สรุปเรื่องราวความวุ่นวาย
เริ่มจาก รัฐบาลตัดสินใจ ที่ออกใช้ พรบ นิรโทษกรรม เพื่อให้ประชาชนพ้นผิด แต่ว่านักการเมืองยังเอาผิดได้อยู่ แต่เรื่องราวมันดันผิดพลาด เพราะมีคนไปประจบประแจงทักษิณ อยากให้ท่านได้กลับมา โดยมั่นใจว่าคนไทยยอมรับได้แล้ว เลยเสนอฉบับสุดซอย พ้นผิดกันยกโคตร จึงเป็นเหตุให้เหล่าคนดี ดิ้น และ ยอมรับไม่ได้ ว่าจะเอาทักษิณกลับประเทศ เราจะไม่เอาคนโกงชาติบ้านเมืองกลับมา เรารับไม่ได้ เหล่าคนดีจึงรวมตัวกันก่อม๊อบ คัดค้าน พรบ นิรโทษกรรม รวมถึงคนเสื้อแดงเองก็คัดค้าน พรบนี้เหมือนกันว่า ไม่ยอม ยังไงก็จะเอาฆาตรกรมาติดคุกให้ได้ แต่ข่าวที่ดังและแพร่สะพัดออกไปมากกว่าคือ ไม่เอาทักษิณ คนโกงชาติกลับบ้าน กระแสดังอยู่ข้างเดียว จากนั้น สุเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ เริ่มปฏิบัติการ รวบรวมเหล่าคนรักชาติ ลุกฮือมาต่อต้านรัฐบาลกันยกใหญ่ ชี้ชัดเลยว่า รัฐบาลได้เดินหมากผิดเข้าให้แล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ทำต่อ ไม่ใช่การดึงดัน หรือ เข่นฆ่าประชาชน แต่กลับเป็นยอม ยอมยก พรบ นิรโทษกรรมแบบสุดซอยนี้กลับไป และสุเทพก็ให้คำมั่นสัญญาปากเปล่าว่า ถ้าถอน พรบ นิรโทษกรรมแล้ว เหล่าคนดี จะกลับบ้าน ไปทำมาหากินเช่นเดิม แต่เรื่องดันไม่จบแค่นั้น เพราะคดีเขาพระวิหาร กำลังใกล้เข้ามา และทุกคนรู้ดีแก่ใจว่า เหมือนไทย จะเสียเขาไปแล้วจริงๆ สุเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ รับไม่ได้ กลัวเขาพระวิหารจะเสียไป เลยได้ทำการชุมนุมเหล่าคนดีต่อ เพื่อยืดเยื้อ ให้รัฐบาลรับผิดชอบเรื่องเขาพระวิหาร คิดว่ายังไงรัฐบาลตายแน่คราวนี้ ถ้าคดีออกมาว่าไทย ได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชา แต่คดีเพราะ นักธรณีวิทยา หลายๆนัก เก่งในเมืองไทย ทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะยังรักษาเขานี้ไว้ และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ มีหลักฐานชัดเจน โลกได้รับรู้ และกัมพูชาก็ได้รับรู้เช่นกัน ผลประโยชน์ของชาติไทยกลับมาแล้ว เราไม่ได้เสียดินแดน ให้กับกัมพูชา อย่างที่กัมพูชาว่าไว้ แต่ปรากฐว่า พรรค ประชาธิปปัตย์ คนดี ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเยี่ยงนี้ ยืนยันว่าไทยได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชาแล้วจริงๆ อย่ามาแหกตาประชาชน ยกหลักฐานขึ้นมาใหญ่ว่า ไทยเสียแล้วจริงๆ เพื่อให้รัฐบาลเสียหน้า และกลุ่มผู้ชุมนุมจะได้ลุกฮือ แต่ชนวนลูกนี้จุดไม่ติด เพราะชาวบ้านเค้ารู้กันหมดแบบ 100 เปอร์เซนต์ก็ว่าได้ ชนวนจึงดับไป