เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานคะ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสาวของเจ้าของกระทู้คะ (ขออนุญาตเพื่อนสาวเอามาลงพันทิปแล้วคะ)
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า เพื่อนเจ้าของกระทู้นิสัยห้าวๆ ไม่ค่อยกลัวอะไร (แต่ไม่ได้ทำตัวกร่างนะคะ) เป็นคนที่มีแนวคิดแปลกแหวกแนว หน้าตาน่ารัก แต่เป็น"ทอม"
เพื่อนเราเป็นทอมที่มีลักษณะรูปร่างตัวเล็กๆหน่อย สูงเกือบๆ160 ผมสั้น สั้นประมาณแบบนิชคุณ หน้าตาออกแนวหนุ่มตี๋หน้าหวานใส่แว่น ประมาณนี้คะ
*จริงๆแล้ว หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เพื่อนของจขกท.เค้าไม่ได้กะเอามาเล่าสู่กันฟังนะคะ ทั้งเฟสบุ๊ค หรือในเวปที่เป็นสาธารณะ เพราะเค้าคิดว่าต้องมีคนคิดว่าเค้าโม้บ้าง หรือแสดงความคิดเห็นที่แง่ลบเกินไป แต่เนื่องจากเพื่อนๆที่ได้ฟังเหตุการณ์ก็ขอให้เค้าเขียนลงโลกโซเชี่ยล เพื่อให้เพื่อนๆได้ระวังตัวจากคนไม่ดี คือเพื่อนจขกท.มีโอกาสรอดกลับมาได้ มันเป็นเรื่องดีนะคะที่เค้าจะเอาประสบการณ์ครั้งนี้ มาบอกกล่าวให้คนอื่นๆ ระวังตัว หรืออย่าประมาทแบบที่เพื่อนจขกท.ทำ ใจเขาใจเราคะ ติได้นะคะ แต่บางความเห็นก็ทำให้รู้สึกไม่น่ามาเล่าเลย บางความเห็นเราก็ขอขอบคุณนะคะ ที่ติอย่างเข้าใจ*
(เราก๊อปมาจากสเตตัสในเฟสเพื่อนเรานะคะ เราแก้ไขคำหยาบบางคำให้ดูไม่แรงมาก+ชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องคะ)
เรื่องมันมีอยุ่ว่า วันนี้เรายืนรอสาย 79 เพื่อไปทำงานตามปกติ ปรากฎว่ามีม๊อบเดินขบวน รถจึงติดมาก 79 ไม่มาซักที เราเลยตัดสินใจเรียกแท๊กซี่ที่ขับรออยุ่แถวๆนั้น พอขึ้นรถปุ๊บเราก็ถกเถียงกับแท๊กซี่เรื่องเส้นทางทันที จุดหมายของเราคือโรงพยาบาลพญาไท1 ตกลงกันได้ว่าจะไปเส้นที่ 79 วิ่งเพราะเส้นนี้ไม่ติดใช้เวลาไม่นาน
เหตุการณ์แปลกๆมันเริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นมา แท๊กซี่นั้นชวนเราคุยเสมือนแท๊กซี่ที่อัธยาศัยดีทั่วๆไป เริ่มตั้งแต่มาถามเราว่าบ้านอยู่แถวนี้หรอ อยู่กับใคร ทำงานที่โรงพยาบาลนั้นหรอ(พญาไท1) เป็นหมอหรือพยาบาล เราก็ตอบๆไปตามประสา แต่ว่า!! เค้าไม่ได้ตั้งคำถามใส่เราอย่างเดียว เค้าเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ด้วยการบอกความใฝ่ฝันว่า เค้าอยากเป็นหมอภายใน อิจฉาหมอมาก ได้ดูทุกวัน แล้วก็เริ่มพูดจาหื่นๆหยาบคาย เช่นคำว่า ถ่าง พร้อมทำท่าประกอบ เราก็แบบอึ้ง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคุยกันได้ดีต่อไป เพราะเราแบบเป็นคนไม่คิดมาก มองโลกในแง่ดี ก็คิดว่ามันคงมีคนแปลกๆแบบนี้มั่งแหละมั้ง บวกกับอยากรู้ว่าเค้าจะพูดอะไรต่อไป
