2 ครั้งที่ผ่านมาเรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ
ที่มาของสมัชชาแห่งชาติ โดยมีที่มา วัตถุประสงค์ กระบวนการดำเนินงาน คือ
ครั้งที่ 1
เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 เป็นการแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,347 คน เพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา โดยเรียกกันทั่วไปว่า “สภาสนามม้า”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สมัชชาแห่งชาติครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 ภายหลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญในยุคนั้นคือเหตุการณ์วันมหาวิปโยค
14 ตุลาคม 2516 หลังจากเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แล้ว ทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติในยุครัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร
ลาออกจำนวนมากเหลือสมาชิกฯ เพียง 11 คน ต่อมาจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีได้ลาออกจากตำแหน่งตามเสียงเรียกร้องของ
กลุ่มนักศึกษาและประชาชนในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายสัญญา ธรรมศักดิ์
เป็นนายกรัฐมนตรีตามคำกราบบังคมทูลของนายทวี แรงคำ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หลังจากนั้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ฯ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้น
เนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้นยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจและทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการวางรากฐานแห่ง
การปกครองเสียก่อน และทรงมีพระราชดำริว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น ควรจะประกอบด้วยบุคคลผู้เป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ อาชีพ
วิชาความรู้ ตลอดจนทรรศนะและแนวความคิดทางการเมืองให้มาก และกว้างขวางที่สุด
สมัชชาแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกหลากหลายอาชีพจำนวน 2,347 คน โดยให้สมาชิกสมัชชาแห่งชาติเลือกสมาชิกด้วยกันเองเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
หลังจากนั้นในวันที่ 16 ธันวาคม 2516 ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งและแต่งตั้งสมาชิก
สภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน 299 คน และในวันที่ 18 ธันวาคม 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินทรง
ประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมสมัชชาแห่งชาติ ณ ราชตฤณมัยสมาคม (หรือสนามม้านางเลิ้ง) เพื่อให้สมัชชาแห่งชาติได้ดำเนินการต่อไปโดย
มุ่งเน้นให้มีการร่างรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 เป็นการแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 1,982 คน เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
หลังจากที่พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 นั้น และได้นำความกราบบังคมทูล
เหตุที่ทำการยึดอำนาจและประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 นั้น ก็โดยปรารถนาที่จะแก้ไข
ความเสื่อมศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ความไร้ประสิทธิภาพ ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
ขณะเดียวกันก็เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจากประชาชนในทุกขั้นตอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต่อมาได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 โดยบัญญัติให้มีสมัชชาแห่งชาติ ดังนี้ มาตรา 20 ได้กำหนดให้มีสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่า18 ปี มีจำนวนไม่เกิน 2,000 คน และมาตรา 22 บัญญัติให้สมัชชาแห่งชาติ มีหน้าที่คัดเลือกสมาชิกด้วยกันเอง เพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อ ผู้สมควรได้รับการโปรดเกล้า แต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีจำนวน 200 คน ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันเปิดประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งแรก และในมาตรา 23 บัญญัติว่าเมื่อได้รับบัญชีรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกจากสมัชชาแห่งชาติแล้ว ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติคัดเลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้เหลือ 100 คน และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ต่อไป
จากนั้นให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่งตามมาตรา 25 ดังนี้ ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ได้รับการคัดเลือกตามมติของสภา จำนวน 25 คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 คน ตามคำแนะนำของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
สมัชชาแห่งชาติ
http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4
ครั้งที่ 3
ประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฯ ในกรุงเทพ และทั่วประเทศ จำนวนมาก ถือว่าเป็นนายกที่คนไทย
ชุมนุมขับไล่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากการหักหลังประชาชนโดยการออกกฎหมายล้างผิดให้คนโกง ทุจริต คอรัปชั่น
การดำเนินนโยบายทำลายชาติ และการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล อันเป็นการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
จน น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ประกาศยุบสภา เมื่อ 9 ธ.ค.56กลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์
หลังจากนี้โปรดติดตามตอนต่อไป มวลมหาประชาชนจะกดดันจนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องลาออกจากรัฐบาลรักษาการณ์
เกิดสูญญากาศทางการเมือง และนำไปสู่การจัดตั้ง "สภาประชาชน" ตามรัฐธรรมนูญ ม.3 และ ม.7 ในที่สุด...
"คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤตด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ..."
อืมมม...วรรคท้ายของคำทำนาย ขยับใกล้เข้ามาแล้ว...
~ ศรอรชุน ~
.... Welcome Back!!! สภาประชาชน ครั้งที่ 3 ปี 56 (ครั้งที่ 1 ปี 16, ครั้งที่ 2 ปี 49) ....
ที่มาของสมัชชาแห่งชาติ โดยมีที่มา วัตถุประสงค์ กระบวนการดำเนินงาน คือ
ครั้งที่ 1
เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 เป็นการแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,347 คน เพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา โดยเรียกกันทั่วไปว่า “สภาสนามม้า”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2549 เป็นการแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 1,982 คน เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
หลังจากที่พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 นั้น และได้นำความกราบบังคมทูล
เหตุที่ทำการยึดอำนาจและประกาศให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 นั้น ก็โดยปรารถนาที่จะแก้ไข
ความเสื่อมศรัทธาในการบริหารราชการแผ่นดิน ความไร้ประสิทธิภาพ ในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
ขณะเดียวกันก็เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจากประชาชนในทุกขั้นตอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครั้งที่ 3
ประชาชนชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฯ ในกรุงเทพ และทั่วประเทศ จำนวนมาก ถือว่าเป็นนายกที่คนไทย
ชุมนุมขับไล่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เนื่องจากการหักหลังประชาชนโดยการออกกฎหมายล้างผิดให้คนโกง ทุจริต คอรัปชั่น
การดำเนินนโยบายทำลายชาติ และการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล อันเป็นการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
จน น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ประกาศยุบสภา เมื่อ 9 ธ.ค.56กลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์
หลังจากนี้โปรดติดตามตอนต่อไป มวลมหาประชาชนจะกดดันจนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องลาออกจากรัฐบาลรักษาการณ์
เกิดสูญญากาศทางการเมือง และนำไปสู่การจัดตั้ง "สภาประชาชน" ตามรัฐธรรมนูญ ม.3 และ ม.7 ในที่สุด...
"คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤตด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ..."
อืมมม...วรรคท้ายของคำทำนาย ขยับใกล้เข้ามาแล้ว...
~ ศรอรชุน ~