่ อย่างที่ฝัน อย่างที่ต้องการ
ร่วมรับผิดชอบในการกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง
ซึ่งคิดว่าผล น่าจะถูกใจ หรือยอมรับได้ ในเรื่องที่สองฝ่าย ต้องการ อย่างน้อยก็เปลี่ยนมาทะเลาะกันในเรื่องที่เป็นสาระ และได้ประโยชน์มากกว่า
ทุกอย่างที่จะสร้างขึ้นใหม่ ก็ควร **ไม่มีผลย้อนหลังเป็นโทษ** กับใครทั้งสิ้น เพื่อ ดึงประเด็น ออกจาก ความเกลียดชัง หรือความรัก ในตัวบุคคลที่เป็นประเด็นหลักของความขัดแย้งเดิม
ถ้าทำอย่างนี้ได้ มองไปสู่อนาคต อดีตที่วุ่นวายก็ปล่อยมันไป ยอมรับว่าทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ทุกคนเป็นคนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีปีศาจก็ไม่มี ฮีโร่ แล้วผมจะยอมรับ การนิรโทษกรรม
ครอบครัวทักษิน ล่มจม ก็ไม่ใช่ว่าประเทศจะเจริญ ดีเลิศ แน่นอน
ทักษินกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ประเทศไทยจะเจริญ ดีเลิศ แน่นนอน
ใครสักคนที่ดีเลิศ มีอำนาจ ก็ไม่ใช่ว่า จะทำให้ประเทศไทยเจริญ ดีเลิศ แน่นอน
ถ้ารักจะเป็นประชาธิปไตย อย่าพยายามโยนหน้าที่ความรับผิดชอบพาประเทศชาติเดินหน้า ให้ใครคนเดียว
ผู้นำในระบอบประชาธิปไตย ทำหน้าที่ ที่ทุกคนร่วมใจมอบให้เขาทำ เราควรนับถือในฐานะ ผู้ที่เสียสละแรงกายเพื่อส่วนรวม และได้รับสิ่งที่ควรจะได้สมฐานะในขณะทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นผู้มีบุญคุณล้นฟ้า ที่จะทำผิดไม่ได้เลย เมื่อไรที่เขาทำผิดหน้าที่ ทุจริตเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพื่อหาประโยชน์เกินกว่าที่ควรจะได้ ก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไป และมีโทษตามสมควร ก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องเห็นเป็นคนเลวที่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ คนที่ถูกหาว่าเลว ต้องดิ้นรนปกป้องตัวเองเป็นธรรมดา
ผมอยากให้ประชาชนทุกคนคิด **อยากเป็นผู้นำ อยากเป็นนายก** แล้วคิดทำอะไรดีๆสักอย่าง ประเทศจะดี อย่าหวังพึ่งแต่ผู้นำคนเดียว
ประชาธิปไตยไม่มีประโยชน์ กับ **ประชาชนที่ไม่มีวิสัยทัศน์** เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ของลูกหลาน ของสังคม ของประเทศ หรอกครับ
ผมเป็นไทย อะไรดีหว่า
ผมนึกถึงหนังสือเรียนสังคมตั้งแต่สมัยยังเด็ก ก็บอกเรื่องราวของระบอบการปกครอง เผด็จการ หรือ ประชาธิปไตย ระบุข้อดีข้อเสียไว้ค่อนข้างถูกต้องเป็นกลาง
แต่ทำไม ?
