สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ผมว่าหลายๆคนยังเข้าใจผิดเรื่องอินทผาลัมว่าเป็นพืชทนแล้ง ที่ไม่ต้องการน้ำ..
**อินทผาลัมเป็น[color=brown]พืชทนแล้งก็จริง(เพราะทางใบของอินทผาลัมมีwaxธรรมชาติเคลือบไว้)
แต่ก็เป็นพืชที่ต้องการน้ำสูงด้วยเช่นกัน(ถึงจะได้ผลผลิตที่ดี)[/color

ตารางการนำเข้า

ตารางการส่งออก
[size=12pt]เรื่องราคาก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่เข้าใจกันผิดๆ..[/size]
จากตารางเราจะเห็นได้ว่าราคาของอินทผลัมนั้นไม่ได้แพงกันอย่างที่คิด
1 กิโลผลแห้งนั้นประมาณ 1-2 USD(ในสายพันธุ์กลางๆทั่วๆไป ซึ่งเกรดต่ำ) เอง
ที่ประเทศไทยนั้นแพงเพราะเราต้องนำเข้า และมีการ + ราคาเพิ่มขึ้นไปต่างหาก ...
[color=green]ใครไม่เชื่อ ลองไปดูที่อินโด และมาเลเซียซิ ถูกกว่าเราเป็นครึ่งๆๆ..[/color]
ปัจจุบันเท่าที่ผมเก็บตัวเลขจากแล็บต่างๆที่ติดต่อกันอยู่ (มิ.ย.2557) UAE 3 แล็บ+UK 1 แล็บ +Iran 1 แล็บ +other 1 แล็บ
ในประเทศไทย นั้นมีการนำเข้าอินทผาลัมเพาะเนื้อเยื่อ อยู่ประมาณ 40,000 กว่าต้นแล้วมากขึ้นเรื่อยๆๆๆ
เฉพาะ Barhee ก็เกือบ 30,000 ต้นแล้ว
40,000 ต้น x ~60kg แห้งต่อต้น = 2,400,000 kg!!..
จำนวนครึ่งหนึ่งปลูกเชิงพาณิชย์ = 1,200,000 Kg.
มากขนาดนี้ผมว่า [color=brown]รุ่นหลังๆ ที่ปลูกเตรียมตัวโดนสึกหนักได้เลย
เพราะราคาจะตกแน่ๆๆ [/color]
เพราะในประเทศผมว่าล้นตลาดแน่ๆ ในอีก 7-10 ปีข้างหน้าเมื่อทุกต้นสมบูรณ์และออกเต็มที่..
ฺ
วิเคราะห์ Barheeผลสด
ข้อมูลจากที่บินไปดูที่ UAE เมือง Dubai,Fujairah และ Abu Dhabi มา 2 ปีติด...
ในสวนใหญ่ๆที่ดูแลดีมากๆ น้ำและปุ๋ยถูกต้อง ตามความต้องการของต้นไม้..
ปีที่4 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 100-150 kg/ต้น
ปีที่5 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 150-200 kg/ต้น
ปีที่6 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 200-250 kg/ต้น
มีรูปยืนยัน..
ฉนั้นสำหรับประเทศไทยโดยเฉลี่ย ~150 กิโล/ต้น(คิดอย่างต่ำๆ)
Barhee 30,000 ต้น x ~150 กิโล/ต้น =4,500,000 Kg..
จำนวนครึ่งหนึ่งปลูกเชิงพาณิชย์ = 2,750,000 Kg.
2,750,000 Kg.. ในอีกประมาณ 4-5 ปีข้างหน้า!!...
คิดว่าคนไทยในประเทศจะกินเยอะขนาดนี้ไหม??
ฉนั้นอยากให้เตรียมตัวเรื่องการแปลรูปไว้เยอะๆน่ะครับ...
