"เลือดขัตติยา เดอะมิวสิคัล" ลิขิตเเห่งโชคชะตา กำหนดเส้นทางสู่ขัตติยา (รีวิวฉบับละครเวที)

จากนวนิยายรักอมตะเรื่องยิ่งใหญ่ของ ลักษณวดี ถ่ายทอดสู่ละครเวทีเหนือจินตนาการที่ทุกคนรอคอย ด้วยฝีมือการกำกับการแสดงของ ถกลเกียรติ วีรวรรณ บทละครเวทีโดย พิมพ์มาดา พัฒนาอลงกรณ์, ศุภกร เหรียญสุวรรณ, ตวิษ เเสนโกศิก, พิมพ์สิรินทร์ พงษ์วานิช เรียบเรียงโดย SK


ตำนานเเห่งความรัก เเละความเสียสละ ที่จะตราตรึงไว้ทุกรุ่งอรุณ



...โชคชะตาของมนุษย์มักจะถูกกำหนดให้ต้องพาไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น เฉกเช่นเดียวกันกับโชคชะตาของเด็กหญิงและเด็กชายคู่หนึ่งที่ต่างถูกถักทอให้มาบรรจบกัน ก่อนที่ในวันใดวันหนึ่งเชือกแห่งโชคชะตาที่ร้อยรัดคนทั้งคู่จะถูกตัดให้ขาดสะบั้นลง เพราะสุดท้ายแล้วชะตาก็คือชะตา...และเขาทั้งสองก็จะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ไม่ในวันใดก็วันหนึ่ง ที่มันมาถึงในไม่ช้า...

ตอนที่ 1เเรกพบ

การพบเจอกันครั้งแรกของ อโณทัย และ ดารา ดูจะไม่ค่อยเป็นการพบเจอกันแบบปกตินัก เนื่องจากเด็กสาวเกิดพลัดตกจากเรือลงไปในน้ำวนเเถวทะเลสาบเขตพระราชฐาน และก็ได้เด็กชายเป็นคนช่วยชีวิตเอาไว้ อโณทัยประคองดาราที่เปียกปอนขึ้นมาบนฝั่ง "โง่จริงๆ ไม่รู้หรือไงตรงนั้นเป็นน้ำวน เป็นคนเเคว้นยโสธรหรือเปล่า พายเรือก็ไม่เป็นโง่!" ดารารีบสวนอโณทัยกลับทันที "ว่าเราโง่ เดี๋ยวจับตัดลิ้น!" "เป็นใครกันจะมาจับเราตัดลิ้น อวดเก่ง!" อโณทัยเดินหงุดหงิดไปที่ต้นไม้ใหญ่เเล้วหยิบผ้าคลุม มาห่มให้ดาราที่กำลังหนาวสั่น ก่อนจะกลับไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ราวกับดาราไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น อาจจะเพราะอโณทัยเป็นเด็กที่มีโลกส่วนตัวสูง การมีผู้มาเยือนบนเกาะกลางน้ำที่เขาทึกทักว่าเป็นของตัวเองนั้น ทำให้เด็กชายอารมณ์เสียอยู่พอสมควร แถมบุคคลนั้นยังเป็นเด็กผู้หญิงอีกต่างหาก ที่ดูยังไงก็ซนและแก่นเกินหญิงไม่น่าจะใจกล้าพายเรือมาได้ไกลถึงขนาดนี้ แต่ตรงกันข้ามกับดาราที่ดูจะสนใจในตัวอโณทัยเป็นพิเศษ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่โลกของเธอได้ถูกเปิดออก โลกที่เธอถวินหามาโดยตลอดเเละยังเป็นโลกที่ปราศจากกฎเกณฑ์ใดๆ ในโลกที่เธอคือ ดารา มิใช่ ทิพย์รัตน์ดารากุมารี อย่างที่คนทั้งแคว้นยโสธรเอ่ยนาม เด็กหญิงตัวน้อยๆที่สามารถมีความรู้สึกได้อย่างที่ใจเธอปรารถนา ดาราผูกมิตรกับอโณทัยแทบจะในทันที พร้อมให้แหวนที่เธอนำติดตัวมาด้วยกับเด็กชายที่นั่งอ่านหนังสือโดยไม่สนใจเธอเลยเเม้เเต่น้อย  แม้ตอนแรกอโณทัยจะปฏิเสธ แต่ก็ทนคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ “รับไปสิ เราไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร” อโณทัยรับมาก่อนสุดท้ายแหวนวงนั้นจะผนวกเข้ากับนิ้วนางของอโณทัย โดยที่ผู้สวมไม่รู้เลยว่าในกาลต่อมาเเหวนวงนี้มันจะผูกติดกับตัวเข้าไปจนวันตาย ก่อนอโณทัยจะทำเป็นไม่สนใจดาราและกลับไปนั่งอ่านหนังสือต่อ แต่ดาราก็ตามไปยืนดูเเละตื้ออยู่ข้างๆ อโณทัยตั้งแง่กับดาราด้วยเหตุผลที่เธอเป็นเด็กผู้หญิง “เราไม่เล่นกับเด็กผู้หญิง” ก่อนที่จะย้อนถามกลับไปว่า “งั้นเธอก็ไม่เล่นกับแม่เธอนะสิ” ประโยคนี้เองที่ทำให้เด็กทั้งสองคนรู้ว่า อโณทัยได้เสียแม่ไปแล้ว ส่วนดาราเองก็เสียพ่อไปด้วยเช่นกัน “พ่อแม่เราอยู่ที่เดียวกัน งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” ดารายิ้มบอกอโณทัย หากแต่ดาราไม่รู้เลยว่าสายตาและรอยยิ้มนั้นมันได้เปลี่ยนหัวใจใครบางคนไปตลอดกาล อโณทัยมองเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า เด็กสาวแสนซนคนนี้ อยู่กับแม่เพียงแค่สองหรือนี่ ตัวเขาเองยังมีพ่อที่คอยปกป้อง แต่ตัวดารากลับมีเพียงแม่ ที่เป็นเพียงผู้หญิงเช่นกัน แล้วสองแม่ลูกจะลำบากแค่ไหนกันนะในวันที่ต้องเผชิญหน้าอันตราย ความคิดของอโณทัยที่เกิดขึ้นมา ทำให้เขาอยากจะเป็นผู้ที่ปกป้องเพื่อนผู้หญิงคนนี้ของเขา “ถ้าวันไหนเราจะมาเล่นเราจะเอาดอกหญ้าไปปักไว้หน้าบ้านเธอ บ้านเธออยู่ไหนล่ะ” ดาราชี้ไปที่พระราชวังที่ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่บนฝั่งตรงข้ามเกาะกลางน้ำ อโณทัยร้องอย่างตกใจทันที “เธอเป็นคนในวังหรอ!!” ดาราเองรู้ดีว่าถ้าอโณทัยรู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร เพื่อนใหม่ที่เธอได้พบในวันนี้และเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียวของเธอ อาจจะไม่มีเลยก็ได้ ดาราเลยรีบบอกและคว้าดอกหญ้ามาจากมืออโณทัย “เปล่า..บ้านเราอยู่เลยวังไปโน่น แต่ถ้าวันไหนจะมา เอาไปปักไว้ที่ท่าเรือท้ายวังก็ได้” อโณทัยยิ้ม ก่อนจะเด็ดใบไม้ขึ้นมาเป่าเป็นทำนองที่แสนอบอุ่น “เราชอบเพลงนี้” ดาราบอก ก่อนจะร้องออกมา “ผลิบานทั่วพสุธา ดอกหญ้าแห่งยโสธร...” ดารามองดอกหญ้าในมือ และร้องประสานไปกับเสียงเป่าใบไม้ของอโณทัย เสียงร้องที่ไพเราะของดาราดังไปทั่วเกาะกลางน้ำ และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของรุ่งอรุณ ระหว่างดาราและอโณทัยที่กำลังถูกถักทอด้วยสายใยแห่งโชคชะตา...