หลายคนบอกว่า ประชาธิปไตยเป็นสิ่งสูงส่งเหลือเกิน จนแทบจะยอมตายกันได้
หลายคนบอกว่าเผด็จการ เป็นสิ่งชั่วร้าย จนยอมตายที่จะต่อสู้กับมันเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเห็นว่า “ประชาธิปไตย” หรือ “เผด็จการ” เป็นแค่ “วิธีการตัดสินใจ” ของกลุ่มคนเท่านั้นเองในการเลือกวิธีจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ทุกคนในกลุ่มยอมรับ
ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในกลุ่มคน และมีวิธีแก้ปัญหา 1.2.3.4.... วิธี
ถ้าเป็นเผด็จการ “หัวหน้ากลุ่มก็จะเลือก ทำตาม วิธี 1.2.3.4....หรือหาคนมาทำแทน ตามใจชอบ”หรือตามความสามารถที่จะคิดได้ “หัวหน้ายิ่งฉลาดยิ่งเป็นคนดี” หรือเชื่อความเห็นของคนดีๆ เท่าไรก็ยิ่งได้วิธีแก้ปัญหาดีๆ เท่านั้น ในทางกลับกันถ้าผู้นำเลวหรือไม่ฉลาดก็จะเกิดการเลือกที่เลวร้ายได้เหมือนกัน
ถ้าเป็นประชาธิปไตย ก็จะมีการ "เสนอวิธีการ 1.2.3.4...ขึ้นมาถกกันให้ทุกคนในกลุ่มเลือกวิธี และเลือกผู้ทำ” “ยิ่งคนในกลุ่มมีคนฉลาด” มีคนดีมากเท่าไร ก็จะมีข้อเสนอที่ดี และการเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าคนในกลุ่มมีสิทธิเลือกไม่รู้จักไตร่ตรอง เป็นคนไม่ดีเสียส่วนใหญ่ก็จะมีการเลือกที่เลวร้ายอีกเช่นกัน
**ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยวิธีไหน มันก็อาจเกิดสิ่งดีสิ่งเลวได้เท่าๆกัน**
ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลิศไปทั้งหมด ที่มันดี เพราะคนที่ตัดสินมัน เคยได้รับผลจากความดีของมัน หรืออยากได้ สิ่งดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น จากประชาธิปไตย ให้เกิดขึ้นกับตัวเองอีก
เผด็จการจึงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปทั้งหมด ที่มันเลว เพราะคนที่ตัดสินมัน เคยได้รับผลจากความเลวร้ายของมัน หรือกลัวว่า สิ่งเลวร้ายที่ เคยเกิดขึ้น จากเผด็จการ จะเกิดขึ้นอีกกับตัวเองอีก
ผมเห็นประเทศไทยกำลังแตกแยกเป็นสองฝ่าย ผมไม่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร ผมขอวิจารณ์จากสิ่งที่แต่ละฝ่าย แสดงออกมาว่า มองฝ่ายตรงข้าม ยังไง เอากันตรงๆเลยคือ ฝ่ายแดงกับฝ่ายไม่เอาแดง
ในสิ่งที่ผมรับรู้มา
ฝ่ายไม่เอาแดง ความคิดหลัก ที่ต่อต้านแดง คือ
1.แดงสนับสนุนทักษิน ฝ่ายไม่เอาแดงไม่ชอบทักษิน เพราะเห็นว่าท่านมีนโยบายทางการเมืองที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวก วงษ์ตระกูล และมีแนวโน้มจะนำผลประโยชน์ของชาติหลายๆอย่างไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง สร้างฐานอำนาจครอบงำประเทศ เชื่อว่าทักษินอยากเป็น ปธน. ซึ่งเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ท่านทักษินและครอบครัว มีการทำธุรกรรมหลายอย่าง ที่ดูเหมือนทำให้ชาติเสียประโยชน์ แต่รอดช่องทางกฎหมายไปได้ คือไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสมและเลวทรามในสายตาคนกลุ่มที่ไม่เอาแดง
2.เชื่อว่าแดงไม่เอาเจ้า
3.แดงคนที่มีความรู้สูง เห็นแก่เงิน เห็นแก่ประโยชน์สุข ไม่สนใจประโยชน์ของประเทศในภาพรวม
4.แดงที่ไม่มีความรู้ ส่วนใหญ่ เป็นคนชั้นล่างที่ถูกชักจูงมา โดยที่ไม่ได้มีความคิด มีวิสัยทัศน์เป็นของตัวเอง เชื่อง่าย ฝังใจ และไม่ยอมฟังเหตุผลใหม่ๆ
5.ภาพลักษณ์ที่ดูรุนแรง หรือชอบใช้ความรุนแรง
6.ฝ่ายมาเอาแดง ไม่ยอมรับประชาธิปไตยฝ่ายข้างมากที่ตนเองพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง เนื่องจากข้อ 1- 5 ที่กล่าวมา และอีกส่วนหนึ่งคือ การทุจริตเลือกตั้ง
<<< ฝ่ายไม่เอาแดงจึงเห็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องเลวร้าย >>>
