เครือข่าย 'ส.ส.-แม่ยก' ใต้ มวลชน'อะไหล่'ม็อบนกหวีด

http://www.komchadluek.net/detail/20131129/173831.html



“เงื่อนไขไม่มี มวลชนไม่มา”

วรรคทอง ของ วิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ยังคงเป็นจริงดั่งที่เห็นและเป็นไป

เพียงแต่การปักหลักชุมนุมใหญ่ของ "ม็อบนกหวีด" จากต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยกระดับมาเป็น "ถอนรากถอนโคนระบอบทักษิน" ทั้งยังยกระดับต่อไปถึง การตั้ง "สภาประชาชน" เพื่อปฏิรูปประเทศอีก ภายใต้การนำของ "แม่ทัพใหญ่" สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ลาออกจากส.ส.สุราษฎร์ธานี มาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนอยู่นี้ มีหลังพิงเท่านั้นเอง

แน่นอน, หลังพิงที่ว่า จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากการวางแผนบริหารจัดการม็อบไว้แล้วเป็นอย่างดี ในการเชื่อมประสานระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคใต้

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างมวลชน "อะไหล่" หรือ "กองหนุน" ด้วยสโลแกน "โครงข่ายทั่วไทย โยงใยทั่วใต้" เอาไว้เสริม โดยมี ส.ส.ในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นหัวคะแนนสำคัญ คอยเป็นตัว "เชื่อมสัญญาณ"

จากการเอกซเรย์พลังมวลชนที่เป็นกำลังเสริมครั้งนี้ พบว่า มีทั้งชนชั้นกลาง เกษตรกรชาวสวนยาง ปาล์มน้ำมัน ประมง ข้าราชการ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป

โดยเฉพาะ "แม่ยก" แห่งพรรคสีฟ้า ที่ไม่ต้องสงสัยว่าลึกซึ้งกับพรรคนี้แค่ไหน นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่า มวลชนจาก "เมืองหอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ" ฐานที่มั่นสำคัญของ "สุเทพ" ก็พบว่ามีการจัดระบบเครือข่ายเอาไว้อย่างคึกคัก  

รูปแบบการจัดการในพื้นที่สุราษฎร์ธานี พบว่า มีการผนึกกำลังหลัก นำโดยส.ส.ในพื้นที่ทั้ง 5 คน ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่บริหารจัดการทุกด้าน เพื่อรอคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ในกรุงเทพฯ

นอกจากนั้น การจัดทัพยังมอบหมายให้แกนนำ-หัวคะแนน-นักการเมืองท้องถิ่นทั้ง 19 อำเภอ นำบรรดากลุ่มแม่บ้านของแต่ละชุมชน แต่ละอำเภอสลับผลัดเปลี่ยนทำกับข้าวเลี้ยงผู้เข้าร่วมชุมนุม และอำนวยความสะดวกในเรื่องของการจัดยานพาหนะรับส่ง

ที่สำคัญทุกคนต้องมีความพร้อมเข้ากรุง ทั้งสภาพร่างกายและเสบียงกรัง

ปรากฏการณ์ทะลักเข้ากรุงครั้งนี้ เบื้องต้นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของแต่ละอำเภอ จะนัดแนะผู้นำชุมชนในแต่ละหมู่บ้าน ก่อนจัดกำลังเดินทางไปร่วมชุมนุมสลับกันทุก 3-4 วัน ก่อนเปลี่ยนสลับชุดใหม่อย่างเป็นระบบ

แต่ละวันจึงมีขบวนรถโดยสารประจำทางถูกเหมาเข้ากรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 40-50 คันต่อวัน รวมทั้งผู้คนที่เดินทางด้วยพาหนะอื่นด้วยไม่ต่ำกว่า 8,000 คนต่อวัน ขณะที่ผู้ชุมนุมที่เดินทางกลับแล้วจะสลับผลัดเปลี่ยนไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดต่อตามสะดวก