ตอนที่ 2 ก่อนรุ่งอรุณครานั้น


เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของประชาชนชาวยโสธรดังก้องไปทั่วจัตุรัสกลางเมือง พื้นที่ที่เคยขว้างขวางกลับเนื่องแน่นไปด้วยมวลชน เพื่อรอต้อนรับการกลับคืนยังสู่มาตุภูมิของทหารกล้าแห่งยโสธร สงครามระหว่างแคว้นที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าทหารของยโสธรต้องออกไปรบ เพื่อรักษาดินแดนผืนนี้เอาไว้ พวกเขาจึงเป็นทั้งกำแพงที่แข็งแกร่งและเป็นทั้งดอกหญ้าที่ผลิบานอย่างมั่นคงหยั่งรากลึกลงสู่พื้นแผ่นดิน เด็กผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งรีบวิ่งแทรกผ่านฝูงชนเพื่อพยายามหาพื้นที่ที่จะมองเหล่าผู้กล้าให้ชัดเจนที่สุด  ดวงตาของอโณทัยเปล่งประกายด้วยความชื่นชมและศรัทธา “ในสักวัน วันที่พร้อมจะต้องตอบแทนแผ่นดิน” อโณทัยคิด โดยที่อีกไม่นานในกาลต่อมาเด็กผู้ชายผู้มุ่งมั่นคนนี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นนายทหารอโณทัยแห่งยโสธร “ผลิบานอย่างหาญกล้า ชีวาเพื่อยโสธร ” บัดนี้ดอกหญ้าดอกนั้นเติบโตแล้ว พร้อมจะรับใช้แผ่นดินเกิดอย่างชายชาติทหาร เวลาที่ผ่านมาหลายปี ทำให้สงครามเริ่มสิ้นสุด แต่ปัญหาใหม่ก็กำลังคืบคลานเข้ามานั่นคือการร่วมตัวกันเป็นสมาพันธรัฐระหว่างแคว้นใหญ่ทั้ง6แคว้นประกอบไปด้วยแคว้น ยโสธร,เขมรัฐ,สันคีรี,รัตนบุรี,ยวาศรี และศรีนคร และในวันนี้จะเป็นวันอันสำคัญของก้าวใหม่ ยุคใหม่ แห่งสมาพันธ์รัฐ การประชุมเลือกผู้นำที่ทุกแคว้นต่างรอคอย  และดูเหมือนว่าการประชุมผู้นำครั้งนี้ดูจะเป็นอีกครั้งที่ไม่มีวี่แววว่าแคว้นไหนจะได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นเป็นผู้นำสมาพันธรัฐเลย จนเจ้าหลวงสันคีรีถึงกับหัวเสียขึ้นมา “ออกเสียงกันมากี่ครั้งก็มีแค่สองแคว้นใหญ่ที่คะแนนเท่ากัน ผู้ที่จะได้เป็นผู้นำ สมาพันธรัฐ ยังไงก็หนีไม่พ้นเขมรัฐหรือยโสธร เราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังหาข้อสรุปไม่ได้! “ ผู้นำแคว้นอื่นๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็ยโสธรไม่เคยยอมให้เขมรัฐเลยนะสิ!” เสียงของเจ้าหลวงศรีเทพ เจ้าหลวงแห่งเขมรัฐดังขึ้นมา ทำให้เจ้าหลวงนรอินทร์ เจ้าหลวงแห่งยโสธรต้องกล่าวชี้แจง “หามิได้ท่านศรีเทพ ทุกครั้งที่ยโสธรเสนอญัตติใดขึ้นมา เขมรัฐต่างหากที่จะค้านและล้มญัตตินั้นเสมอ!” และก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะเริ่มโวยวาย เจ้าหลวงนรอินทร์จึงเสนอต่อที่ประชุมว่า “ทุกท่านฟังก่อน แม้ทุกแคว้นจะมีความแตกต่าง