นัยน์ตาของเรยค่อยๆลืมขึ้นมา เขากวาดสายตาไปรอบๆพลางคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ เมื่อในสายตาที่เขามองไปรอบๆนั้นมีแต่ความมืดมิด เรยค่อยๆลุกยืนขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลับไป นานแสนนาน
สายตาของเรยยังมองไปรอบๆซ้ายขวาเพื่อหาแสงสว่างสักแห่ง แต่ก็ไม่มีอยู่เลยภายใต้ความมืดมิดนี้ เขาเริ่มขยับขาของเขาแล้วเริ่มออกเดินหาคำตอบว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนกันแน่
"เรย มิเลียร์!"
เสียงที่ดังกึกก้องกังวานไปทั่วพื้นที่แห่งความมืดนั้นดังขึ้นมา เรยมองไปรอบๆด้วยความหวาดหวั่น
สายตาของเขาเริ่มสังเกตเห็นเงาดำๆตรงหน้า ที่เริ่มขยับใกล้เข้ามาที่ละนิด
"แกเป็นใคร!!!"
เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่ว ทันใดนั้นเสียงที่คล้ายกับผ้าคลุมที่กำลังโบกสะบัดได้ดังขึ้นมา เงาปริศนาร่างใหญ่ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าของเรยชุดเกราะสีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายสีแดงที่แสนวิจิตรบรรจงแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว และหมวกที่มีรูปทรงคล้ายกับหัวมังกร ผ้าคลุมที่โบกสะบัดกับร่างที่สูงใหญ่นั้นทำให้เรยต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ
"ข้ารอจะพบเจ้าอยู่ตั้งนานแล้วล่ะ เรย มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนอัคคี... คนที่ถูกเลือก"
"...อันดูริน!"
ผ้าคลุมที่โบกสะบัดของคนตรงหน้าเริ่มแผ่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่แห่งความมืดนั้นจนหมด เรยเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติตรงหน้าของเขา เปลวเพลิงลุกไหม้ไปทั่วพื้นที่แห่งนั้น ในขณะเดียวกันเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นก็คือ โรงเรียนไนท์เบลด นั่นเอง
สายตาของเรยสั่นระรึกด้วยความตกตะลึง เพราะว่าเปลวเพลิงที่เขาเห็นนั้นกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วงตามอาคารเรียน ต้นไม้รอบๆตัวของเขา ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนองก็ถูกไฟเผาไปด้วย เรยก้มลงไปมองที่พื้นที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ แต่วินาทีต่อมาก็ต้องทำให้เขาพบเจอกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ที่เขาเกิดมา พื้นที่ที่เปล่งแสงระยิบระยับของลานแสงมณีในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป เมื่อพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากศพของคนตายที่นอนเกลื่อนไปทั่ว สายตาของเรยมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น ชุดนักเรียนที่ใส่เหมือนกับเขาทำให้เรยยิ่งมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนที่ตายนั้นก็คือเด็กนักเรียนของไนท์เบลด
น้ำตาของเรยเริ่มไหลออกมาอย่างช้าโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเรยพบกับร่างของคนที่ตายคือพี่น้องร่วมโรงเรียนเดียวกันและเป็นบรรดาคนที่เขารู้จักทั้งนั้น ทั้งเหล่าบรรดาสภานักเรียน แม้กระทั่งเพื่อนห้องเดียวกันและกลุ่มชมรมดนตรีที่เขาสนิทสนมเป็นอย่างมาก เลือดที่ไหนออกมาคล้ายสายน้ำกำลังค่อยๆลุกเป็นไฟ
"ไม่นะ! ทุกคน! ไม่นะ!"
และเมื่อสายตาของเรยมองกลับไปยังตรงหน้าของเขา เงาดำนับร้อยที่มาเป็นกองทัพ รวมไปถึงเงาขนาดมหึมาที่ครอบคลุมกองทัพเงาดำทั้งหมด และเมื่อเงาดำขนาดใหญ่นั้นโบกมือสะบัดผ้าคลุมของตัวเอง เหล่าร่างของผู้ที่ตายที่รายล้อมรอบๆเรยอยู่นั้นก็ลุกเป็นไฟโหมไหม้ไปทั่ว ร่างของเรยค่อยถูกเผาด้วยไฟที่โหมกระหน่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวที่ดังกึกก้องของบรรดาเงาทั้งหลายนั้น
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
......
