เพื่อนๆมีวิธีรับมือกับอาการอกหักยังไงกันบ้างคะ คนอกหักมือใหม่ขอคำแนะนำค่ะ

เพิ่งโดนทิ้งค่ะ แผลยังสดๆอยู่เลย จากคนที่รักกันมาดีๆสามปี ไม่เคยคิดว่าเค้าจะวอกแวก วอแวกับใคร เชื่อใจเค้าทุกวินาที
วันนึงเราโทรไปหาเค้าเพื่อถามว่าจะให้ขับรถไปส่งที่บ้านไหม เห็นมันดึกแล้วเป็นห่วงเค้า. เค้าตอบด้วยเสียงจริงจังกลับมาว่า

"เราจะไม่โกหกนะ ตอนนี้เราอยู่กับผู้หญิงคนอื่น วันนี้เราจะไปนอนกับเค้า แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาคุยเรื่องของเราทีหลัง"

เป็นการบอกเลิกที่โหดร้าย รวดเร็ว และมึนงงมาก......  จนถึงวันนี้ยังสงสัยว่าพูดมาขนาดนี้ยังเหลืออะไรให้คุยอีก(วะ)


ก็รู้ว่าต้องทำใจ แต่มันยากนะ.........ใครพอจะมีวิธีรักษาแผลสดจากโรคอกหักแบบได้ผลชะงัดทันใจบ้างมั้ยคะ  ขอคำแนะนำ แนะแนวด้วยเถอะค้า
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
มันเหมือนกับการโดนใครสักคนนึงแทงแล้วทิ้งมีดนั้นไว้ แล้วตัวเราก็ดึงมีดนั้นมาแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นและจบไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำร้ายเราซ้ำแล้วซ้ำอีก มันคือความคิดของเราเอง
อันนี้พูดจากประสบการณ์ตรง เมื่อเลิกคิดทุกอย่างก็จบ อาจจะดูว่าพูดง่ายแต่มันทำได้จริงนะ

คร่ำครวญต่อไปแล้วได้อะไร? ทุกข์ทนเพื่อใคร?

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ขอให้วันที่เข้มแข็งมาถึงเร็วๆนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เคยอกหัก.....แล้วบังเอิญเดินผ่านตลาดสดตอนตี 5...

ตาเหลือบไปเห็น พ่อค้า แม่ค้า กำลังสาละวนจัดร้านเพื่อขายของ..... พลัน พุทธิปัญญา ว่า

ในขณะที่คนบางคนกำลังทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อดิ้นรนทำมาหากิน.....แล้วเราล่ะเสียแรงกาย แรงใจไปกับ คนเพียงคนเดียว...
ความคิดเห็นที่ 8
ลองใส่ใจตัวเอง(คิดถึงตัวเอง , เห็นแก่ความรู้สึกตัวเอง)..........เเบบที่ผมจะบอกคุณต่อไปนี้สิคับ.....(ขอบอกก่อนว่า ผมพยายามใช้สมาธิกับเรื่องของคุณ I am not what I am พอสมควรเลยทีเดียว ลองเอาไปเปนทางเลือกนะคับ )

- การที่คุณเริ่มตั้งกระทู้นี้ ถ้ากะเวลาคร่าวๆ ดูแล้วก็คงประมาณ ตี5-6โมงเช้า ของวันที่ 5 ธ.ค. ผมไม่แน่ใจว่าคุณนอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้รึปล่าว? (หรือว่าเพิ่งกลับบ้าน) ถ้ามันเปนอย่างแรก ผมพอจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มันจะผุดขึ้นมาในหัวคุณทุกๆ 10 นาทีก็ว่าได้  มันเหมือนเค้าทุ่มหัวใจของคุณกระแทกกับพื้นจนแตกละเอียด ( เอ่ออ....ขอโทษทีคับ ผมชอบเปรียบเทียบน่ะคับ)....อันนี้ผมพอจะเข้าใจคุณอยู่เหมือนกัน

- หลังจากเหตการณ์ที่เกิดขึ้น คุณคงมีคำถามต่างๆนา ผุดขึ้นในหัวว่าทำไมอย่างงั้นทำไมอย่างนี้  เพราะอะไรถึงเปนแบบนี้ ชั้นไม่ดีตรงไหน? ชั้นผิดอะไร?  ทำไมมาหลอกชั้น?  ชั้นดีกับเธอขนาดนี้ ทำไมๆๆๆๆๆ.....ตรงนี้คุณฟังดีๆนะครับ....วิธีที่รักษาแผลนี้ให้ได้อย่างชะงัดตามที่คุณต้องการ.....ผมอยากให้คุณลองพยายามคิดตอบคำถามทำไมๆๆๆ...ในหัวว่า "เพราะเค้าเปนคนไม่ดี  ไม่ใช่เปนเพราะฉันไม่ดี" ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้น  100ทั้ง100  ใครๆก็ต้องตอบว่าเค้าเปนคนไมดี (ซึ่งก็จิงๆ)  กับสิ่งที่เค้าทำ...