แต่เราอย่ามาแตกแยกกันเลย เราขอเสนอให้การประชุมครั้งหน้า ผู้ที่จะขึ้นแถลงควรเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีอำนาจสานต่อนโยบายของสมาพันธรัฐได้จริงในวันหน้า” ผู้นำทุกแคว้นพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เจ้าหลวงศรีเทพได้โอกาสจึงชิงพูดขึ้นมา “งั้นเราขอเสนอรัชทายาทแห่งเขมรัฐ เจ้าชายไชยยันต์” บุรุษหนุ่มหล่อเข้ม รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนสมชนชาตินักรบแห่งเขมรัฐ เดินออกมากลางที่ประชุมด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว จนทำให้ผู้นำแคว้นต่างๆถึงกับนิ่งเงียบด้วยอำนาจความน่ากลัวบางอย่างที่เปร่งออกมาจากตัวเขา เจ้าชายไชยยันต์ยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะก้มโค้งให้กับผู้นำแคว้นต่างๆ “แคว้นยโสธร ขอเสนอรัชทายาทแห่งยโสธร เจ้าชายสิทธิประวัติ” บุรุษหนุ่มรูปหล่อ สง่างามสมสายเลือดกษัตริย์ เดินออกมากลางที่ประชุมด้วยความเรียบร้อยแลอ่อนโยน แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชายชาติทหาร  สิทธิประวัติประจันหน้ากับไชยยันต์ อย่างไม่มีความกลัวใดใด อีกฝ่ายก็ไม่ลดละจ้องกลับอย่างไม่หวาดเกรง สงครามเจ้าชายระหว่างสองแคว้นใหญ่บังเกิดขึ้นแล้ว...แต่ใครจะรู้ว่าในวันข้างหน้าชะตาก็อาจพลิกได้เช่นกัน บางทีอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ...เพราะตอนนี้เส้นใยแห่งโชคชะตากำลังดึงผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาผูกรวมกันไว้อย่างที่เจ้าตัวเองก็คาดไม่ถึง เฉกเช่น เจ้าชายสิทธิประวัติ และ อโณทัย ที่กำลังถักทอสายใยแห่งความเป็นมิตรและความภักดีอย่าเหนี่ยวแน่น... ณ ลานซ้อมดาบแคว้นยโสธร เจ้าชายสิทธิประวัติดูจะใจลอย จนอโณทัยสังเกตเห็นได้ ก่อนจะหันมากล่าวกับพระพี่เลี้ยงและมิตรสหายคนสนิทอย่างอารมณ์ดี “แปลกดีนะ คนรักของเจ้าชื่อดารา คนที่เรารักก็ชื่อทิพยรัตน์ดารากุมารี.. ดาราเหมือนกันเลย” คนฟังรีบสวนขึ้นมาทันที “ไม่เหมือนกันหรอกเจ้าท่าน ดาราของข้าบาทไม่มีใครเหมือน” ผู้พูดพูดไปยิ้มไป จนทำให้คงฟังแอบยิ้มตาม เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่นายทหารและพระพี่เลี้ยงคนสนิทของเขาคนนี้ จะยิ้มด้วยสีหน้าและแววตาแห่งความเปี่ยมสุข “ชั่วโมงนี้เราอยากรู้เรื่องรัก..” “แต่นี่มันชั่วโมงเรียนดาบนะเจ้าท่าน” เจ้าสิทธิประวัติรับดาบมาจากอโณทัยก่อนจะเล่นทีเผลอบุกเข้าไปหมายจะฟันดาบใส่อโณทัย แต่อโณทัยตั้งรับทันอย่างว่องไว ทั้งสองคนผลัดกับรุกผลัดกับรับ “หยั่งดู เชิงรบ เชิงรัก เชิงใดหยั่งยากกว่ากัน ลองหยั่งเชิงรบจะรับ รุกยังตามเท่าทัน แล้วใยมาเจอเชิงรักจะรับรุกยังกลับพัลวัน... โอ้ ดวงดารา เราต้องการดารา ดาวต่างดวงกันบนฟ้า ทำให้เราวุ่นวาย เธอแตกต่างกันยิ่งนัก แต่เธอประกายความสดใสในหัวใจ...