แต่ สุเทพผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ยังกูก็ทุ่มสุดตัวแล้ว รัฐบาลยังไงก็ต้องออก และตัวเองจะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ อนาคตที่เหลือก็คงต้องอยู่ในคุก หรือไม่ก็ลี้ภัยเหมือนใครบางคน กูไม่เอาแน่ สุเทพจึงปลุกระดม ความรักชาติ ความบ้าชาติ แสดงตัวเป็นคนดี หลอกมวลชน มาคั่งชาติ เพื่อที่จะใช้อำนาจนอกระบบจัดการกับระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณไม่มีใครรู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่ถ้าได้ยินเมื่อไร คือกูเกลียดทักษิณคนโกงชาติ ต้องจมดิน และในขณะนี้เอง สุเทพเริ่มเหิมเกริมปลุกระดมมวลชนอย่างสุดฤทธิ์ และแล้วความร้อน ความอดทน ของคนเสื้อแดงที่ทนไม่ไหวกับอำนาจนอกระบบของ พรรค ฝ่ายค้าน เพื่อพยายาม ล้มรัฐบาลประหนึ่งจะทำการรัฐประหาร คนเสื้อแดงไม่ยอม เหล่าแกนนำจึงเริ่มรวมตัวชุมนุมกันว่า เห้ยยย ไม่ได้มีพวกเอ็งคนเดียวนะที่รักชาติบ้านเมือง แล้วจะมาโห่ฮา เรียกร้องประชาธิปไตย พวกกูนี้แหละก็รักประเทศ ไม่ใช่มีพวกรักคนเดียว คนเสื้อแดงจึงได้รวมตัวอีกครั้งเพื่อแสดงว่า อำนาจนอกระบบที่คุณกำลังใช้อยู่มันไม่ถูกต้อง ไม่สง่างาม และไม่เคารพกติกา ใครจะทนได้ แต่ถึงอย่างไร สุเทพผู้ยิ่งใหญ่ไม่หวั่น ยังไงก็ขอชุมนุมต่อไป เพื่อความถูกต้องของพี่แก ถึงขนาดที่ว่า ถ้าตัวเองไม่ชนะครั้งนี้ จะผูกคอตาย ลมหรือคำพูดที่ออกมาจากปากสุเทพ เชื่อได้แค่ไหน ก็ลองย้อนดูกันเอาเอง การดำเนินของม๊อบทั้ง 2 ยังดำเนินต่อไป ไม่หยุดยั้ง จนกระทั่ง ชนวนลูกสำคัญที่จุดติด ก็คือ เด็ก ม.ราม แต่ก่อนที่จะมาถึงเรื่องเด็ก ม ราม มันเริ่มาตั้งแต่ มหาชนคนเป่านกหวีด ทำลายข้าวของของส่วนรวม ข่มขู่นี่นั่น มาซักพักใหญ่ จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน และก็มาถึง เหตุการณ์ที่มีการใช้กระสุนจริง และมีโศกนาฏกกรมเกิดขึ้น เริ่มจาก ชายชุดดำมาอีกแล้วครับท่าน ชุดดำอีกแล้ว ไม่รู้ว่ามาจากไหน ยิงเด็ก ม รามตาย แล้ว เด็ก ม ราม ก็เลือดแรงเห้ยทำกับกูงี้ได้ไง และบริเวณนั้นเองเป็นกลุ่มที่ นปช กำลังชุมนุมเลย แหม่ เรื่องมันช่างพอเหมาะพอดี มั๋ยละ กลุ่ม นปช อุตส่ามาประชุมกันในที่ปิด เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเดือดร้อน จึงใช้สนามราชมังเป็นตัวรวบรวมคนเพราะใหญ่ดี แต่ก็มิวาย ที่ฝั่งตรงข้าม พยายามจะให้ นปช เลือดขึ้นหน้าใช้กำลังตอบโต้ และเกิดสงครามเล็กๆขึ้น เพื่อสุเทพจะได้ใช้เป็นผมชี้ชัดว่า พวกเอ็งมันก็เลว เหมือนข้า แผนการชนวนลูกสำคัญที่ให้ชายชุดดำใส่เสื้อแดง แล้วกลับมาใส่เสื้อดำ เป็นอันสำเร็จ เหมือนยังที่ปี 53 ชัดๆ แผนการเดิมๆ แต่ขอโทษ กลุ่ม นปช ไม่หลงกล แกนนำยังคุมสติไม่หลุด แม้คนเสื้อแดงจะตายนับ 10 บาดเจ็บอีกเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ไม่ตื่นตระหนกไปสู้กับม๊อบคนดี เหล่าคนรักชาติ แกนนำขอให้พี่น้องชาวเสื้อแดงกลับบ้าน เพราะห่วงความเป็นความตาย มากกว่าความบ้าอำนาจ จึงเป็นเหตุที่ว่าเสื้อแดงยอมสลายชุมนุมแล้ว และวันนั้นเองก็คือวันที่ 1 ธันวามคม วันที่ม๊อบเหล่าคนดี รักชาติ ประกาศชัยชนะ ซึ่งเป็นชัยชนะอะไรก็ไม่ทราบได้ ต้องมาถกประเด็นอีกครั้งว่าชนะอะไร สุเทพยังไม่หยุด ไหนเลือดก็ขึ้นหน้ากันแล้ว ต้องปลุกระดมให้ถึงขีดสุด ต้องยึดสถาณที่ข้าราชการนู่นนี่นั่น เพื่อ กดดันให้รัฐบาลลาออกให้ได้ แต่ขณะนี้เอง ตำรวจก็เริ่มทำหน้าที่ ปกป้องสถาณที่ข้าราชการต่างๆไว้ไม่ให้โดนยึด ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจจะทำได้สำเร็จ แต่เรื่องยังไม่จบ สุเทพ หัวใส เราต้องยึดสื่อข่าวให้ได้ สื่อนี่แหละที่จะเป็นตัวกระจายข่าว ว่า ม๊อบของตนเองรักชาติแค่ไหน กูต้องยึด สื่อ

ไม่ได้ดั่งใจ กูต้องเป็นคนคุมสื่อเอง ประชาชนจะได้รู้กันไป สุเทพเหิมเกริม โหนทุกสถาบัน และพร้อมเข้ายึดสื่อ TPBS แต่ขอโทษ สื่อไม่ยอม เงิบกันไปเป็นแถว ตอนนี้ไฟสุเทพและความเหิมเกริมเริ่มหด และสมองเริ่มคิดได้ และเริ่มกลัวตาย หรือติดคุก ไฟจึงเบาลง และพร้อมเจรจากับรัฐบาล เรื่องเป็นอย่างไรต่อก็ไม่อยากจะติดตามแล้ว ก็ขอให้มันจบๆกันไป กับเหล่าคนรักชาติในครั้งนี้ เอวัง
สรุปความวุ่นวายทางการเมืองทั้งหมด ผมเข้าใจตรงไหนผิดไปบ้างครับ
เริ่มจาก รัฐบาลตัดสินใจ ที่ออกใช้ พรบ นิรโทษกรรม เพื่อให้ประชาชนพ้นผิด แต่ว่านักการเมืองยังเอาผิดได้อยู่ แต่เรื่องราวมันดันผิดพลาด เพราะมีคนไปประจบประแจงทักษิณ อยากให้ท่านได้กลับมา โดยมั่นใจว่าคนไทยยอมรับได้แล้ว เลยเสนอฉบับสุดซอย พ้นผิดกันยกโคตร จึงเป็นเหตุให้เหล่าคนดี ดิ้น และ ยอมรับไม่ได้ ว่าจะเอาทักษิณกลับประเทศ เราจะไม่เอาคนโกงชาติบ้านเมืองกลับมา เรารับไม่ได้ เหล่าคนดีจึงรวมตัวกันก่อม๊อบ คัดค้าน พรบ นิรโทษกรรม รวมถึงคนเสื้อแดงเองก็คัดค้าน พรบนี้เหมือนกันว่า ไม่ยอม ยังไงก็จะเอาฆาตรกรมาติดคุกให้ได้ แต่ข่าวที่ดังและแพร่สะพัดออกไปมากกว่าคือ ไม่เอาทักษิณ คนโกงชาติกลับบ้าน กระแสดังอยู่ข้างเดียว จากนั้น สุเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ เริ่มปฏิบัติการ รวบรวมเหล่าคนรักชาติ ลุกฮือมาต่อต้านรัฐบาลกันยกใหญ่ ชี้ชัดเลยว่า รัฐบาลได้เดินหมากผิดเข้าให้แล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลได้ทำต่อ ไม่ใช่การดึงดัน หรือ เข่นฆ่าประชาชน แต่กลับเป็นยอม ยอมยก พรบ นิรโทษกรรมแบบสุดซอยนี้กลับไป และสุเทพก็ให้คำมั่นสัญญาปากเปล่าว่า ถ้าถอน พรบ นิรโทษกรรมแล้ว เหล่าคนดี จะกลับบ้าน ไปทำมาหากินเช่นเดิม แต่เรื่องดันไม่จบแค่นั้น เพราะคดีเขาพระวิหาร กำลังใกล้เข้ามา และทุกคนรู้ดีแก่ใจว่า เหมือนไทย จะเสียเขาไปแล้วจริงๆ สุเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ รับไม่ได้ กลัวเขาพระวิหารจะเสียไป เลยได้ทำการชุมนุมเหล่าคนดีต่อ เพื่อยืดเยื้อ ให้รัฐบาลรับผิดชอบเรื่องเขาพระวิหาร คิดว่ายังไงรัฐบาลตายแน่คราวนี้ ถ้าคดีออกมาว่าไทย ได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชา แต่คดีเพราะ นักธรณีวิทยา หลายๆนัก เก่งในเมืองไทย ทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะยังรักษาเขานี้ไว้ และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ มีหลักฐานชัดเจน โลกได้รับรู้ และกัมพูชาก็ได้รับรู้เช่นกัน ผลประโยชน์ของชาติไทยกลับมาแล้ว เราไม่ได้เสียดินแดน ให้กับกัมพูชา อย่างที่กัมพูชาว่าไว้ แต่ปรากฐว่า พรรค ประชาธิปปัตย์ คนดี ไม่เห็นด้วยกับการกระทำเยี่ยงนี้ ยืนยันว่าไทยได้เสียดินแดนให้กับกัมพูชาแล้วจริงๆ อย่ามาแหกตาประชาชน ยกหลักฐานขึ้นมาใหญ่ว่า ไทยเสียแล้วจริงๆ เพื่อให้รัฐบาลเสียหน้า และกลุ่มผู้ชุมนุมจะได้ลุกฮือ แต่ชนวนลูกนี้จุดไม่ติด เพราะชาวบ้านเค้ารู้กันหมดแบบ 100 เปอร์เซนต์ก็ว่าได้ ชนวนจึงดับไป แต่ สุเทพผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ยังกูก็ทุ่มสุดตัวแล้ว รัฐบาลยังไงก็ต้องออก และตัวเองจะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ อนาคตที่เหลือก็คงต้องอยู่ในคุก หรือไม่ก็ลี้ภัยเหมือนใครบางคน กูไม่เอาแน่ สุเทพจึงปลุกระดม ความรักชาติ ความบ้าชาติ แสดงตัวเป็นคนดี หลอกมวลชน มาคั่งชาติ เพื่อที่จะใช้อำนาจนอกระบบจัดการกับระบอบทักษิณ ระบอบทักษิณไม่มีใครรู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่ถ้าได้ยินเมื่อไร คือกูเกลียดทักษิณคนโกงชาติ ต้องจมดิน และในขณะนี้เอง สุเทพเริ่มเหิมเกริมปลุกระดมมวลชนอย่างสุดฤทธิ์ และแล้วความร้อน ความอดทน ของคนเสื้อแดงที่ทนไม่ไหวกับอำนาจนอกระบบของ พรรค ฝ่ายค้าน เพื่อพยายาม ล้มรัฐบาลประหนึ่งจะทำการรัฐประหาร คนเสื้อแดงไม่ยอม เหล่าแกนนำจึงเริ่มรวมตัวชุมนุมกันว่า เห้ยยย ไม่ได้มีพวกเอ็งคนเดียวนะที่รักชาติบ้านเมือง แล้วจะมาโห่ฮา เรียกร้องประชาธิปไตย พวกกูนี้แหละก็รักประเทศ ไม่ใช่มีพวกรักคนเดียว