เรย
เรย!
เรย!!!
น้ำเสียงใสๆไหลผ่านเข้าโสตประสาทหูของคนที่นอนอยู่ทำให้เรยสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันทีเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบที่หัวไหล่ของเขา สายตาที่ฟ่าฟางค่อยๆกลับมาเด่นชัดขึ้น เมื่อเรยหันไปสบตากับคนที่กำลังจับไหล่เขาไว้และค่อยๆประคองเขาให้นอนลงคนนั้นคือหลินเพื่อนสาวคนสนิทของเขานั้นเอง
"อย่าพึ่งลุกสิ..."
เรยยอมนอนลงไปแต่โดยดีและมองไปรอบๆห้องนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้ เพดานห้องที่ทาสีขาวที่สายตาของเขากำลังมองเห็น ภายในห้องเต็มไปด้วยเตียงนอนหลายเตียงเรียงรายอยู่ด้วยกัน แต่ละเตียงนั้นจะถูกคั่นกลางด้วยผ้าม่านสีขาวที่กำลังพับเก็บอยู่ข้างๆเตียงและลิ้นชักสีเหลืองที่ประดับด้วยแจกันดอกไม้ แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบนหัวเตียงนอน และเสียงเจียวจาวที่กำลังดังผ่านเข้ามาตามสายลมทำให้เรยรู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลสักแห่งในเมือง แต่ที่นี่คือห้องพยาบาลของโรงเรียนไนท์เบลด
เรยรู้สึกถึงไออุ่นๆจากมือของหญิงสาวข้างๆที่กำลังแตะหน้าฝากของเขาอยู่ ทำให้เรยต้องออกจากภวังค์แห่งความสงสัยนั้นไปก่อนชั่วครู่แล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ใส่ชุดนักเรียนหญิงสีแดงของไนท์เบลดนั้น
"ไข้ไม่มีแล้ว..." หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความแปลกใจของตัวเองออกมา "เมื่อเช้าตัวยังอุ่นๆอยู่เลยนี่น่า"
"เดี๋ยวก่อนนะ.. แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เรยอดใจไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาที่ดูแปลกใจมากสำหรับหลิน
"อาจารย์เอวินกับอาจรย์ฟุยุสึกิเป็นคนพามาน่ะ บอกว่าพาเธอมาอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า ฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์หมายถึงอะไรแต่เมื่อคืนฉันโทรไปหาเธอแต่คนที่รับโทรศัพท์กลายเป็นอาจารย์ฟุยุซึกิแทน ฉันถึงได้รู้ว่าเธอมานอนอยู่ที่นี่..." หลินตอบพลางลุกออกจากที่นั่ง แล้วหยิบขวดน้ำพลาสติกที่อยู่บนลิ้นชักใกล้ๆมาพร้อมกับแก้วน้ำใสๆแล้วเดินกลับมานั่งทั่เก่า
"ฉันรู้เรื่องของเธอเมื่อคืนหมดแล้วล่ะ ทำกันเกินไปแล้ว! ไม่มีหลักฐานอะไรสักหน่อยว่าเธอเป็นเขาจริงๆ" หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่เธอกำลังรินน้ำใส่แก้วที่เธอถืออยู่ในมือไปด้วย
"งั้นก็หมายความว่า เธอก็คงรู้แล้วสินะว่าฉันคือ..."
ประโยคถัดไปที่เรยกำลังจะพูดกลับถูกหยุดโดยเพื่อนสาวของเธอที่กำลังยื่นแก้วน้ำมาให้ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะดื่มมันลงไป เมื่อร่างกายของเขาเองก็สัมผัสได้ว่าต้องการน้ำดื่มเป็นอย่างมาก เสียงที่ดังอย่างต่อเนื่องจากการดื่มน้ำเข้าไปทำให้หลินรู้ว่าชายตรงหน้าคงจะหิวน้ำมากมาตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เธออมยิ้มนิดๆเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะรินน้ำแก้วที่สองเมื่อเรยยื่นแก้วมาทันทีเมื่อดื่มมันหมด
"ถึงยังไงเรยก็คือเรยที่ฉันเคยรู้จักละนะ..."
