ผ่าวิกฤติยูไนเต็ด ...



ฝ่าวิกฤติยูไนเต็ด ...

"ฝ่าวิกฤติยูไนเต็ด"...เอิ่ม ...คือต้องบอกก่อนว่า อันที่จริงผมก็ค่อนข้างเขินอยู่นะที่ต้องมาคิดตั้งชื่อกระทู้อะไรในทำนองนี้ให้มันเรียกความสนใจ ซึ่งบางครั้งมันก็ดันไปเหมือนกันกับชื่อหนังบล๊อคบลัสเตอร์ของ เจอรรี่ บรั๊คไฮเมอร์ หรือว่า โรแลนด์ เอมเมอร์ริทช์ อะไรเทือกนั้น... แต่ช่างมันเถอะนะ คำว่า "วิกฤติ" อะไรในที่นี้มันน่าสนใจมากกว่า.... หลังจากที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกำลังจะหลุดจากครึ่งบนของตารางมะรอมมะร่อ แพ้ในบ้านสองนัดติด และที่น่าชื่นใจกว่านั้นคือแนวโน้มที่ว่าเราอาจจะไม่ติดหนึ่งในสี่ซึ่งส่งผลให้ชวดโอกาศไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี.... "วิกฤติ" คืออะไรที่สามารถอธิบายสถาณการณ์นี้ได้ดีที่สุด...

ทั้งๆที่ผมคือคนแรกๆเลยนะที่สนับสนุนมอยส์ ... ผมมักจะชูมือขวาพร้อมรักแร้แบบไมโครแล้วพูดว่า เอาล่ะ ให้โอกาศหมอนี่ก่อน คุณไม่มีทางที่จะไปตัดสินเค้าโดยที่ไม่ยอมให้โอกาสไม่ได้หรอกนะ อย่างน้อย เดวิด ก็น่าจะได้แสดงฝีมือ โชว์ให้แฟนๆเห็นถึงระบบการเล่นดูดีมีอนาคต และติดหนึ่งในสาม นั่นคือสิ่งที่เราพอรับได้...แต่ปัญหาคือทุกวันนี้สภาพทีมที่เราเห็นมันเลยจุดที่เรา "รับได้" มาไกลโขมากเกินไป... ระบบการเล่นสะเปะสะปะ ไร้จุดยืน และสำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นที่ไม่มีหลงเหลืออยู่เลยในทีมชุดนี้ สิ่งที่เราเห็นอยู่ในตอนนี้ ถ้าอธิบายแบบภาษาชาวบ้านแบบ....เอิ่ม... เสียใจด้วยนะครับ แต่ด้วยความเครพ เราจะบอกกับคุณว่าสิ่งที่คุณเห็นกับยูไนเต็ดตอนนี้คือการ "เล่นไล่โค๊ช" ระยะเริ่มแรก...

ศัพท์แบบฉบับฟุตบอล อบต ที่ซึ่งสามารถกระแดะ อธิบายในเชิงวิชาการคือ "สถาณการณ์ หรือ ลักษณะการเล่นที่ผู้เล่นไม่มีความเชื่อมั่น หรือ สนับสนุน ผู้จัดการทีมอีกต่อไป" .... ซึงในที่นี้ มันไม่ได้หมายถึงว่า นักฟุตบอลจะมารวมกลุ่มยืนล้อมกันเป็นวงกลมก่อนที่จะประสานมือแบบพาวเวอร์เรนเจอร์แล้วพูดว่า เอาละ กูเบื่อหมอนี่ว่ะ วันนี้เราจะเล่นกันให้ห่วยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะ สู้โว๊ยยยย... มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ...

ทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยกลไกทางฟุตบอลมันจะเริ่มมาจากการที่ผู้จัดการทีมเข้ามาใหม่ โชว์ทัศนคติ แนวทาง หรือ ระบบที่จะใช้เล่น และที่เหมือนกันคือผู้เล่นส่วนใหญ่อาจจะสงสัยแต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเค้าก็จะให้โอกาศผู้จัดการทีมใหม่โดยทำตามระบบที่ว่านั้น หากกึ๋นของโค๊ชดีพอนักเตะรู้สึกว่าระบบมันเวิร์คกว่าเดิมพวกเค้าจะเริ่มเชื่อมั่น และเช่นกันหากว่าหลายครั้งที่ผู้จัดการทีมสามารถแก้เกมส์ได้ถูกจุดพวกเค้าก็จะเริ่มเชื่อมั่นเข้าไปอีก เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ นักเตะรู้สึกถึงความเชื่อมั่นจากผู้จัดการทีมใหม่ หรือ แนวทางการเล่นที่ใช่ ส่วนผู้จัดการทีมก็จะรู้สึกถึงการสนับสนุนที่ได้รับจากนักเตะ คล้ายๆกับทฏษฎี TWO WAY REFLEXIBILITY คือแรงสนับสนุนส่งผลเกื้อกูลกันทั้งสองฝ่ายไปมา สเถียรภาพจึงจะเกิดขึ้นภายในสโมสร ....