คนเสื้อแดงจึงได้รวมตัวอีกครั้งเพื่อแสดงว่า อำนาจนอกระบบที่คุณกำลังใช้อยู่มันไม่ถูกต้อง ไม่สง่างาม และไม่เคารพกติกา ใครจะทนได้ แต่ถึงอย่างไร สุเทพผู้ยิ่งใหญ่ไม่หวั่น ยังไงก็ขอชุมนุมต่อไป เพื่อความถูกต้องของพี่แก ถึงขนาดที่ว่า ถ้าตัวเองไม่ชนะครั้งนี้ จะผูกคอตาย ลมหรือคำพูดที่ออกมาจากปากสุเทพ เชื่อได้แค่ไหน ก็ลองย้อนดูกันเอาเอง การดำเนินของม๊อบทั้ง 2 ยังดำเนินต่อไป ไม่หยุดยั้ง จนกระทั่ง ชนวนลูกสำคัญที่จุดติด ก็คือ เด็ก ม.ราม แต่ก่อนที่จะมาถึงเรื่องเด็ก ม ราม มันเริ่มาตั้งแต่ มหาชนคนเป่านกหวีด ทำลายข้าวของของส่วนรวม ข่มขู่นี่นั่น มาซักพักใหญ่ จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน และก็มาถึง เหตุการณ์ที่มีการใช้กระสุนจริง และมีโศกนาฏกกรมเกิดขึ้น เริ่มจาก ชายชุดดำมาอีกแล้วครับท่าน ชุดดำอีกแล้ว ไม่รู้ว่ามาจากไหน ยิงเด็ก ม รามตาย แล้ว เด็ก ม ราม ก็เลือดแรงเห้ยทำกับกูงี้ได้ไง และบริเวณนั้นเองเป็นกลุ่มที่ นปช กำลังชุมนุมเลย แหม่ เรื่องมันช่างพอเหมาะพอดี มั๋ยละ กลุ่ม นปช อุตส่ามาประชุมกันในที่ปิด เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเดือดร้อน จึงใช้สนามราชมังเป็นตัวรวบรวมคนเพราะใหญ่ดี แต่ก็มิวาย ที่ฝั่งตรงข้าม พยายามจะให้ นปช เลือดขึ้นหน้าใช้กำลังตอบโต้ และเกิดสงครามเล็กๆขึ้น เพื่อสุเทพจะได้ใช้เป็นผมชี้ชัดว่า พวกเอ็งมันก็เลว เหมือนข้า แผนการชนวนลูกสำคัญที่ให้ชายชุดดำใส่เสื้อแดง แล้วกลับมาใส่เสื้อดำ เป็นอันสำเร็จ เหมือนยังที่ปี 53 ชัดๆ แผนการเดิมๆ แต่ขอโทษ กลุ่ม นปช ไม่หลงกล แกนนำยังคุมสติไม่หลุด แม้คนเสื้อแดงจะตายนับ 10 บาดเจ็บอีกเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ก็ไม่ตื่นตระหนกไปสู้กับม๊อบคนดี เหล่าคนรักชาติ แกนนำขอให้พี่น้องชาวเสื้อแดงกลับบ้าน เพราะห่วงความเป็นความตาย มากกว่าความบ้าอำนาจ จึงเป็นเหตุที่ว่าเสื้อแดงยอมสลายชุมนุมแล้ว และวันนั้นเองก็คือวันที่ 1 ธันวามคม วันที่ม๊อบเหล่าคนดี รักชาติ ประกาศชัยชนะ ซึ่งเป็นชัยชนะอะไรก็ไม่ทราบได้ ต้องมาถกประเด็นอีกครั้งว่าชนะอะไร สุเทพยังไม่หยุด ไหนเลือดก็ขึ้นหน้ากันแล้ว ต้องปลุกระดมให้ถึงขีดสุด ต้องยึดสถาณที่ข้าราชการนู่นนี่นั่น เพื่อ กดดันให้รัฐบาลลาออกให้ได้ แต่ขณะนี้เอง ตำรวจก็เริ่มทำหน้าที่ ปกป้องสถาณที่ข้าราชการต่างๆไว้ไม่ให้โดนยึด ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจจะทำได้สำเร็จ แต่เรื่องยังไม่จบ สุเทพ หัวใส เราต้องยึดสื่อข่าวให้ได้ สื่อนี่แหละที่จะเป็นตัวกระจายข่าว ว่า ม๊อบของตนเองรักชาติแค่ไหน กูต้องยึด สื่อ