เพราะเสียงฝีเท้าที่เบนความสนใจของเขาทั้งคู่ดังขึ้นมาจากหน้าประตู เมื่อพวกเขาหันไปยังประตูไม้บานเลื่อนที่กำลังเปิดเอาไว้อย่างกว้างขวางอาจารย์สาวสวยใส่ชุดพยาบาลยาวสีขาวก็เดินเขามาพร้อมกับแว่นตากรอบสีดำคู่ใจของเธอ ผมที่รวบขึ้นไปเป็นจุกบนหัวและปล่อยผมที่เหลือปลกหน้าซึ่งรับกับโครงหน้าสวยๆของเธอเป็นอย่างมาก ผิวของเธอค่อนข้างคล้ำ ริบฝีปากสวยตอนนี้กำลังชีกรอยยิ้มที่ดูแสนจะใจดีออกมาต่อหน้าเรยและหลิน
"อ่าว! ฟื้นแล้วเหรอครับสุดหล่อ..." น้ำเสียงหวานแหววกล่าวทักทายถึงคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตรงหน้านั้น
"ครับ อาจารย์อิชิคาว่า" เรยตอบกลับพร้อมกับเอื้อมมือนำแก้วน้ำที่ตัวเองถืออยู่ไปวางบนชั้นสีเหลืองที่อยู่ข้างๆ
"ไหนขอดูอาการหน่อยซี๊ดีขึ้นแล้วรึยังเนีย" เธอพูดพลางเดินมาแล้วใช้ฝ่ามือของเธอแตะหน้าฝากเพื่อดูอาการของเรย "อื้อหือ! ไข้หายไปหมดแล้ว หายเร็วจริงๆ"
"แบบนี้ก็คงไม่ต้องใช้ใบลาก็ได้แล้วล่ะมั้งเนีย" เพราะประโยคของอาจารย์สาวของเขาทำให้เรยถึงกับหูผึ่งขึ้นมาในทันใด
"ใบลา ใบลาอะไรเหรอคร๊าบอาจารย์" เรยรีบถามขึ้นมาอย่างสงสัยใคร่รู้แววตาคู่นั้นส่องแสงเป็นประกายเหมือนว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
"ก็ใบลาที่อาจารย์เอวินเป็นคนทำให้เธอไง เผื่อว่าอาการของเธอยังไม่ดีขึ้นมาอาจารย์เอวินเลยจะให้เธอพักรักษาตัว เลยทำเผื่อเอาไว้ก่อน เอวินถึงกับลงชื่อรับรองด้วยตัวเองเลยนะ... สุดยอดจริงๆเลยนะเรย ทำได้ยังไงเนียถึงให้ตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นยอมได้เนีย"
เรยเปลี่ยนสีหน้าไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินว่าคนที่สนใจเรื่องสุขภาพของเขา คืออาจารย์ฝ่ายปกครองที่หลายๆคนในโรงเรียนเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เขาเริ่มมีคำถามแวบเข้ามาข้างในหัว แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามกับอาจารย์สาวตรงหน้า เสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งได้ดังขึ้นมาจากหน้าประตูอีกครั้ง
"เรียกฉันว่าตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยเหรอชาร์มี่" ด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาจากหน้าประตูทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องหันไป อาจารย์อิชิคาว่าหันไปพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น อาจารย์ที่พวกเขากำลังพูดถึงเมื่อกี้นั้นกำลังค่อยๆเดินเข้ามาในห้องพยาบาลและตรงมายังเตียงที่เรยกำลังนอนอยู่
"บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าต่อหน้าลูกศิษย์อย่าเรียกฉันว่าชาร์มี่!" อาจารย์อิชิคาว่าพูดอย่างหัวเสีย "เรียกฉันแค่ว่าริกะเฉยๆก็พอแล้วมั้ง!..."
"เอาเถอะน่า ก็แค่ฉายาเก่าในสมัยอดีต อย่าไปซีเรียสเลย ฮ่าๆ" อาจารย์เอวิลพูดหยอกล้อคนที่กำลังฟังอยู่ โดยที่อาจารย์อิชิคาว่าทำแก้มป่องเป็นคำตอบก่อนที่จะหันมาทางเรยที่กำลังนอนอยู่
"อาจารย์ขอตัวก่อนนะครับสุดหล่อ รักษาสุขภาพดีๆนะครับ แล้วอย่าลืมโดดเรียนให้คนแถวนี้ปวดหัวเล่นนะจ๊ะ" เรยเลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะสะอึกเพราะกั้นหัวเราะจากพฤติกรรมที่ดูน่ารักๆของอาจารย์สองคนนี้ ส่วนอาจารย์อิชิคาว่านั้นเมื่อกล่าวลาเรยที่อยู่บนเตียงก็หันมามองค้อนอาจารย์หนุ่มที่พึ่งเข้ามาในทันที
"...เชอะ!!!..."