แต่ราวกับฟ้าเป็นใจทุกอย่างดูเหมือนมันจะไม่ใช่  ระหว่างยูไนเต็ด กับ เดวิด มอยส์ .. แรกเริ่มคุณต้องเข้าใจว่าเหล่านักเตะพวกเค้าก็ไม่ได้พิศวาสหรือชื่นชมอะไรมากมายในตัวของ เดวิด เป็นทุนเดิม แต่ต้องยอมรับสถาณการณ์เพราะมันคือการตัดสินใจของ เฟอร์กี้ ซึ่งตอนนี้มันมีแนวโน้วว่าเค้าอาจจะประเมิณสถาณการณ์ผิดพลาดก็ได้... สถาณการณ์คือในตอนแรก เดวิด เข้ามาเพราะเฟอร์กี้ และนักเตะก็ยังคาใจอยู่บ้างแต่พวกเค้าให้สัญญาว่าจะสนับสนุนการทำงานของผู้จัดการใหม่อย่างเต็มที่....  สอง เดวิด เองก็ประเมิณสถาณการณ์ผิดพลาด คัดค้านข้อเสนอแนะของ เฟอร์กี้ที่บอกว่าให้ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆยัดไอเดียให้ทีมไปทีละน้อย ขณะที่เฟอร์กี้ขึ้นไปรับงานผู้อำนวยการฟุตบอล กลุ่มสต๊าฟโค๊ชของที่นี่ อย่าง เรเน่ มิวเลสทีน, ไมค์ ฟีแลน หรือ อีริค สตีล พร้อมจะช่วยเหลือเค้าอยู่แล้ว โครงสร้างที่คิดไว้คือตัวเฟอร์กี้เองขยับเลเวลขึ้นไปดูแลภาพรวมของสโมสร ยัด เดวิด มอยส์ แทนตัวเค้าเองโดยยังมีแรงสนับสนุนตามเดิมจากสต๊าฟโค๊ชชุดเดิมทีทำงานกันมาเป็นสิบปี...

แต่ด้วยความมั่นใจเกินไปของ เดวิด เองที่ควรจะค่อยๆแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ในองกรณ์ใหญ่ให้เป็นเนื้อเดียวกันก่อนตามที่เฟอร์กี้แนะนำ กลับกับ มอยส์กลับเลือกที่วัดใจสโมสรในวันแรกรับตำแหน่ง ...ด้วยการ "เสร่อ" ไปรื้อระบบสต๊าฟโค๊ชที่เฟอร์กี้ให้ไว้แบบไม่เห็นหัว แล้วก็รวบรัดยัดสต๊าฟโค๊ชชุดเดียวกันทีเอฟเวอร์ตันเข้ามาแทน ..... ณ จุดนั้นคุณคิดว่าเหล่านักเตะจะมีปฎิกิริยาตอบรับยังไง? ตอนที่กลับมาสโมสรแล้วไม่เห็นเหม่งของ ไมค์ ฟีแลน อีริค สตีล หรือว่า ฟานเพอร์ซี่ ที่รู้ว่าโค๊ชชาติเดียวกันอย่าง เรเน่ มิวเลสทีน ต้องเสียงานของเค้าไปแบบไม่ยุติธรรมซักเท่าไหร่นัก...

