ปีนี้ตลาด IPO ของไทย ระดมทุนไป 1.2 แสนล้าน มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยเราบ้าง

มาดูภาพรวมปีนี้ตลาด IPO ของไทย เราระดมทุนไป 1.2 แสนล้าน ครับ
Market Cap ณ ราคา IPO 2.7 แสนล้าน




แล้วเงินส่วนนี้ จะไหลเวียนไปไหน ?
ก็เข้าสู่ real sector ครับ
การที่ตลาดหุ้นดี ก็ส่วนขับเคลื่อน real sector ลองสังเกตว่า ถ้าตลาดไม่ดี
มูลค่าการระดมทุนก็แค่หมื่นกว่าล้าน พอตลาดหุ้นดีหน่อย ก็จะเป็นหลายหมื่นล้าน
อย่างปีที่แล้ว ก็ 5 หมื่นล้าน ส่วนปีนี้ 1.2 แสนล้าน

เงินลงทุนตรงนี้จะต่างจากการระดมทุนผ่านแบงค์หรือออกหุ้นกู้
เพราะเงินตรงนั้นมีกรอบเวลา ที่ต้องใช้คืน แต่เงินลงทุนที่ระดมทุนผ่านตลาดทุน
จะเป็นเงินระยะยาว และไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ และหลายปีมากๆ

การที่พวกเราๆท่านๆ ลงทุนในตลาดหุ้น เงินส่วนหนึ่งจะไหลเวียนในระบบนี้
แล้วบางส่วนยังไหลสู่ตลาด IPO ดังที่เราเห็นนะครับ

http://www.set.or.th/set/ipo.do



ต่อมาลองจินตนาการเล่นๆ ว่าแต่ละบริษัทพอได้เงิน IPO แล้วไปทำอะไร
ได้ประโยชน์อะไรกับเศรษฐกิจบ้างๆ



MEGA ได้เงิน 2.2 พันล้าน ไปขยายโรงงานแคปซูล ยา และอาหารเสริม
ทั้งขายในประเทศและส่งออก โรงงานขาย จ้างคนมากขึ้น supplier ได้ยอดมากขึ้น
ถ้าซื้อเครื่องจักร ซื้อที่ดิน บริษัทก่อสร้าง และขายเครื่องจักรก็ได้ประโยชน์เป็นทอดๆ

BJCHI ได้เงินไป 2.4 พันล้าน เพื่อเตรียมไปประมูลงานและขยายกำลังการผลิต
ถ้าได้งานรับเหมาจากออสเตรเลีย ก็หาเงินเข้าประเทศแบบ STPI SRICHA
ขยายงานก็จ้างช่างเพิ่ม ซื้อเหล็กเพิ่ม ใครขายเหล็กให้ ก็ได้ประโยชน์ อย่าง TMT

พวกกองทุนอสังหา ก็ระดมทุนได้เงินไปขึ้นโปรเจ็คโน้นนี่นั้น
ทีนี้พวกรับเหมาก็ได้ประโยชน์ วัสดุก่อสร้างก็ขายดีขึ้น ยิงไปเป็นลูกโซ่ไป

CKP ได้เงินไป 2300 ล้าน ก็เอาไปสร้างโรงไฟฟ้า ตอนก่อสร้างก็กระตุ้นเศรษฐกิจแบบนึง
โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้าง และเครื่องจักร
หลังสร้างก็กระตุ้นอีกแบบ เพราะสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้า และจ้างคนดูแลโรงไฟฟ้า

ABGIF ระดมทุนไปได้ 6,300 ล้าน ก็เอาไปสร้างโรงไฟฟ้า คล้ายๆ CKP

BTSGIF ระดมทุนไปได้ 6.2 หมื่นล้าน ก็เอาไปซื้อหัวรถจักร BTS
และเตรียมพัฒนาระบบเดินรถ ถ้าประมูลได้
ตรงนี้ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้คนทำงานใน กทม
เพราะมีบริการการเดินรถที่มีประสิทธิภาพขึ้น ลดระยะเวลาการเดินทาง

NOK ระดมทุนไปได้ 3.2 พันล้าน ก็ได้เงินไปขยายฝูงบิน
ก็ทำให้การคมนาคมในประเทศมีความสะดวกมาขึ้น จ้างแอร์สวยๆ นักบินหล่อ รายได้สูงๆทำให้คนเหล่านี้มีงานทำ มีรายได้ดี
พอคนเหล่านี้ใช้จ่าย ก็กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

MC ได้เงินไป 3 พันล้าน ก็เอาไปขยาย shop หรือ take over
พอธุรกิจโต รายได้โต ก็ Out source ไปยังโรงงาน ทำให้รายได้โรงงานสิ่งทอดีขึ้น
(ถ้ายังใช้โรงงานในไทยนะ)

PACE ระดมทุนไป 2.1 พันล้าน ก็เอาไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
สร้างงาน และกระตุ้นยอดขายพวกธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

ตัวนี้มีผลพลอยได้ ที่อาจจะกระตุ้นยอด traffic ทางอินเตอร์เน็ทด้วย เพราะเปิดมา ราคาหลุดจอง
แล้วดิ่งลง คนที่จองไว้คงสาบส่ง โดยเฉพาะตามเว็บต่างๆ คนออกมาต่อว่าพอควร
คงเพิ่ม traffic ให้เว็บไซบ์หุ้นได้หลายเว็บ เพราะคนออกมาโพสต่อว่าเยอะพอสมควรทีเดียว

THERL ตัวนี้ตัวมันเองได้เงินไม่เยอะ เงินท่ี่ได้ ก็เอาไปขยายธุรกิจประกันชีวิตต่อ
แต่ตัวแม่ทีทำธุรกิจประกันภัย อย่าง THRE ได้เงินจากการขายหุ้นลูกเยอะ
เค้าก็เอาเงินที่ได้ไปเป็นทุนสำรอง ทำให้ธุรกิจมีฐานะทางการเงินดีขึ้น
สามารถเดินหน้าธุรกิจประกันภัยต่อ ต่อไปได้ ทำให้ระบบประกันภัยของไทยเข้มแข็งขึ้น

ที่กล่าวมา เราจะพบว่าเงิน 1.2 แสนล้านนี้กระจายไปหลายอุตสาหกรรม
ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม ก่อสร้าง โรงงาน อสังหา ค้าปลีก โรงไฟฟ้า ธุรกิจการเงิน
เงินพวกนี้ก็ไปหมุนเวียน และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มหาศาล
ระบบตลาดทุน ก็ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยประการเช่นนี้

มีประวัติศาสตร์การเงินบันทึกไว้ ว่า สาเหตุที่ทำให้ชาวดัช และตามมาด้วยอังกฤษ
ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางทะเลแทนสเปนในสมัยนั้น
ก็เพราะการถือกำเนิดของตลาดหุ้นที่ทันสมัย (ในสมัยนั้น)

เพราะทำให้รัฐวิสาหกิจ ด้านการเดินเรือ ของประเทศได้เงินทุนจำนวนมหาศาล
ทำให้มีการขยายกองเรือ พัฒนาการค้าทางทะเล และจ้างทหารรับจ้าง
ทำให้สามารถยึดประเทศในแถบนี้เป็นอาณานิคมได้จำนวนมาก



การขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลกได้ ตลาดทุนเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลไกเหล่านั้น
เราอย่ามองแค่มุมแคบ ที่มองแค่ว่าตลาดทุนเป็นแค่แหล่งเก็งกำไรนะครับ
จริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะมากๆครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่