เมื่ออาจารย์อิชิคาว่าออกไปแล้วบรรยากาศภายในห้องนั้นก็ดูเปลี่ยนไปในทันที เรยรู้สึกถึงเสียงลมที่ค่อยๆพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆตรงหน้าต่างบนหัวนอนของเขา
เรยกับหลินมองใบหน้าที่นิ่งสนิดของอาจารย์ของเขาอย่างไม่กระพริบตา ได้ยินเสียงนาฬิกาที่อยู่ที่ผนังข้างบนอย่างชัดเจน อาจารย์ตรงถอนหายใจแล้วฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ดูเขร่งขรึมนั้นจนเรยกับหลินต้องเปลี่ยนสีหน้าด้วยความแปลกใจ
"ไงเรย หลิน อรุณสวัสดิ์"
"เอ่อ อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ//ค่ะ อาจารย์"
ในยามเช้าก่อนเข้าเรียนของเด็กนักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมกันตามอัธยาศัยของตัวเอง บ้างก็นั่งคุยกันตามระเบียงทางเดินของตึกต่าง หรือตามทางเดินที่มีเด็กนักเรียนกำลังเดินคุยกันไประหว่างทางเดินเพื่อไปยังอาคารเรียนของพวกเขาเองในชั่วโมงแรก สายตาของเด็กคนหนึ่งเมื่อมองเห็นหนึ่งในคนที่กำลังเดินมากับเรยและหลินจากบันไดหินระหว่างทางแยกไปตึกหนึ่งหมวดวิชาสังคมและตึกสองหมวดวิชาคณิตศาสตร์คืออาจารย์ฝ่ายปกครอง เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินผ่านพวกเขาทั้งสามไปอย่างรู้สึกเกรงกลัว เรยจินตนาการไปเองเหมือนกับว่าตัวเองและเพื่อนสาวที่เดินมากับเขากำลังเป็นนักโทษถูกจับกุมอย่างไงอย่างงั้น
"เรื่องเมื่อคืนฉันต้องขอโทษแทนรามูเนสด้วยนะ..." อาจารย์เอวินกล่าวขึ้นมาในขณะที่ทั้งสามคนก็เดินด้วยกันมานานโดยที่ไม่ได้มีบทสนทนาสักบทกันเลย
"เขาก็มีนิสัยอย่างที่คนอื่นพูดๆกันนั่นแหละ ชอบอวดดี ชอบอวดเก่ง... จริงๆแล้วเขาเป็นคนดี เขายอมทำทุกๆอย่างเพื่อโรงเรียน"
"ผมเข้าใจครับ" เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เรยพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินชื่อนั้น และในหัวของเขาก็เกิดปิ้งคำถามขึ้นมาในทันที
"อาจารย์ครับ อะไรคือทายาทอันดูรินเหรอครับ"
"ฮ่าๆ... ฉันว่าฉันคงแปลกใจมากแน่นอนถ้าเธอไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้นะ" อาจารย์เอวินหัวเราะร่าขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามของเรย
"เธอคงรู้ประวัติเรื่องแหวนของเธอมาบ้างแล้วสินะ เธอคงจะได้เรียนมาบ้างแล้วใช่ไหมจากวิชาประวัติศาสตร์"
"แหวนของผมเหรอ!!" เรยพูดขึ้นมาอย่างตกใจ
"ใช่ มันเป็นแหวนของเธอฉันคิดว่าอย่างงั้นนะ เพราะมันตอบรับกระแสจิตของเธอเมื่อเธอต้องการมัน
เธอคงน่าจะรู้แล้วสินะจากเหตุการณ์ที่เธอไปช่วยเด็กหญิงที่ชื่อ ฟุคุมุระ มิซึกิ"
... ได้ข่าวมาเร็วชะมัดยากเลย ...