เพราะอินทผาลัมก็เป็น ผลไม้สดอีกชนิดหนึ่งที่
[color=brown]ช่วงการออกผลผลิตนั้นไปตรงกับช่วงที่ผลไม้อื่นๆของไทยออกเหมือนกัน
ก็คือเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม [/color]
[color=brown]ด้วยปริมาณการผลิตที่เยอะขนาดนี้
จึงมีโอกาส ล้นตลาดสูง เพราะในประเทศอาจจะเหลือบริโภค
ถ้าไม่มีการแปรรูป อาจจะขายไม่ออกและเน่าเสียในที่สุด[/color]

[color=brown]ตารางปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตร ตัดมาเฉพาะประเภทผลไม้หลักๆ ซึ่งยังไม่รวมที่นำเข้าจากจีน[/color]
เราจะเห็นได้ว่า ช่วงที่น้องอินออกลูกนั้นเป็นช่วงพีคของผลไม้อื่นๆหลายๆตัวเช่นกัน
ตอนนี้ที่น้องอินราคาดีเพราะ ความต้องการสูงแต่ผู้ผลิตมีน้อย
อีกประมาณ 5 ปีคงซี้กันเป็นแถว 555+++

ตารางการนำเข้าผลไม้จากจีน ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผลไม้ไทยหลายๆตัวราคาตกแบบทุกวันนี้
การนำเข้าผลไม้ ๓,๔๑๘,๐๐๐ ตัน มูลค่าการนำเข้า ๓,๑๑๐ ล้านเหรียญสหรัฐ...
การส่งออกผลไม้ ๔,๗๙๕,๐๐๐ ตัน มูลค่าการส่งออก ๕,๕๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐ..
หวังว่าอินทผาลัมไทยจะส่งออกได้น่ะครับ..
ฉนั้นสิ่งที่ชาวสวนอินทผาลัมควรทำคือ มาตราฐานการผลิตครับ...
สายพันธุ์ก็เข้าใจกันผิดๆ
อินทผาลัมนั้น มีพันธุ์ ต้นฤดู กลางฤดู ปลายฤดู มีพันธุ์กินสด กินแห้ง เราควรจะดูว่าบริเวณพื้นที่ที่เราจะปลูกนั้นมันเป็นอย่างไร?
เพราะบางพื้นที่เช่น ภาคเหนือ,อีสาน และกลาง ในความคิดเห็นส่วนตัวไม่ควรปลูกพันธุ์กินแห้ง เพราะปริมาณความชื้นสัมพันธุ์สูง และฝนตกก่อนภาคอื่น
ควรที่จะปลูกพันธุ์กินสด หรือพันธุ์ที่ออกต้นฤดู เพื่อหลีกเลี่ยงลูกแตกและไม่จำเป็นต้องจัดการมากเพื่อให้แห้งและลูกไม่แตก...
พันธุ์สด และพันธุ์แห้ง
สายพันธุ์สด คือ พันธุ์ที่มีปริมาณแทนนินน้อย เช่น ฺพันธุ์ Barhee [color=brown]จริงๆนั้นพันธุ์สดก็สามารถอบแห้งได้เช่นกัน...[/color]
โดยส่วนตัวผมชอบพันธุ์Barhee แห้งน่ะครับ..
พันธุ์แห้ง
คือพันธุ์ที่ยังมีปริมาณแทนนินมากในขณะที่แก่ จึงทำให้ไม่เหมาะแก่การบริโภคสด..
สำหรับประเทศไทย พันธุ์แห้งอาจจะทำได้แค่เกรด B หรือ C เท่านั้น...
ไม่ว่าพันธุ์สดหรือแห้ง ก็สามารถกินสุกครึ่งลูกอร่อยได้เช่นกันครับ
และผมว่าเป็นช่วงที่อินทผาลัมอร่อยที่สุดด้วย...
[color=brown] รอมฏอน [/color]
ปฏิทินอิสลามจะมีวันในรอบปี 354 และ 355 วัน ซึ่งจะต่างกับปฏิทินไทยสากลซึ่งมี วันในรอบปี 365 และ366 วัน
ฉนั้นรอมฏอนจะเลื่อนขึ้นไปประมาณ 10 -11 วันต่อปีซึ่งรอมฏอนเป็นช่วงที่อินทผาลัมมีความต้องการสูงฉนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องรู้ว่า
รอมฏอนแต่ล่ะปีอยู่ช่วงไหนเพื่อที่จะสามารถวางแผนการตลาดได้ มิฉนั้นแล้วเราจะไม่สามารถพิชิตประชากรมุสลิมทั่วโลกที่มีสูงถึง 1.6 พันล้านคนได้เลย...