คูณลองคิดดูนะมันเหมือนกับว่า.... ใช่ล่ะ พวกเค้าคือทีมระดับโลก ที่จู่ๆมาวันหนึ่ง ก็ดันมารู้ตัวว่าถูกกำหนดอนาคตชีวิตนักฟุตบอล ด้วยทีมงานของสโมสรเอฟเวอร์ตัน ทั้งๆที่พวกเค้าเองยังคงเป็นนักเตะของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด !!  .... กรุณาอย่าถามถึงความมั่นใจ ก่อนอื่นนักเตะจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าพวกเค้าจะพัฒนาตัวเองได้ จากการที่ต้องเปลี่ยนการฝึกซ้อมจาก สต๊าฟโค๊ชที่มีประสบการณ์ได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ และ ก็แชมป์ยุโรป มาเป็น สต๊าฟของทีมที่ไม่มีประสบการณ์ในบอลยุโรปและได้อันดับที่หกในพรีเมียร์ลีก?... ในเมื่ออยู่มาวันหนึ่ง ทุกอย่างในสโมสรถูกควบคุมแบบเบ็ดเสร็จโดยกลุ่มคนจากเอฟเวอร์ตัน มันจะไปต่างอะไรกับการแค่เล่นในโอลด์แทร๊ฟฟอร์ดแล้วก็แปะโลโก้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น ซ้อมก็ซ้อมแบบเอฟเวอร์ตัน เล่นก็อาจจะไม่เหมือนเอฟเวอร์ตันซะทีเดียว แต่มันก็ไม่ใช่ยูในเต็ดอย่างที่เราเคยเห็นแน่นอน...

ที่โชคร้ายที่สุด ในเรื่องของระบบการเล่น เดวิด เข้ามาทำทีมใหม่ทุกคนพร้อมจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ขอเพียงแต่ให้มันดีขึ้นแค่นั้น ถ้าระบบการเล่นมันดีกว่าก็คงพอคุยกันได้ แต่โชคร้ายที่เราเห็นมันคือบอลมันไร้ระบบ สับสน และไม่มีจุดยืน ... คุณลองมองทีมอื่นๆนะ คุณเห็นเชลซีเล่น เห็น ลิเวอร์พูล แมนซิตี้ หรือ สวอนซี ใบหน้าของ มูริญโญ่ ร๊อดเจอรส์ หรือ เลาดรู๊ป จะลอยมาในหัว สไตล์การเล่นที่ถูกถ่ายทอดมาจากลักษณะของผู้จัดการทีมนั้นๆ แต่ที่ยูไนเต็ด ที่เราเห็นคือความสับสน จะ 4-4-2 หรือ 4-4-1-1 จะครองบอลไว้ เจาะแบบไหนขึ้นทางปีก หรือ ทำเกมส์ตรงกลางสนาม เค้าท์เตอร์แอ๊คแท็ค หรือ จะให้เพรสซิ่งไล่บอล ไม่มีอะไรชัดเจนทั้งนั้น.... ทั้งๆที่กล้าตัดสินใจรื้อสต๊าฟโค๊ชเก่าออกทั้งยวงแต่สต๊าฟชุดใหม่ก็กลับไม่ได้ให้ มิติ หรือระบบการเล่นอะไรที่ดีกว่าเดิม กลายเป็นว่าเข้ามาทำทีมให้สับสน ไม่โบราณ แต่ก็ไม่สมัยใหม่ เป็นบอลไร้สไตล์ เล่นแบบเนิบๆ ไร้จุดยืน ไร้ความมุ่งมั่น เมื่อรวมกับการแก้เกมส์ที่ไร้ไอเดียที่ชัดเจน หนำซ้ำยังเลือกที่จะทำร้ายนักเตะอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ หรือ แดน เวลเบ็ค ในสายตาของแฟนบอล ด้วยการฝืนส่งลงไปในสนามเพื่อแก้เกมส์ในสถาณการณ์ที่ผิดๆ....ซึ่งแน่นอว่ามันไปสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักเตะคนอื่นๆที่มีต่อตัวเค้าเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ให้น้อยลงไปอีก..