KP Warriors ตอนที่ 6 : คำแนะนำจากเอวิน - เส้นทางสู่ไฮฮ็อกก้า -
สายตาของเรยยังมองไปรอบๆซ้ายขวาเพื่อหาแสงสว่างสักแห่ง แต่ก็ไม่มีอยู่เลยภายใต้ความมืดมิดนี้ เขาเริ่มขยับขาของเขาแล้วเริ่มออกเดินหาคำตอบว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนกันแน่
"เรย มิเลียร์!"
เสียงที่ดังกึกก้องกังวานไปทั่วพื้นที่แห่งความมืดนั้นดังขึ้นมา เรยมองไปรอบๆด้วยความหวาดหวั่น
สายตาของเขาเริ่มสังเกตเห็นเงาดำๆตรงหน้า ที่เริ่มขยับใกล้เข้ามาที่ละนิด
"แกเป็นใคร!!!"
เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่ว ทันใดนั้นเสียงที่คล้ายกับผ้าคลุมที่กำลังโบกสะบัดได้ดังขึ้นมา เงาปริศนาร่างใหญ่ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าของเรยชุดเกราะสีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายสีแดงที่แสนวิจิตรบรรจงแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว และหมวกที่มีรูปทรงคล้ายกับหัวมังกร ผ้าคลุมที่โบกสะบัดกับร่างที่สูงใหญ่นั้นทำให้เรยต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ
"ข้ารอจะพบเจ้าอยู่ตั้งนานแล้วล่ะ เรย มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนอัคคี... คนที่ถูกเลือก"
"...อันดูริน!"
ผ้าคลุมที่โบกสะบัดของคนตรงหน้าเริ่มแผ่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่แห่งความมืดนั้นจนหมด เรยเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติตรงหน้าของเขา เปลวเพลิงลุกไหม้ไปทั่วพื้นที่แห่งนั้น ในขณะเดียวกันเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั่นก็คือ โรงเรียนไนท์เบลด นั่นเอง
สายตาของเรยสั่นระรึกด้วยความตกตะลึง เพราะว่าเปลวเพลิงที่เขาเห็นนั้นกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วงตามอาคารเรียน ต้นไม้รอบๆตัวของเขา ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนองก็ถูกไฟเผาไปด้วย เรยก้มลงไปมองที่พื้นที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ แต่วินาทีต่อมาก็ต้องทำให้เขาพบเจอกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ที่เขาเกิดมา พื้นที่ที่เปล่งแสงระยิบระยับของลานแสงมณีในตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป เมื่อพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยซากศพของคนตายที่นอนเกลื่อนไปทั่ว สายตาของเรยมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น ชุดนักเรียนที่ใส่เหมือนกับเขาทำให้เรยยิ่งมั่นใจได้ว่ากลุ่มคนที่ตายนั้นก็คือเด็กนักเรียนของไนท์เบลด
น้ำตาของเรยเริ่มไหลออกมาอย่างช้าโดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเรยพบกับร่างของคนที่ตายคือพี่น้องร่วมโรงเรียนเดียวกันและเป็นบรรดาคนที่เขารู้จักทั้งนั้น ทั้งเหล่าบรรดาสภานักเรียน แม้กระทั่งเพื่อนห้องเดียวกันและกลุ่มชมรมดนตรีที่เขาสนิทสนมเป็นอย่างมาก เลือดที่ไหนออกมาคล้ายสายน้ำกำลังค่อยๆลุกเป็นไฟ
"ไม่นะ! ทุกคน! ไม่นะ!"
และเมื่อสายตาของเรยมองกลับไปยังตรงหน้าของเขา เงาดำนับร้อยที่มาเป็นกองทัพ รวมไปถึงเงาขนาดมหึมาที่ครอบคลุมกองทัพเงาดำทั้งหมด และเมื่อเงาดำขนาดใหญ่นั้นโบกมือสะบัดผ้าคลุมของตัวเอง เหล่าร่างของผู้ที่ตายที่รายล้อมรอบๆเรยอยู่นั้นก็ลุกเป็นไฟโหมไหม้ไปทั่ว ร่างของเรยค่อยถูกเผาด้วยไฟที่โหมกระหน่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวที่ดังกึกก้องของบรรดาเงาทั้งหลายนั้น
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
......
เรย
เรย!
เรย!!!