และกระทำการต่อต้านด้วยการชุมนุม
ฝ่ายแดง ความคิดหลักคือ
1.ปกป้องทักษินจากการกล่าวหาของฝ่ายไม่เอาแดง ด้วยเหตผลว่า ท่านเคยสร้างคุณงามความดีที่เป็นรูปธรรมไว้มากมายในสมัยเป็นนายกฯ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ OTOP 30บาท ใช้หนี้ IMF ฯลฯ และ เชื่อว่าวิสัยทัศน์ของท่านทักษินจะช่วยให้ประเทศเจริญขึ้น และจะทำให้ฝ่ายแดงได้ประโยชน์ ส่วนหนึ่ง กับความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณความดีอีกส่วนหนึ่ง
2. เชื่อว่าผู้ที่ให้ร้ายทักษินอย่างไม่เป็นธรรม อาศัยบารมีเจ้า จึงกล้าทำเช่นนั้น จึงเห็นผู้ต่อต้านแดงเป็นพวกศักดินาบ้าอำนาจ
3.ไม่ยอมรับผู้ที่สนับสนุน การรัฐประหาร และสิ่งที่เกิดขึ้นกับทักษิน ได้แก่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วตั้งศาลเอาผิดทักษินย้อนหลัง เนื่องจากขัดต่อหลักการกฎหมาย และ ประชาธิปไตย
4.ผ่ายแดงคิดว่าฝ่ายไม่เอาแดงสนับสนุนเผด็จการและอำนาจที่ไม่เป็นธรรม จากการที่พวกไม่เอาแดงไม่ยอมรับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง
<<<< ฝ่ายแดงจึงเห็นประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องไว้ >>>
และแสดงออกว่าจะปกป้องด้วยการชุมนุม
**ดังนั้นสรุปปัญหาง่ายๆ คือ ความขัดแย้ง ที่ทำให้เกิดการชุมนุม ตอนนี้ เกิดมาจากการกระทำของท่านทักษิน โดยไม่สนใจเจตนา ส่วนตัวที่ไม่อาจรับรู้ได้แท้จริง ว่าผลที่เกิดขึ้น ทำให้
มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่รู้สึกว่า ทักษิน ทำ หรือกำลังจะทำ ให้ ตัวเอง หรือ ชาติ เสียผลประโยชน์ อย่างรุนแรง และยอมรับไม่ได้ แม้จะมีผลประโยชน์ต่อชาติบ้างก็ตาม
ในขณะที่ คนอีกกลุ่มหนึ่ง ยอมรับในเรื่องเดียวกันนี้ เพราะยอมรับว่า ทักษิน ใช้อำนาจและทำตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้ว ตามหลัก ประชาธิปไตย
ข้อมูลที่จะนำมาตัดสินใจแก้ปัญหากันได้ก็คือ สิ่งที่ ทักษิน เคยทำ กำลังจะทำ(ก่อนโดนรัฐประหาร) **ในแต่ละเรื่อง** มันดี หรือ เลว กับประเทศชาติ จริงๆ กันแน่
<<<เรื่องที่ดีก็ควรชื่นชม เรื่องที่ไม่ดี ก็ควรออกกฎหมายป้องกันไม่ให้ใครมาทำได้อีก>>>
ท่ามกลางความขัดแย้ง การชวนเชื่อ การปกป้องภาพลักษณ์ การสร้างความรู้สึกเกลียดชัง ทำให้ความจริงโดนบิด แต่งเติม ปิดบังบางส่วน จนไม่รู้จะเชื่ออะไรได้อีก พยานหลักฐาน การสืบสาวราวเรื่องอ้างอิง แทบจะไม่มีความหมาย คนแต่ละฝ่ายเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อ และไม่ยอมอ่อนข้อ
มีคนพยายาม นิรโทษกรรม เพื่อยุติความขัดแย้ง แต่ ผมเห็นว่า การนิรโทษกรรมเป็นการทำให้ทุกคนค้างคาใจ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และไม่ได้ประโยชน์กับการพัฒนาอะไรเลย
แต่ถ้ายืนยันที่จะเป็น **ประชาธิปไตย** ยังไงก็ต้องให้ **ประชาชนตัดสิน และร่วมรับผลในการตัดสินใจ**
โดยส่วนตัว ผม ยังเห็นหลักประชาธิปไตยมีข้อดีอยู่บ้าง และยังเชื่อว่ามันจะสร้างสิ่งที่ดีได้ โดยต้องปรับแต่งหลักการให้เหมาะกับบ้านเมืองจึง คิด บนพื้นฐานของประชาธิปไตยว่า
*** ประชาธิปไตยดี แต่ต้องมีข้อจำกัด ดังเช่น ประชาธิปไตย ประเทศเยอรมัน ใช้ประชาธิปไตย สร้างเผด็จการอย่าง ฮิตเล่อ ขึ้นมา ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต่อมาจึงสร้างข้อจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญเยอรมัน ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต้องได้รับความคุ้มครอง***
**รัฐธรรมนูญไทย** มีนักวิชาการ แกนนำชุมชน คนชั้นสูง ผู้ทรงคุณวุฒิ หยิบมือหนึ่ง ร่วมกันร่าง โดยเอาแบบมาจากที่ได้ไปร่ำเรียนเมืองนอกบ้าง คิดเอาเองตามความฉลาดที่มีบ้าง หลักการตามสามัญสำนึกบ้าง เอาสิ่งเหล่านี้มา สร้าง **ข้อจำกัดของประชาธิปไตย** ในประเทศไทย และพยายามประกาศว่ามันเป็น **สิ่งสูงสุด** ที่ ประชาชนคนไทยทั้งหมด ต้องยอมรับ
ถ้าประชาธิปไตย คือการให้อำนาจประชาชนเลือก รัฐธรรมนูญ ก็ต้องให้ประชาชนทั้งหมดร่าง