ตัวอย่าง วันเริ่ม รอมฏอน Ramadan (วันแรกเริ่มของการถือศีลอด)
พ.ศ.2557 ค.ศ.2014 ฮ.ศ.1435 = 29 มิถุนายน
พ.ศ.2558 ค.ศ.2015 ฮ.ศ.1436 = 18 มิถุนายน
พ.ศ.2559 ค.ศ.2016 ฮ.ศ.1437 = 7 มิถุนายน
พ.ศ.2560 ค.ศ.2017 ฮ.ศ.1438 = 27 พฤษภาคม
พ.ศ.2561 ค.ศ.2018 ฮ.ศ.1439 = 16 พฤษภาคม
พ.ศ.2562 ค.ศ.2019 ฮ.ศ.1440 = 6 พฤษภาคม
ที่ยกตัวอย่างวันถือศีลอดให้ดู เพื่อที่จะให้เห็นภาพว่า
อาจจะมีเพียงปี2557 และ 2558 เท่านั้น ที่เมืองไทยจะมีโอกาสที่ขายผลสดอินทผาลัมทัน รอมฏอน
(สำหรับคนที่ปลูกพันธุ์กินสดต้นฤดูที่จะออกช่วงเดือน 6)
ส่วนปีอื่นๆ ไม่มีทางทัน รอมฏอน สำหรับประเทศไทยต้องรออีกเป็น 10 ปีกว่าจะเวียนมาครบอีกรอบ ของรอมฏอน ช่วงเดือน 8-9 ที่อินทผาลัมพันธุ์ส่วนใหญ่สุก ...
แล้วเราจะขายใคร??

รูปพันธุ์โคไนซี่ของแล็บในไทยครับ..เอามาให้ดูเล่นๆครับ..
ตอนนี้เมืองไทยมีคนทำเพาะเนื้อเยื่อได้แล้ว
แต่ยังไม่นิ่งตอนฟอกครับ คือฟอกแล้วติดเชื้อ ทำให้ตายเยอะมากครับ..
พันธุ์ที่ทำสำเร็จ 95 % มีเพียง Konaisy(ออกใบออกรากแล้ว เหลือเพียงเอาออกจากขวดเท่านั้น) เท่านั้น
ส่วน shishi 60% นั้นตอนนี้เป็น แคลลัสแล้วครับ..
พันธุ์อื่นๆทดลองแล้วแต่ยัง Contaminated แบคทีเรียอยู่เลยครับ...
คนที่คิดที่จะลงทุนปลูกอินทผาลัมเชิงพาณิชย์นั้น ควรคิดวิเคราะห์ให้ดีว่า
จะคุ้มทุนหรือไม่? เพราะราคา อินทผาลัมนั้นอาจจะไม่ได้ราคาดี อย่างที่คุณหวังไว้..
คุณรับได้หรือเปล่า? เมื่อราคามันตก..
คุณมีแผนอื่นๆ รองรับไหม? จะแปลรูปเป็นอะไรบ้างเมื่อล้นตลาด..
คุณศึกษาตลาดดีหรือยัง?
คุณศึกษาสายพันธุ์ดีหรือยังว่า พันธุ์นั้นเหมาะกับพื้นที่บ้านคุณ...
คุณรู้หรือเปล่าว่าตะวันออกกลางไม่ได้มีเพียง Barhee ที่กินผลสดเท่านั้น
ยังมีพันธุ์อื่นๆ ที่อร่อยๆอีกครับ รสชาติดีกว่า Barhee ด้วยซ้ำไป
ที่หลายๆประเทศเลือกปลูก Barhee เยอะอาจจะเป็น
เพราะปริมาณผลผลิต ต่อต้นของ Barhee นั้นสูงกว่าพันธุ์อื่นๆ
และ Barhee เป็นพันธุ์ที่ทนพันธุ์หนึ่ง แต่สำหรับประเทศไทยผมว่า
ควรจะเลือกปลูกพันธุ์กินสดอื่นๆจะดีกว่าเพราะจะทำให้คุณมีข้อแตกต่าง
จากผู้อื่นและสร้างข้อได้เปรียบ...
อย่าเชื่อผู้ขายพันธุ์ทั้งหมด ควรศึกษาหาข้อมูลเองให้ท่องแท้เสียก่อน ค่อยตัดสินใจปลูก..
ขอจบการแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านี้น่ะครับ..
ถ้าข้อมูลผิดพลาดอย่างไร ก็ขออภัยน่ะครับ...