น้ำเสียงใสๆไหลผ่านเข้าโสตประสาทหูของคนที่นอนอยู่ทำให้เรยสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันทีเริ่มรู้สึกถึงแรงบีบที่หัวไหล่ของเขา สายตาที่ฟ่าฟางค่อยๆกลับมาเด่นชัดขึ้น เมื่อเรยหันไปสบตากับคนที่กำลังจับไหล่เขาไว้และค่อยๆประคองเขาให้นอนลงคนนั้นคือหลินเพื่อนสาวคนสนิทของเขานั้นเอง
"อย่าพึ่งลุกสิ..."
เรยยอมนอนลงไปแต่โดยดีและมองไปรอบๆห้องนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้ เพดานห้องที่ทาสีขาวที่สายตาของเขากำลังมองเห็น ภายในห้องเต็มไปด้วยเตียงนอนหลายเตียงเรียงรายอยู่ด้วยกัน แต่ละเตียงนั้นจะถูกคั่นกลางด้วยผ้าม่านสีขาวที่กำลังพับเก็บอยู่ข้างๆเตียงและลิ้นชักสีเหลืองที่ประดับด้วยแจกันดอกไม้ แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบนหัวเตียงนอน และเสียงเจียวจาวที่กำลังดังผ่านเข้ามาตามสายลมทำให้เรยรู้ได้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลสักแห่งในเมือง แต่ที่นี่คือห้องพยาบาลของโรงเรียนไนท์เบลด
เรยรู้สึกถึงไออุ่นๆจากมือของหญิงสาวข้างๆที่กำลังแตะหน้าฝากของเขาอยู่ ทำให้เรยต้องออกจากภวังค์แห่งความสงสัยนั้นไปก่อนชั่วครู่แล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ใส่ชุดนักเรียนหญิงสีแดงของไนท์เบลดนั้น
"ไข้ไม่มีแล้ว..." หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความแปลกใจของตัวเองออกมา "เมื่อเช้าตัวยังอุ่นๆอยู่เลยนี่น่า"
"เดี๋ยวก่อนนะ.. แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เรยอดใจไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้เห็นสีหน้าและแววตาที่ดูแปลกใจมากสำหรับหลิน
"อาจารย์เอวินกับอาจรย์ฟุยุสึกิเป็นคนพามาน่ะ บอกว่าพาเธอมาอยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า ฉันก็ไม่รู้ว่าอาจารย์หมายถึงอะไรแต่เมื่อคืนฉันโทรไปหาเธอแต่คนที่รับโทรศัพท์กลายเป็นอาจารย์ฟุยุซึกิแทน ฉันถึงได้รู้ว่าเธอมานอนอยู่ที่นี่..." หลินตอบพลางลุกออกจากที่นั่ง แล้วหยิบขวดน้ำพลาสติกที่อยู่บนลิ้นชักใกล้ๆมาพร้อมกับแก้วน้ำใสๆแล้วเดินกลับมานั่งทั่เก่า
"ฉันรู้เรื่องของเธอเมื่อคืนหมดแล้วล่ะ ทำกันเกินไปแล้ว! ไม่มีหลักฐานอะไรสักหน่อยว่าเธอเป็นเขาจริงๆ" หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในขณะที่เธอกำลังรินน้ำใส่แก้วที่เธอถืออยู่ในมือไปด้วย
"งั้นก็หมายความว่า เธอก็คงรู้แล้วสินะว่าฉันคือ..."
ประโยคถัดไปที่เรยกำลังจะพูดกลับถูกหยุดโดยเพื่อนสาวของเธอที่กำลังยื่นแก้วน้ำมาให้ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะดื่มมันลงไป เมื่อร่างกายของเขาเองก็สัมผัสได้ว่าต้องการน้ำดื่มเป็นอย่างมาก เสียงที่ดังอย่างต่อเนื่องจากการดื่มน้ำเข้าไปทำให้หลินรู้ว่าชายตรงหน้าคงจะหิวน้ำมากมาตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เธออมยิ้มนิดๆเมื่อเธอเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะรินน้ำแก้วที่สองเมื่อเรยยื่นแก้วมาทันทีเมื่อดื่มมันหมด
"ถึงยังไงเรยก็คือเรยที่ฉันเคยรู้จักละนะ..."
