จะแดง จะซ้าย ไม่ว่ากัน แต่ทำไมต้องไปเป็นแนวร่วมของกระล่อนทองด้วย

กระทู้สนทนา
จะแดง จะซ้าย ไม่ว่ากัน แต่ทำไมต้องไปเป็นแนวร่วมของกระล่อนทองด้วย

จะแดงจะซ้าย จะคอมมิวนิสต์ จะฝ่ายเลือกประธานาธิบดี จะรักปรีดี หรืออะไรอื่น
เป็นสิทธิ เป็นอิสรภาพของความเชื่อ

เป็นความเห็นที่ต้องเคารพแก่กันและกัน ตามหลักประชาธิปไตย
คืออิสรภาพในการแสดงความคิดเห็น

และในขณะเดียวกัน เราย่อมต้องยอมรับการแสดงออกของอีกฝ่ายหนึ่ง
ที่เป็นพวกชาตินิยม อนุรักษ์นิยม กษัตริย์นิยม ฯลฯ
แม้หลายครั้งฝ่ายนี้ บางกลุ่มบางพวก เขาจะแสดงออกที่บางคนที่คิดตรงข้ามอาจหมั่นไส้
ด้วยว่าบางคนเขารักมาก อาจจะ sensitive มากกว่าบางคน
บางคนอาจจะรำคาญ อาจจะเย้ยหยัน หงุดหงิด
แต่ถ้าเข้าใจกัน ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร
เมื่อเคารพหลักประชาธิปไตย เขามีสิทธิแสดงออกในความเชื่อความรู้สึกนั่นๆ

ไปชุมนุมต่อต้านกระล่อนทอง ตั้งแต่ปิดรายการเจิ่มศักดิ์ที่ผมชอบดู
จนรายการสนทนาทางการเมืองหลายๆรายการ หายไปจากฟรีทีวี
มองออกว่า คนๆนี้ไม่มีจิตใจรักประชาธิปไตยอะไรเลย
คนที่เคารพรักประชาธิปไตย ย่อมต้องยอมรับความหลากหลายทางความคิด

เขาเคยแสดงความเห็นด้วยกับลีกวนยิว
ที่เห็นว่าประชาชนไม่ควรสนใจการเมืองมากจนเกินไป(ในมาตรฐานใคร?)
สิงค์โปร์มีฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างมากเกือบทั้งสภา
ฝ่ายค้านมีน้อยมากพอให้ไม่น่าเกลียด
เราอยากเป็นมนุษย์ทำเงินอย่างเดียวที่ไม่ใช่เสรีชนอย่างคนสิงค์โปร์หรือ?

เมื่อปี48 ระหว่างเป็นนายกฯ คำพูดที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเลยก็ปรากฏ เป็นการขู่คนที่จะไม่เลือก และให้รางวัลคนที่เลือก จากปากผู้มีอำนาจ คนอย่างนี้หรือ?ที่ใจคนรักประชาธิปไตยจะยอมร่วมแนวทางด้วยได้

“ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย สื่อมวลชนอยู่ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับสำหรับผม วันนี้คิดกับประชาชนอย่างไร ก็อยากเห็นคนทั้งประเทศไม่ว่าอยู่ที่ไหน เลือกหรือไม่เลือกผม ก็อยากให้ทุกคนหายจน แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ต้องไล่ลำดับกันไป แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ”

การกล่าวเช่นนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งซ่อมใน 3 จังหวัดที่พรรคไทยรักไทยส่งผู้สมัครลงแข่งขันหลังผู้สมัคร 3 คนของพรรคได้รับใบเหลืองจาก กกต. แต่สามารถชนะการเลือกตั้งกลับเข้าสภามาได้เพียง 1 จังหวัด คือที่จังหวัดสิงห์บุรี ที่ชนะผู้สมัครจากพรรคชาติไทยกลับเข้ามาแบบฉิวเฉียด 700 กว่าคะแนน จากที่เคยชนะกว่า 2 หมื่นคะแนน ส่วนจังหวัดพิจิตรพ่ายแพ้ผู้สมัครจากพรรคมหาชนกว่า 17,000 คะแนน และแพ้พรรคชาติไทยในจังหวัดอุทัยธานี ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าเป็นบ้านเกิดของพ่อตาที่จะต้องเอาชนะให้ได้ เกือบ 1 หมื่นคะแนน

คนจะมีอุดมการณ์อย่างไร รักประชาธิปไตย จะแดง จะซ้าย จะสาธารณรัฐ ก็เลือกคนอื่นที่ไม่ใช่กระล่อนทอง และตระกูล
ไม่ได้หรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่