**อินทผาลัมเป็น[color=brown]พืชทนแล้งก็จริง(เพราะทางใบของอินทผาลัมมีwaxธรรมชาติเคลือบไว้)
แต่ก็เป็นพืชที่ต้องการน้ำสูงด้วยเช่นกัน(ถึงจะได้ผลผลิตที่ดี)[/color

ตารางการนำเข้า

ตารางการส่งออก
[size=12pt]เรื่องราคาก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่เข้าใจกันผิดๆ..[/size]
จากตารางเราจะเห็นได้ว่าราคาของอินทผลัมนั้นไม่ได้แพงกันอย่างที่คิด
1 กิโลผลแห้งนั้นประมาณ 1-2 USD(ในสายพันธุ์กลางๆทั่วๆไป ซึ่งเกรดต่ำ) เอง
ที่ประเทศไทยนั้นแพงเพราะเราต้องนำเข้า และมีการ + ราคาเพิ่มขึ้นไปต่างหาก ...
[color=green]ใครไม่เชื่อ ลองไปดูที่อินโด และมาเลเซียซิ ถูกกว่าเราเป็นครึ่งๆๆ..[/color]
ปัจจุบันเท่าที่ผมเก็บตัวเลขจากแล็บต่างๆที่ติดต่อกันอยู่ (มิ.ย.2557) UAE 3 แล็บ+UK 1 แล็บ +Iran 1 แล็บ +other 1 แล็บ
ในประเทศไทย นั้นมีการนำเข้าอินทผาลัมเพาะเนื้อเยื่อ อยู่ประมาณ 40,000 กว่าต้นแล้วมากขึ้นเรื่อยๆๆๆ
เฉพาะ Barhee ก็เกือบ 30,000 ต้นแล้ว
40,000 ต้น x ~60kg แห้งต่อต้น = 2,400,000 kg!!..
จำนวนครึ่งหนึ่งปลูกเชิงพาณิชย์ = 1,200,000 Kg.
มากขนาดนี้ผมว่า [color=brown]รุ่นหลังๆ ที่ปลูกเตรียมตัวโดนสึกหนักได้เลย
เพราะราคาจะตกแน่ๆๆ [/color]
เพราะในประเทศผมว่าล้นตลาดแน่ๆ ในอีก 7-10 ปีข้างหน้าเมื่อทุกต้นสมบูรณ์และออกเต็มที่..
ฺ
วิเคราะห์ Barheeผลสด
ข้อมูลจากที่บินไปดูที่ UAE เมือง Dubai,Fujairah และ Abu Dhabi มา 2 ปีติด...
ในสวนใหญ่ๆที่ดูแลดีมากๆ น้ำและปุ๋ยถูกต้อง ตามความต้องการของต้นไม้..
ปีที่4 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 100-150 kg/ต้น
ปีที่5 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 150-200 kg/ต้น
ปีที่6 หลังลงปลูกจะได้ผลผลิต 200-250 kg/ต้น
มีรูปยืนยัน..
ฉนั้นสำหรับประเทศไทยโดยเฉลี่ย ~150 กิโล/ต้น(คิดอย่างต่ำๆ)
Barhee 30,000 ต้น x ~150 กิโล/ต้น =4,500,000 Kg..
จำนวนครึ่งหนึ่งปลูกเชิงพาณิชย์ = 2,750,000 Kg.
2,750,000 Kg.. ในอีกประมาณ 4-5 ปีข้างหน้า!!...
คิดว่าคนไทยในประเทศจะกินเยอะขนาดนี้ไหม??
ฉนั้นอยากให้เตรียมตัวเรื่องการแปลรูปไว้เยอะๆน่ะครับ...