เธอคือดาราของเรา” เรียนทั้งรบและเรียนทั้งรักในคราเดียวกัน ทำให้ทั้งสองคนยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างหมดแรง “เราจะไปหาหญิงดาราของเรา... ส่วนเจ้าก็ไปหาดาราของเจ้าเถอะ” เจ้าชายสิทธิประวัติพูดก่อนจะรีบวิ่งออกในทันที อโณทัยยืนยิ้ม ก่อนจะเดินไปหยิบดอกหญ้าที่ลานกว้างขึ้นมากุมไว้แนบอก ดอกหญ้าที่ทำหน้าที่แทนข้อความในหัวใจของอโณทัยเสมอมา ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือท้ายวัง “หัวใจคอยคะนึงถึงแต่เธอดวงดารา  วานดอกหญ้ากระซิบดาราด้วยใจเว้าวอน   ก่อนจะรับหน้าที่ยิ่งใหญ่ อรุณนี้เจอเธอได้ไหมก่อนใจขาดรอน คืนฟ้าเงียบงัน ใจฉันร่ำร้องดารา…” อโณทัยค่อยๆนำดอกหญ้าปักไว้ที่ท่าเรือ ก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ดอกหญ้าดอกน้อยรับแสงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้า ก่อนที่ท้องนภาจะถูกประกายด้วยเเสงดวงดารา หญิงสาวในเสื้อคลุมสีชมพูสดใสเดินเข้ามาที่ท่าเรือ มือน้อยๆสีขาวนวลผุดผ่องค่อยๆก้มลงหยิบดอกหญ้าขึ้นมาแนบไว้ที่อกอย่างที่ผู้มาปักไว้ได้เคยกระทำ แล้วเธอก็เดินดีใจหายไปในความมืดมิดของดวงดาว ไม่มีใครทราบใดว่าหญิงสาวใต้เสื้อคลุมผู้นี้คือใคร เห็นจะมีเพียงเจ้าของดอกหญ้าและเจ้าดอกหญ้ากระมังที่คงจะทราบดี...อีกไม่นานรุ่งอรุณของวันใหม่กำลังจะเบิกฟ้า และก็ถึงเวลาที่โชคชะตาของใครบางคนจะต้องแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล ครานี้เห็นจะมีผู้ต้องเจ็บปวดและเสียน้ำตาอยู่มากทีเดียว...

ติดตามต่อในตอนที่ 3 ชะตาที่ผันเเปร นะครับ ยิ้ม
        รีวิวฉบับนี้ มีทั้งหมด7ตอนจบบริบูรณ์นะครับ เเบ่งออกเป็นองก์1จำนวน4ตอน  องก์2จำนวน3ตอน
        ตอนที่ 1 เเรกพบ (ลงให้อ่านเเล้วครับ)
        ตอนที่ 2 ก่อนอรุณครานั้น (ลงให้อ่านเเล้วครับ)
        ตอนที่ 3 ชะตาที่ผันเเปร (ลงให้อ่านเเล้วด้านล่างเลยครับ)
        ตอนที่ 4 อรุณนั้นไม่มีวันคืนกลับมา
        ตอนที่ 5 ความหวัง
        ตอนที่ 6 ก่อนอรุณสุดท้ายจะมาถึง
        ตอนที่ 7 รุ่งอรุณของเรา
     จะค่อยๆทยอยลงนะครับ ยิ้ม ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : เลือดขัตติยา เดอะมิวสิคัล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่