เพราะเสียงฝีเท้าที่เบนความสนใจของเขาทั้งคู่ดังขึ้นมาจากหน้าประตู เมื่อพวกเขาหันไปยังประตูไม้บานเลื่อนที่กำลังเปิดเอาไว้อย่างกว้างขวางอาจารย์สาวสวยใส่ชุดพยาบาลยาวสีขาวก็เดินเขามาพร้อมกับแว่นตากรอบสีดำคู่ใจของเธอ ผมที่รวบขึ้นไปเป็นจุกบนหัวและปล่อยผมที่เหลือปลกหน้าซึ่งรับกับโครงหน้าสวยๆของเธอเป็นอย่างมาก ผิวของเธอค่อนข้างคล้ำ ริบฝีปากสวยตอนนี้กำลังชีกรอยยิ้มที่ดูแสนจะใจดีออกมาต่อหน้าเรยและหลิน
"อ่าว! ฟื้นแล้วเหรอครับสุดหล่อ..." น้ำเสียงหวานแหววกล่าวทักทายถึงคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตรงหน้านั้น
"ครับ อาจารย์อิชิคาว่า" เรยตอบกลับพร้อมกับเอื้อมมือนำแก้วน้ำที่ตัวเองถืออยู่ไปวางบนชั้นสีเหลืองที่อยู่ข้างๆ
"ไหนขอดูอาการหน่อยซี๊ดีขึ้นแล้วรึยังเนีย" เธอพูดพลางเดินมาแล้วใช้ฝ่ามือของเธอแตะหน้าฝากเพื่อดูอาการของเรย "อื้อหือ! ไข้หายไปหมดแล้ว หายเร็วจริงๆ"
"แบบนี้ก็คงไม่ต้องใช้ใบลาก็ได้แล้วล่ะมั้งเนีย" เพราะประโยคของอาจารย์สาวของเขาทำให้เรยถึงกับหูผึ่งขึ้นมาในทันใด
"ใบลา ใบลาอะไรเหรอคร๊าบอาจารย์" เรยรีบถามขึ้นมาอย่างสงสัยใคร่รู้แววตาคู่นั้นส่องแสงเป็นประกายเหมือนว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
"ก็ใบลาที่อาจารย์เอวินเป็นคนทำให้เธอไง เผื่อว่าอาการของเธอยังไม่ดีขึ้นมาอาจารย์เอวินเลยจะให้เธอพักรักษาตัว เลยทำเผื่อเอาไว้ก่อน เอวินถึงกับลงชื่อรับรองด้วยตัวเองเลยนะ... สุดยอดจริงๆเลยนะเรย ทำได้ยังไงเนียถึงให้ตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นยอมได้เนีย"
เรยเปลี่ยนสีหน้าไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินว่าคนที่สนใจเรื่องสุขภาพของเขา คืออาจารย์ฝ่ายปกครองที่หลายๆคนในโรงเรียนเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เขาเริ่มมีคำถามแวบเข้ามาข้างในหัว แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามกับอาจารย์สาวตรงหน้า เสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งได้ดังขึ้นมาจากหน้าประตูอีกครั้ง
"เรียกฉันว่าตาบ้าหัวแข็งแบบนั้นมันไม่เกินไปหน่อยเหรอชาร์มี่" ด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาจากหน้าประตูทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องหันไป อาจารย์อิชิคาว่าหันไปพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น อาจารย์ที่พวกเขากำลังพูดถึงเมื่อกี้นั้นกำลังค่อยๆเดินเข้ามาในห้องพยาบาลและตรงมายังเตียงที่เรยกำลังนอนอยู่
"บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าต่อหน้าลูกศิษย์อย่าเรียกฉันว่าชาร์มี่!" อาจารย์อิชิคาว่าพูดอย่างหัวเสีย "เรียกฉันแค่ว่าริกะเฉยๆก็พอแล้วมั้ง!..."
"เอาเถอะน่า ก็แค่ฉายาเก่าในสมัยอดีต อย่าไปซีเรียสเลย ฮ่าๆ" อาจารย์เอวิลพูดหยอกล้อคนที่กำลังฟังอยู่ โดยที่อาจารย์อิชิคาว่าทำแก้มป่องเป็นคำตอบก่อนที่จะหันมาทางเรยที่กำลังนอนอยู่
"อาจารย์ขอตัวก่อนนะครับสุดหล่อ รักษาสุขภาพดีๆนะครับ แล้วอย่าลืมโดดเรียนให้คนแถวนี้ปวดหัวเล่นนะจ๊ะ" เรยเลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะสะอึกเพราะกั้นหัวเราะจากพฤติกรรมที่ดูน่ารักๆของอาจารย์สองคนนี้ ส่วนอาจารย์อิชิคาว่านั้นเมื่อกล่าวลาเรยที่อยู่บนเตียงก็หันมามองค้อนอาจารย์หนุ่มที่พึ่งเข้ามาในทันที
"...เชอะ!!!..."