- มีอีก 1 วิธีคิดนะคับกับสิ่งที่เค้าทำ....คราวนี้ลองถอดวิญญาณคุณไปใส่ในตัวเค้าดูสิคับว่า......(คุณต้องตั้งใจคิดนะคับ...อย่าขำผม / แน้...มีบังคับให้คิดด้วย )  ....ลองคิดดูว่า ในสถานการณ์อย่างนั้น(โทรศัพท์บอกเลิก)  เค้ามีความตั้งใจอย่างหนักแน่นและแน่นอนว่าเค้าจะเลิกกับคุณ  เค้าเลยพูดประโยคแบบนั้นในโทรศัพท์  เค้ามีสิทธิ์ที่จะหาเหตุผลอื่นมาพูดบอกเลิกก็ได้ต่างๆนาๆ  "เราไม่ดีพอ , เธอดีเกินไป(copy โน็ส-อุดม) , เราแยกกันสักพักจะดีมั๊ย , เรารู้สึกไม่เปนตัวของตัวเองเวลาอยู่กับเธอ , แยกกันสักพักมั๊ย , สารพัดสารเพที่เค้าจะเอามาพูด....."แต่เค้าไม่พูด"....เค้าเลือกที่จะพูดว่าเราจะไป__กับหญิงอื่น  มันเปนประโยคที่หักหาญใจกันเหลือเกิน ทำไมเค้าเลือกที่จะพูดแบบนี้  ความตั้งใจที่จะพูดประโยคนี้ของเค้าช่างแรงกล้าซะเหลือเกิน เหมือนลุงกำนันที่อยู่มาเดือนกว่าๆแล้ว...ไม่รู้จะยังไงซะที.( ..555 ไม่อยากให้ดำดิ่งน่ะคับ..)  
     ......คือเค้าเลือกที่จะพูดกับคุณแบบนี้  ลองคิดดูว่า "คนที่พูดอะไรออกมาแบบนี้ โดยนิสัยแล้วเปนคนประเภทไหน?"  คุณลองถามเพื่อนคุณดูก็ได้ว่า ประโยคแบบนั้นถ้าหลุดออกมาจากปากใคร ไม่ว่าจะเปนหญิงหรือชาย มันบอกถึงตัวคนพูดว่า "เค้าเปนคนแบบไหน"   ...อีกนิดละกัน เพื่อที่จะให้เข้าใจชัดๆ ไปเลย...
    "ถ้าคุณเปนเค้า  คุณจะพูดแบบเค้ามั๊ย"

      ถ้าเอาตัวคุณไปอยู่ในสถานการณ์อย่างเค้า (...สมมติว่าคุณมีแฟน แล้วได้ไปเจอผู้ชายคนใหม่ โจทย์คือคุณอยากจะเลิกกับคนเก่า (สมมตินะ..สมมติ)  คุณจะพูดอย่างเค้ามั๊ย...ผมตอบแทนคุณได้เลยว่า "ไม่มีทาง"  (คนที่คบแฟนมา 3 ปี ไม่วอกแวกวอแวกับใคร ตามที่คุณบอก) ไม่มีทางทีจะพูดประโยคแบบเค้าได้แน่นอน คุณน่าจะมีวิธีอื่นที่รักษาน้ำใจมากกว่านี้  
    .....คุณจงมั่นใจเถอะคับ ว่าคนที่พูดประโยคแบบนั้น ไม่ว่าจะกับคุณหรือกับใคร เค้าต้องเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าท่าแน่นอน

- พูดซะยาวเลย  เมื่อยนิ้ว (คือว่าผมพิมพ์ไม่เก่งน่ะคะบ..)  ที่พูดมาทั้งหมดตั้งใจจะบอกคุณว่า คุณลองให้น้ำหนักความคิดกับเรื่องนี้มากๆ หน่อย มันจะช่วยได้คับ มันต้องเริ่มจากความคิดในหัวก่อนน่าจะดี  เรื่องที่ว่า ทำไมๆๆๆๆๆๆ ต่างๆ นั้นมันห้ามไม่ให้คิดไม่ได้ก็จิง แต่แอบเอาความคิดแบบนี้ไปแทรกบ้างก็จะดีไม่ใช่น้อยคับ....ลองดูคับ

- มันยากคับ ผมเข้าใจ แต่มันได้ผลชะงัดแบบที่คุณต้องการคับ...ต้องลองคับต้องลอง


  ปล. อย่างที่คุณ คห1 กับ 5  บอกก็โออยู่นะคับนั่นก็ช่วยได้เยอะ   ,  คุณ คห2 ก็ฮาร์ดคอร์ดีคับ เกลือจิ้มเกลือ ถ้าคุณทำได้ก้หายเร็ว (แต่ผมว่าคุณทำไม่ได้หรอก...ขอโทษนะคับ)  ,  ส่วน คห 7 นี่ผมเชียร์เล่ย...เล่าให้เพื่อนฟัง/หาคนคุยด้วย  อันนี้ตามหลักจิตวิทยาเลยคับ  แต่ผมว่าหาคนคุยด้วยน่าจะสะดวกกว่าเล่าให้พ่อแม่ฟัง  คับ

....ลุยเลยคับ
ความคิดเห็นที่ 9
จากหนังสือคู่มือชีวิตของสมเด็จพระสังฆราช
"พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนให้เกิดสติขึ้นว่า ความทุกข์นี้มีเพราะความรัก มีรักมากก็เป็นทุกข์มาก มีรักน้อยก็เป็นทุกข์น้อย จนถึงไม่มีรักเลย จึงไม่ต้องเป็นทุกข์เลย แต่ตามวิสัยโลกจักต้องมีความรัก มีบุคคลและสิ่งที่รัก ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้มีสติควบคุมใจมิให้ความรักมีอำนาจเหนือสติ แต่ให้สติมีอำนาจควบคุมความรักให้ดำเนินในทางที่ถูกและให้มีความรู้เท่าทันว่าจะต้องพลัดพรากรักสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึงคราวเช่นนั้น จักได้ระงับใจลงได้"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่