สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขออนุญาตเสนออีกมุมมอง
เป็นมุมที่มองจากธรรมชาติและการจัดการหลักสูตร
หรือการจัดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษาที่นำไปสู่ Professional Degree
และ Research Degree ที่จำเป็นต้องพูดถึงซึ่งจะช่วยให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้น
Professional Degree
มักปรากฏในคู่มือบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยต่างประเทศ
เป็นปริญญาจากหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนที่ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว
ได้มีโอกาศกลับมาเพิ่มเติมความรู้ โดยการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในสาขาอาชีพตน
เช่นอาจเป็นสาขา Agriculture Education Engineering
ชื่อปริญญาที่ได้รับ เช่น Master of Agriculture Master of Education Master of Engineering
ตัวย่อคือ M.Agri. M.Ed. M.Eng. ตามลำดับ
ถ้าระดับเอก เช่น Doctor of Education หรือ D.Ed. อะไรทำนองนี้
หลักสูตรที่นำไปสู่ Professional Degree จะไม่เน้นการวิจัย คืออาจไม่ต้องเรียนวิชา Research Methodology
แต่เน้นเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพโดยตรง เพื่อเอาไปสนับสนุนการทำงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพขึ้น
เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างที่ประจักษ์กันดี เช่น เรียนรู้ผลกระทบอันเกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่มีต่อทุกชนชั้นในสังคม
หลักสูตรที่นำไปสู่ Professional Degree ส่วนใหญ่บริหารจัดการ โดยระดับคณะวิชาที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่โดยบัณฑิตวิทยาลัยอย่างที่ดำเนินการกับ Research Degree
Research Degree
เป็นปริญญาเน้นการรวิจัย ผู้เรียนต้องเรียน วิชา Research Methodology มากกว่า
หรือเข้มข้นกว่า Professional Degree
เป็นหลักสูตรบริหารจัดการโดยบัณฑิตวิทยาลัย ไม่ใช่โดยคณะวิชา
Ph.D. หรือ Doctor of Philosophy เป็นปริญญาเอกเน้นการวิจัย กล่าวได้ว่าเป็น Research Degree
มุ่งวิจัยเพื่อหาความรู้ใหม่ หรือ ทฤษฏีใหม่
ขณะที่ปริญญาเอกสาย Professional Degree เช่น D. Ed. เน้นวิจัย
เพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติเมื่อนำทฤษฎีไปใช้ในการทำงาน
Doctoral Degree หมายถึงปริญญาเอกทั้งของสาย Research และ Professional Degree
คำถามที่ว่า Professional Degree กับ Doctoral Degree แบบไหนมีระดับที่สูงกว่า
คำถามที่เหมาะสมกว่า หรือสิ่งที่คุณอยากถามน่าเป็นอย่างนี้กระมัง
Professional Degree VS Research Degree อันไหนเป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่า
คนส่วนใหญ่มักมองว่า Research Degree น่าจะได้รับการยอมรับมากกว่า
เพราะเงื่อนไขการรับเข้าเรียน และการจบการศึกษา หยุมหยิมกว่า
บ้างว่าเรียนยากกว่า ชึ่งเป็นการมองที่ตื้นเกินไป
อย่าลืมว่า ปริญญาแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ดังกล่าวแล้วข้างบน
คนที่เรียนปริญญาเอก ส่วนใหญ่ต้องการมาพัฒนาทักษะการวิจัย
จึงมุ่งไปเรียนสาย Research Degree มากกว่าสนใจจะเรียน Professional Degree ที่ไม่เน้นงานวิจัย
แต่ผู้เรียนก็จะได้ทักษะการวิจัยติดตัวไประดับหนึ่งเช่นกัน
สรุป ถ้ามองอย่างตื้นๆและผิวเผิน ดูเหมือนว่า Research Degree มีภาษี และเป็นที่ยอมรับมากว่า
แต่ดูลึกๆลงไปในหลักสูตรแล้ว Degree ทั้งสองประเภท มีจุดเด่นในตัวของมันเอง
พบว่า อธิการบดีรายหนึ่งซึ่งเพิ่งหมดวาระเมื่อเร็วๆนี้
ได้รับปริญญาเอกสาย Professional Degree คือ D.Ed.