ถึงตอนนี้ผมก็ยังพยายามอยู่นะ แต่ปัญหาคือผมมองไม่เห็นใครเลยในกลุ่มของนักเตะแกนนำที่ออกแรงสนับสนุนมอยส์อย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่เราต้องรู้คือไม่ว่าจะทีมไหนก็ตามจะมีนักเตะห้าหรือหกคนด้วยกันที่คุณต้องเข้าใจว่าจะเป็นตัวกำหนดจุดยืนของสโมสรทั้งในและนอกสนามเอาไว้ และสำหรับที่ยูไนเต็ด เวนย์ รูนีย์, เฟอร์ดี้, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, วีดิช , เอฟร่า , คาร์ริค แล้วก็อาจจะ ไรอัน กิ๊กส์ คือนักเตะประเภทนั้น.....และที่ผมจะถามคือ คุณเห็นใครในนี้สนับสนุนมอยส์แบบเต็มเหยียดบ้างมั๊ย?.... ทั้งๆที่ รูนีย์ กลับมาได้เพราะ เดวิด หรือ ไรอัน กิ๊กส์ เองที่เป็นหนึ่งในสต๊าฟก็ยังไม่ได้ออกมาสนับสนุนหรือปกป้องเจ้านายของพวกเค้าแบบชัดเจนด้วยซ้ำ อาจจะมีบ้างนะที่บอกว่าพร้อมจะทำงานให้เต็มที่เพื่อสโมสร นั่นเพราะพวกเค้าคือมืออาชีพ แต่มีใครบ้างมั๊ยที่ออกมาบอกว่าสนับสนุนให้ เดวิด ทำงานต่อไป? "ผมจะตายเพื่อเดวิด" เดวิดคือคนที่ใช่... ยุคทองของเรามาถึงแล้ว หรืออะไรทำนองนั้น?... ไม่มีนะครับ .... ซ้ำหนักกว่านั้น คือขาใหญ่อย่าง เฟอร์ดี้ หรือ ฟานเพอร์ซี่ ยังแสดงความคับค้องใจหรือสับสนในตัวเจ้านายใหม่ออกมาเป็นระยะๆด้วยซ้ำ ขณะที่นักเตะสนับสนุนคนอื่นๆอย่าง ชินจิ คากาวะ , หลุยส์ นานี่ อันแดร์สัน หรือ เอร์นานเดซ ก็เหมือนกันคือชัดเจนว่าพวกเค้ารู้สึกว่าไม่ได้รับความเชื่อมั่นในจากเจ้านายใหม่รายนี้ ส่วนนักเตะที่เหลือคือกลางๆแต่ก็จะเห็นว่าออกแนวสับสนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ....

ณ วันนี้ชัดเจนแล้วว่าปัญหาที่น่าหนักใจที่สุดคือ กลุ่มนักเตะร้อยละเก้าสิบเห็นไปในทางเดียวกันว่าพวกเค้าสับสนต่อผู้จัดการทีมคนใหม่ และไม่เชื่อมั่นในผู้จัดการทีมอีกต่อไป อะไรที่เราเห็นยูไนเต็ดในสภาพการณ์ตอนนี้ คือหมดความเชื่อมั่นและไร้แรงกระตุ้นในการเล่น พวกเค้าวิ่ง พวกเค้าสกัด และพยายามเข้าทำ พยายามเล่นเต็มที่เพื่อแฟนบอล แต่พวกเค้าเองก็สับสน เพราะตกอยู่ในสถาณการณ์ที่ไร้ความมุ่งมั่น ไร้แรงกระตุ้นที่จะคว้าชัยชนะให้แก่ผู้จัดการทีม   นั่นคือสิ่งที่อันตรายที่สุดสำรับสโมสร .... วิกฤติที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเริ่มมาจากการประเมิณสถาณการณ์ที่ผิดพลาด เฟอร์กี้ ดึงคนสัญชาติเดียวกันอย่าง เดวิด มอยส์ มาโดยลืมไปยูไนเต็ดไม่ใช่แค่ทีมหัวแถวของอังกฤษ แต่คือทีมในระดับท๊อปห้าของโลกทั้งในเรื่องของภาพลักษณ์ของสโมสร แบรนด์ หรือ ความสำเร็จ โดยลืมไปว่าคนที่มาสานงานต่อจากตัวเค้าเองนั้นต้องถึงทั้งชื่อเสียง ผีมือ และบารมี แบบที่เค้ามีอยู่นั่นคือเรื่องที่ต้องยอมรับ .... ส่วน เดวิดเอง พูดจริงๆผมค่อนข้างที่จะสงสารเค้ามากกว่านะ แต่ก็เพราะตัวเค้าเองประเมินสถาณการณ์ที่นี่ผิดพลาดไปเช่นกัน พยายามจะรวบรัดเข้ามาจัดการกับนักเตะ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าฝีมือ และ บารมีของเค้าจะคุมสถาณการณ์ใหญ่ๆแบบนี้อยู่หรือไม่ ... และ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด นักจัดการเชิงธุรกิจ ที่เข้ามาแทน เดวิด กิลล์ คนที่เข้ามามีบทบาทในสโมสรทั้งๆที่ไม่ได้มีความรู้ด้านฟุตบอลมากพอ... เมื่อการประเมินสถาณการณ์ที่ผิดพลาดทำให้ มือใหม่ มาร่วมมือกับ มือใหม่ อะไรมันก็เลยเป็น วิกฤติอะไรใหม่ๆอย่างที่เราเห็นกันอยุ่นี่แหละ....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่