เมื่ออาจารย์อิชิคาว่าออกไปแล้วบรรยากาศภายในห้องนั้นก็ดูเปลี่ยนไปในทันที เรยรู้สึกถึงเสียงลมที่ค่อยๆพัดผ่านเข้ามาอย่างช้าๆตรงหน้าต่างบนหัวนอนของเขา
เรยกับหลินมองใบหน้าที่นิ่งสนิดของอาจารย์ของเขาอย่างไม่กระพริบตา ได้ยินเสียงนาฬิกาที่อยู่ที่ผนังข้างบนอย่างชัดเจน อาจารย์ตรงถอนหายใจแล้วฉีกยิ้มออกมาบนใบหน้าที่ดูเขร่งขรึมนั้นจนเรยกับหลินต้องเปลี่ยนสีหน้าด้วยความแปลกใจ
"ไงเรย หลิน อรุณสวัสดิ์"
"เอ่อ อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ//ค่ะ อาจารย์"
ในยามเช้าก่อนเข้าเรียนของเด็กนักเรียนที่กำลังทำกิจกรรมกันตามอัธยาศัยของตัวเอง บ้างก็นั่งคุยกันตามระเบียงทางเดินของตึกต่าง หรือตามทางเดินที่มีเด็กนักเรียนกำลังเดินคุยกันไประหว่างทางเดินเพื่อไปยังอาคารเรียนของพวกเขาเองในชั่วโมงแรก สายตาของเด็กคนหนึ่งเมื่อมองเห็นหนึ่งในคนที่กำลังเดินมากับเรยและหลินจากบันไดหินระหว่างทางแยกไปตึกหนึ่งหมวดวิชาสังคมและตึกสองหมวดวิชาคณิตศาสตร์คืออาจารย์ฝ่ายปกครอง เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินผ่านพวกเขาทั้งสามไปอย่างรู้สึกเกรงกลัว เรยจินตนาการไปเองเหมือนกับว่าตัวเองและเพื่อนสาวที่เดินมากับเขากำลังเป็นนักโทษถูกจับกุมอย่างไงอย่างงั้น
"เรื่องเมื่อคืนฉันต้องขอโทษแทนรามูเนสด้วยนะ..." อาจารย์เอวินกล่าวขึ้นมาในขณะที่ทั้งสามคนก็เดินด้วยกันมานานโดยที่ไม่ได้มีบทสนทนาสักบทกันเลย
"เขาก็มีนิสัยอย่างที่คนอื่นพูดๆกันนั่นแหละ ชอบอวดดี ชอบอวดเก่ง... จริงๆแล้วเขาเป็นคนดี เขายอมทำทุกๆอย่างเพื่อโรงเรียน"
"ผมเข้าใจครับ" เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เรยพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินชื่อนั้น และในหัวของเขาก็เกิดปิ้งคำถามขึ้นมาในทันที
"อาจารย์ครับ อะไรคือทายาทอันดูรินเหรอครับ"
"ฮ่าๆ... ฉันว่าฉันคงแปลกใจมากแน่นอนถ้าเธอไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้นะ" อาจารย์เอวินหัวเราะร่าขึ้นมาเมื่อได้ยินคำถามของเรย
"เธอคงรู้ประวัติเรื่องแหวนของเธอมาบ้างแล้วสินะ เธอคงจะได้เรียนมาบ้างแล้วใช่ไหมจากวิชาประวัติศาสตร์"
"แหวนของผมเหรอ!!" เรยพูดขึ้นมาอย่างตกใจ
"ใช่ มันเป็นแหวนของเธอฉันคิดว่าอย่างงั้นนะ เพราะมันตอบรับกระแสจิตของเธอเมื่อเธอต้องการมัน
เธอคงน่าจะรู้แล้วสินะจากเหตุการณ์ที่เธอไปช่วยเด็กหญิงที่ชื่อ ฟุคุมุระ มิซึกิ"
... ได้ข่าวมาเร็วชะมัดยากเลย ...