ก็สามารถนำพามหาวิทยาลัยภาคเหนือแห่งหนึ่ง ให้มีความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ
ไม่น้อยหน้ากว่าอธิการ ที่จบสาย Research หรือ Ph. D. หรือ Professional Degree อื่นๆ
เป็นมุมมอง และข้อสังเกตส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ จ้า
เป็นมุมที่มองจากธรรมชาติและการจัดการหลักสูตร
หรือการจัดการเรียนการสอนระดับบัณฑิตศึกษาที่นำไปสู่ Professional Degree
และ Research Degree ที่จำเป็นต้องพูดถึงซึ่งจะช่วยให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้น
Professional Degree
มักปรากฏในคู่มือบัณฑิตศึกษามหาวิทยาลัยต่างประเทศ
เป็นปริญญาจากหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนที่ทำงานไประยะหนึ่งแล้ว
ได้มีโอกาศกลับมาเพิ่มเติมความรู้ โดยการเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ในสาขาอาชีพตน
เช่นอาจเป็นสาขา Agriculture Education Engineering
ชื่อปริญญาที่ได้รับ เช่น Master of Agriculture Master of Education Master of Engineering
ตัวย่อคือ M.Agri. M.Ed. M.Eng. ตามลำดับ
ถ้าระดับเอก เช่น Doctor of Education หรือ D.Ed. อะไรทำนองนี้
หลักสูตรที่นำไปสู่ Professional Degree จะไม่เน้นการวิจัย คืออาจไม่ต้องเรียนวิชา Research Methodology
แต่เน้นเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพโดยตรง เพื่อเอาไปสนับสนุนการทำงานให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพขึ้น
เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างที่ประจักษ์กันดี เช่น เรียนรู้ผลกระทบอันเกิดจาก การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่มีต่อทุกชนชั้นในสังคม
หลักสูตรที่นำไปสู่ Professional Degree ส่วนใหญ่บริหารจัดการ โดยระดับคณะวิชาที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่โดยบัณฑิตวิทยาลัยอย่างที่ดำเนินการกับ Research Degree
Research Degree
เป็นปริญญาเน้นการรวิจัย ผู้เรียนต้องเรียน วิชา Research Methodology มากกว่า
หรือเข้มข้นกว่า Professional Degree
เป็นหลักสูตรบริหารจัดการโดยบัณฑิตวิทยาลัย ไม่ใช่โดยคณะวิชา
Ph.D. หรือ Doctor of Philosophy เป็นปริญญาเอกเน้นการวิจัย กล่าวได้ว่าเป็น Research Degree
มุ่งวิจัยเพื่อหาความรู้ใหม่ หรือ ทฤษฏีใหม่
ขณะที่ปริญญาเอกสาย Professional Degree เช่น D. Ed. เน้นวิจัย
เพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติเมื่อนำทฤษฎีไปใช้ในการทำงาน
Doctoral Degree หมายถึงปริญญาเอกทั้งของสาย Research และ Professional Degree
คำถามที่ว่า Professional Degree กับ Doctoral Degree แบบไหนมีระดับที่สูงกว่า
คำถามที่เหมาะสมกว่า หรือสิ่งที่คุณอยากถามน่าเป็นอย่างนี้กระมัง
Professional Degree VS Research Degree อันไหนเป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่า
คนส่วนใหญ่มักมองว่า Research Degree น่าจะได้รับการยอมรับมากกว่า
เพราะเงื่อนไขการรับเข้าเรียน และการจบการศึกษา หยุมหยิมกว่า
บ้างว่าเรียนยากกว่า ชึ่งเป็นการมองที่ตื้นเกินไป
อย่าลืมว่า ปริญญาแต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน ดังกล่าวแล้วข้างบน
คนที่เรียนปริญญาเอก ส่วนใหญ่ต้องการมาพัฒนาทักษะการวิจัย
จึงมุ่งไปเรียนสาย Research Degree มากกว่าสนใจจะเรียน Professional Degree ที่ไม่เน้นงานวิจัย
แต่ผู้เรียนก็จะได้ทักษะการวิจัยติดตัวไประดับหนึ่งเช่นกัน
สรุป ถ้ามองอย่างตื้นๆและผิวเผิน ดูเหมือนว่า Research Degree มีภาษี และเป็นที่ยอมรับมากว่า
แต่ดูลึกๆลงไปในหลักสูตรแล้ว Degree ทั้งสองประเภท มีจุดเด่นในตัวของมันเอง
พบว่า อธิการบดีรายหนึ่งซึ่งเพิ่งหมดวาระเมื่อเร็วๆนี้
ได้รับปริญญาเอกสาย Professional Degree คือ D.Ed.
ก็สามารถนำพามหาวิทยาลัยภาคเหนือแห่งหนึ่ง ให้มีความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ
ไม่น้อยหน้ากว่าอธิการ ที่จบสาย Research หรือ Ph. D. หรือ Professional Degree อื่นๆ
เป็นมุมมอง และข้อสังเกตส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ จ้า
แสดงความคิดเห็น
Professional Degree กับ Doctoral Degree ต่างกันอย่างไรคะ???
ไม่จำเป็นต้องอิงการศึกษาในประเทศไทยก็ได้ค่ะ