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้บรรดานักธุรกิจท้องถิ่นจำนวนมาก ต่างให้ความสนใจและบางส่วนนั่งเครื่องบินไปร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินด้วย ทำให้ทุกสายการบินสุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มตลอด โดยเฉพาะก่อนวันที่นัดชุมนุมครั้งใหญ่วันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

บริบทการเสริมทัพสำคัญที่น่าสนใจอีกจุด คงต้องยกให้พื้นที่ "นครศรีธรรมราช" ซึ่งมีส.ส.ในพื้นที่ถึง 10 คน

จุดเริ่มมีการวางแผนตั้งรับด้วยการเริ่ม "เวทีประชาชนนครศรีธรรมราช"  โดยอาศัยสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นชัยภูมิหล่อเลี้ยงคลื่นคนเป็นคู่ขนาน

จากการตรวจสอบพบว่า เวทีแห่งนี้ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระบบ มีการตั้งผู้รับผิดชอบในแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องอาหารการกิน มีสนับสนุนมาอย่างไม่ขาดสายจากหลายฝ่าย คณะกรรมการผู้จัดตั้งเวทีแห่งนี้ นำโดย ละม้าย เสนขวัญแก้ว รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ ได้จัดตั้งโรงครัวไว้ที่ครัวของวัดสวนป่าน ห่างกับศาลากลางไม่มากนัก เพื่อเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงมวลชนได้อย่างไม่ขาดสาย

ชนิดใครหิวไปกินได้ตลอดเวลา

เช่นเดียวกับเวทีศาลากลางจังหวัด ก็ถูกบริหารจัดการจากฝ่ายรับผิดชอบ แบ่งหน้าที่เป็นฝ่ายเนื้อหาสาระการปราศรัย ฝ่ายจัดหาระดมทุนจากภาคส่วนต่างๆ การจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าต่างๆ ทั้งเสื้อยืดรณรงค์หรือสัญลักษณ์รูปแบบต่างๆ ฝ่ายศิลปกรรมเวทีที่มีการคิดออกแบบแผ่นป้าย ข้อความต่างๆ ที่แสดงออกถึงการคัดค้าน พ.ร.บ.ฉบับนี้

ผลพวงเหล่านี้ จึงโยงมาถึงความสำเร็จอีกระดับ โดยเฉพาะยุทธการ "ยึดศาลากลาง" ของกลุ่มมวลชนในภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด เมื่อ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพราะถือเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงที่ฝ่ายรัฐบาลนึกไม่ถึงว่า จะมีมวลชนเติมเต็มได้ถึงเพียงนี้

กาจบัณฑิต รามมาก แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมในจังหวัดสงขลา ซึ่งนำทัพเคลื่อนขบวนเข้าปักหลักในพื้นที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา บอกว่า การเคลื่อนไหวในพื้นที่เป็นไปในลักษณะคู่ขนาน ส่วนการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ร่วมสมทบกับเวทีใหญ่ที่ราชดำเนิน เป็นเรื่องของความสมัครใจของคนในพื้นที่

"ทั้งหมดเป็นอุดมการณ์ที่สอดคล้องกันของคนใต้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเชื่อว่า รัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป ที่สำคัญระบอบทักษิณ ก็เป็นอีกหนึ่งต้นตอสำคัญของปัญหาภายในบ้านเมืองมายาวนาน ดังนั้นต้องมีการแสดงออกเพื่อให้ปัญหานี้หมดไป" แกนนำระบุ

เหล่านี้คือ "จิ๊กซอว์" หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นในการหลอมรวมพลังเป็นหน่อเนื้อเดียวกัน

ยิ่งเข้าฤดูมรสุม ชาวใต้กรีดยางไม่ได้อีก...  ก็ยิ่งทำให้โชคเข้าข้างฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ถึงวันนี้ถนนทุกสายจากแดนใต้ จึงยังคงยาตราทัพเข้ากรุงไม่หยุดหย่อน

ชนิด "เต็มออกๆๆ" !!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่