เพราะอินทผาลัมก็เป็น ผลไม้สดอีกชนิดหนึ่งที่
[color=brown]ช่วงการออกผลผลิตนั้นไปตรงกับช่วงที่ผลไม้อื่นๆของไทยออกเหมือนกัน
ก็คือเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม [/color]
[color=brown]ด้วยปริมาณการผลิตที่เยอะขนาดนี้
จึงมีโอกาส ล้นตลาดสูง เพราะในประเทศอาจจะเหลือบริโภค
ถ้าไม่มีการแปรรูป อาจจะขายไม่ออกและเน่าเสียในที่สุด[/color]

[color=brown]ตารางปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตร ตัดมาเฉพาะประเภทผลไม้หลักๆ ซึ่งยังไม่รวมที่นำเข้าจากจีน[/color]
เราจะเห็นได้ว่า ช่วงที่น้องอินออกลูกนั้นเป็นช่วงพีคของผลไม้อื่นๆหลายๆตัวเช่นกัน
ตอนนี้ที่น้องอินราคาดีเพราะ ความต้องการสูงแต่ผู้ผลิตมีน้อย
อีกประมาณ 5 ปีคงซี้กันเป็นแถว 555+++

ตารางการนำเข้าผลไม้จากจีน ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผลไม้ไทยหลายๆตัวราคาตกแบบทุกวันนี้
การนำเข้าผลไม้ ๓,๔๑๘,๐๐๐ ตัน มูลค่าการนำเข้า ๓,๑๑๐ ล้านเหรียญสหรัฐ...
การส่งออกผลไม้ ๔,๗๙๕,๐๐๐ ตัน มูลค่าการส่งออก ๕,๕๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐ..
หวังว่าอินทผาลัมไทยจะส่งออกได้น่ะครับ..
ฉนั้นสิ่งที่ชาวสวนอินทผาลัมควรทำคือ มาตราฐานการผลิตครับ...
สายพันธุ์ก็เข้าใจกันผิดๆ
อินทผาลัมนั้น มีพันธุ์ ต้นฤดู กลางฤดู ปลายฤดู มีพันธุ์กินสด กินแห้ง เราควรจะดูว่าบริเวณพื้นที่ที่เราจะปลูกนั้นมันเป็นอย่างไร?
เพราะบางพื้นที่เช่น ภาคเหนือ,อีสาน และกลาง ในความคิดเห็นส่วนตัวไม่ควรปลูกพันธุ์กินแห้ง เพราะปริมาณความชื้นสัมพันธุ์สูง และฝนตกก่อนภาคอื่น
ควรที่จะปลูกพันธุ์กินสด หรือพันธุ์ที่ออกต้นฤดู เพื่อหลีกเลี่ยงลูกแตกและไม่จำเป็นต้องจัดการมากเพื่อให้แห้งและลูกไม่แตก...
พันธุ์สด และพันธุ์แห้ง
สายพันธุ์สด คือ พันธุ์ที่มีปริมาณแทนนินน้อย เช่น ฺพันธุ์ Barhee [color=brown]จริงๆนั้นพันธุ์สดก็สามารถอบแห้งได้เช่นกัน...[/color]
โดยส่วนตัวผมชอบพันธุ์Barhee แห้งน่ะครับ..
พันธุ์แห้ง
คือพันธุ์ที่ยังมีปริมาณแทนนินมากในขณะที่แก่ จึงทำให้ไม่เหมาะแก่การบริโภคสด..
สำหรับประเทศไทย พันธุ์แห้งอาจจะทำได้แค่เกรด B หรือ C เท่านั้น...
ไม่ว่าพันธุ์สดหรือแห้ง ก็สามารถกินสุกครึ่งลูกอร่อยได้เช่นกันครับ
และผมว่าเป็นช่วงที่อินทผาลัมอร่อยที่สุดด้วย...
[color=brown] รอมฏอน [/color]
ปฏิทินอิสลามจะมีวันในรอบปี 354 และ 355 วัน ซึ่งจะต่างกับปฏิทินไทยสากลซึ่งมี วันในรอบปี 365 และ366 วัน
ฉนั้นรอมฏอนจะเลื่อนขึ้นไปประมาณ 10 -11 วันต่อปีซึ่งรอมฏอนเป็นช่วงที่อินทผาลัมมีความต้องการสูงฉนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องรู้ว่า
รอมฏอนแต่ล่ะปีอยู่ช่วงไหนเพื่อที่จะสามารถวางแผนการตลาดได้ มิฉนั้นแล้วเราจะไม่สามารถพิชิตประชากรมุสลิมทั่วโลกที่มีสูงถึง 1.6 พันล้านคนได้เลย...