ไม่ใช่การเลือกตัวแทนไปร่าง อย่างที่เคยทำ แต่ควรเป็นการ ร่วมกันร่าง ทั้งฉบับ ทีละเรื่อง ทีละมาตรา ให้ทุกคนได้เลือกร่วมกันว่า **ประชาธิปไตยของประเทศไทย** ควรมี **ข้อจำกัด** อะไรบ้าง
เพื่อให้ทุกคน
ได้ปกป้องสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นสิ่ง **สำคัญ** และฝ่ายบริหารไม่ควรแตะต้อง เช่น สถาบัน สมบัติของชาติ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขั้นตอนการให้สัมปทานใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โครงการขนาดยักษ์ การกู้เงิน และอะไรก็ตาม ที่ถ้าทำแล้วเรียกว่า ขายชาติ
สร้างระบบตรวจสอบอำนาจ ที่ทุกคนยอมรับ และเป็นที่ “ยุติ” คือ จบ จริงๆ
เข้าใจเจตนาของรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ป้องกันการตีความบิดเบือน
ได้ใช้สิทธิ ตามหลัก ประชาธิปไตย อย่างเต็มที่ อย่างที่ฝัน อย่างที่ต้องการ
ร่วมรับผิดชอบในการกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง
ซึ่งคิดว่าผล น่าจะถูกใจ หรือยอมรับได้ ในเรื่องที่สองฝ่าย ต้องการ อย่างน้อยก็เปลี่ยนมาทะเลาะกันในเรื่องที่เป็นสาระ และได้ประโยชน์มากกว่า
ทุกอย่างที่จะสร้างขึ้นใหม่ ก็ควร **ไม่มีผลย้อนหลังเป็นโทษ** กับใครทั้งสิ้น เพื่อ ดึงประเด็น ออกจาก ความเกลียดชัง หรือความรัก ในตัวบุคคลที่เป็นประเด็นหลักของความขัดแย้งเดิม
ถ้าทำอย่างนี้ได้ มองไปสู่อนาคต อดีตที่วุ่นวายก็ปล่อยมันไป ยอมรับว่าทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพื่อการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ทุกคนเป็นคนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่มีปีศาจก็ไม่มี ฮีโร่ แล้วผมจะยอมรับ การนิรโทษกรรม
ครอบครัวทักษิน ล่มจม ก็ไม่ใช่ว่าประเทศจะเจริญ ดีเลิศ แน่นอน
ทักษินกลับมา ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ประเทศไทยจะเจริญ ดีเลิศ แน่นนอน
ใครสักคนที่ดีเลิศ มีอำนาจ ก็ไม่ใช่ว่า จะทำให้ประเทศไทยเจริญ ดีเลิศ แน่นอน
ถ้ารักจะเป็นประชาธิปไตย อย่าพยายามโยนหน้าที่ความรับผิดชอบพาประเทศชาติเดินหน้า ให้ใครคนเดียว
ผู้นำในระบอบประชาธิปไตย ทำหน้าที่ ที่ทุกคนร่วมใจมอบให้เขาทำ เราควรนับถือในฐานะ ผู้ที่เสียสละแรงกายเพื่อส่วนรวม และได้รับสิ่งที่ควรจะได้สมฐานะในขณะทำหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นผู้มีบุญคุณล้นฟ้า ที่จะทำผิดไม่ได้เลย เมื่อไรที่เขาทำผิดหน้าที่ ทุจริตเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพื่อหาประโยชน์เกินกว่าที่ควรจะได้ ก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไป และมีโทษตามสมควร ก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องเห็นเป็นคนเลวที่จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ คนที่ถูกหาว่าเลว ต้องดิ้นรนปกป้องตัวเองเป็นธรรมดา
ผมอยากให้ประชาชนทุกคนคิด **อยากเป็นผู้นำ อยากเป็นนายก** แล้วคิดทำอะไรดีๆสักอย่าง ประเทศจะดี อย่าหวังพึ่งแต่ผู้นำคนเดียว
ประชาธิปไตยไม่มีประโยชน์ กับ **ประชาชนที่ไม่มีวิสัยทัศน์** เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง ของลูกหลาน ของสังคม ของประเทศ หรอกครับ