ตัวอย่าง วันเริ่ม รอมฏอน Ramadan (วันแรกเริ่มของการถือศีลอด)
พ.ศ.2557 ค.ศ.2014 ฮ.ศ.1435 = 29 มิถุนายน
พ.ศ.2558 ค.ศ.2015 ฮ.ศ.1436 = 18 มิถุนายน
พ.ศ.2559 ค.ศ.2016 ฮ.ศ.1437 = 7 มิถุนายน
พ.ศ.2560 ค.ศ.2017 ฮ.ศ.1438 = 27 พฤษภาคม
พ.ศ.2561 ค.ศ.2018 ฮ.ศ.1439 = 16 พฤษภาคม
พ.ศ.2562 ค.ศ.2019 ฮ.ศ.1440 = 6 พฤษภาคม
ที่ยกตัวอย่างวันถือศีลอดให้ดู เพื่อที่จะให้เห็นภาพว่า
อาจจะมีเพียงปี2557 และ 2558 เท่านั้น ที่เมืองไทยจะมีโอกาสที่ขายผลสดอินทผาลัมทัน รอมฏอน
(สำหรับคนที่ปลูกพันธุ์กินสดต้นฤดูที่จะออกช่วงเดือน 6)
ส่วนปีอื่นๆ ไม่มีทางทัน รอมฏอน สำหรับประเทศไทยต้องรออีกเป็น 10 ปีกว่าจะเวียนมาครบอีกรอบ ของรอมฏอน ช่วงเดือน 8-9 ที่อินทผาลัมพันธุ์ส่วนใหญ่สุก ...
แล้วเราจะขายใคร??

รูปพันธุ์โคไนซี่ของแล็บในไทยครับ..เอามาให้ดูเล่นๆครับ..
ตอนนี้เมืองไทยมีคนทำเพาะเนื้อเยื่อได้แล้ว
แต่ยังไม่นิ่งตอนฟอกครับ คือฟอกแล้วติดเชื้อ ทำให้ตายเยอะมากครับ..
พันธุ์ที่ทำสำเร็จ 95 % มีเพียง Konaisy(ออกใบออกรากแล้ว เหลือเพียงเอาออกจากขวดเท่านั้น) เท่านั้น
ส่วน shishi 60% นั้นตอนนี้เป็น แคลลัสแล้วครับ..
พันธุ์อื่นๆทดลองแล้วแต่ยัง Contaminated แบคทีเรียอยู่เลยครับ...
คนที่คิดที่จะลงทุนปลูกอินทผาลัมเชิงพาณิชย์นั้น ควรคิดวิเคราะห์ให้ดีว่า
จะคุ้มทุนหรือไม่? เพราะราคา อินทผาลัมนั้นอาจจะไม่ได้ราคาดี อย่างที่คุณหวังไว้..
คุณรับได้หรือเปล่า? เมื่อราคามันตก..
คุณมีแผนอื่นๆ รองรับไหม? จะแปลรูปเป็นอะไรบ้างเมื่อล้นตลาด..
คุณศึกษาตลาดดีหรือยัง?
คุณศึกษาสายพันธุ์ดีหรือยังว่า พันธุ์นั้นเหมาะกับพื้นที่บ้านคุณ...
คุณรู้หรือเปล่าว่าตะวันออกกลางไม่ได้มีเพียง Barhee ที่กินผลสดเท่านั้น
ยังมีพันธุ์อื่นๆ ที่อร่อยๆอีกครับ รสชาติดีกว่า Barhee ด้วยซ้ำไป
ที่หลายๆประเทศเลือกปลูก Barhee เยอะอาจจะเป็น
เพราะปริมาณผลผลิต ต่อต้นของ Barhee นั้นสูงกว่าพันธุ์อื่นๆ
และ Barhee เป็นพันธุ์ที่ทนพันธุ์หนึ่ง แต่สำหรับประเทศไทยผมว่า
ควรจะเลือกปลูกพันธุ์กินสดอื่นๆจะดีกว่าเพราะจะทำให้คุณมีข้อแตกต่าง
จากผู้อื่นและสร้างข้อได้เปรียบ...
อย่าเชื่อผู้ขายพันธุ์ทั้งหมด ควรศึกษาหาข้อมูลเองให้ท่องแท้เสียก่อน ค่อยตัดสินใจปลูก..
ขอจบการแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านี้น่ะครับ..
ถ้าข้อมูลผิดพลาดอย่างไร ก็ขออภัยน่ะครับ...
แสดงความคิดเห็น
ราคาของต้นอินทผาลัม