ในช่วงที่รถไปถึงสนามหลวงเค้าก็เริ่มเรื่องใหม่ว่ะ คือเรื่องผู้หญิงกลางคืนที่มักยืนอยู่ใต้ต้นไม้รอบสนามหลวง ประมาณว่าเค้าเพิ่งไปรับบริการมาค่ะ แล้ว ผญ พวกนั้น บ่นๆว่า เด๋วนี้ให้คืนละ 100 ก็ไป เราแบบเอ่อออออออ!!!! ,>,!{~*,|$]~+ แล้วหลังจากนั้นเค้าก็เริ่มพูดถึงชีวิตหื่นๆของเค้าให้เราฟัง ว่าเค้าไปได้กับใครมามั่ง ผู้หญิงโรงงานเอยย ผู้โดยสารระหว่างทางเอยย แล้วก็โม้ว่าของตัวเองใหญ่และยาวมาก ไปฝังมุกมาด้วยนะนั่น (ในใจเราก็แบบฝังมุกคือเชี่ยไรวะ) และด้วยความที่เราอัธยาศัยดีเราก็ถามสิ่งที่เราสงสัยไปตรงๆว่าพี่เจ็บมั๊ย ไม่กลัวติดเชื้อหรอ ทำแล้วมันช่วยอะไรหรอ ประมานนี้ เค้าก็บอกว่าเจ็บก็ทน บลาๆๆๆๆ (ณ เวลานั้นคือ รถติดแหง๊ก เราแบบนี่กุต้องทนฟังอะไรแบบนี้อีกสิบเรื่องก่อนถึงใช่มั๊ยห๊าา) ด้วยสถานการณ์รถติดต่อเนื่อง เค้าเลยบอกเราว่าจะไปอีกทาง วนรถกลับทันที ในตอนนั้นเราก็โอเครเพราะทางที่เค้าบอกเคยมีแท๊กซี่พาเราไปเหมือนกัน เราก็นั่งเล่นไลน์คุยกับเพื่อนคนหนึ่งว่าเราเจอแท๊กซี่โรคจิตแต่ไม่ได้เอะใจอะไร เค้าก็ยังคงเล่าเรื่องหื่นๆไปเรื่อยๆ มาชวนให้เราจับของเค้าอีกด้วยแหนะ สักพักหนึ่งรถใกล้ถึงแถวเสาชิงช้า ตามทางที่เค้าบอกนั่นแหละ รถด้านข้างยังคงหนาแน่นอยุ่เหมือนเดิม แต่แล้วววววว.....มันขับเลี้ยวขวาเข้าซอยอย่างที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว รถจอดดับเครื่อง ข้างๆเขียนชื่อโรงแรมอะไรสักอย่างกุจำไม่ (่พากุเข้าโรงแรมจิ้งหลีดหรอ) กุช๊อคค่ะ เอ๋อค่ะ เอ๋อมากกว่าที่เป็นปกติของทุกวันอีกค่ะ !!!
หลังจากที่แท๊กซี่ได้ดับรถเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเงียบค่ะ ไม่ได้ยินเสียงไรทั้งน้ั้น สงสัยเป็นผลข้างเคียงจากอาการช๊อค หูกุอื้อเลยค่ะ สถานที่แห่งนั้นเป็นโรงแรมจิ้งหลีดเล็กๆ แถวเสาชิงช้า ศาลากลางกรุงเทพ ชื่อไรกุก็จำไม่ได้ กุช๊อคอยู่ รู้แต่ว่า

สามพยางค์มั้ง ชื่อเหมือนชื่อคน ไทยๆ หน่อย มันหันมาบอกกับเราว่า"ป่ะ ลองดู" มันลงจากรถปิดประตู กวักมือเรียกให้ลง เราตั้งสติ เราไม่ลง (เอาไงดีวะกุ ครั้งแรกเลยสัดไม่เคยเข้าจิ้งหลีด ในหัวนี่มีแต่ภาพหนังที่เคยๆดูมา กุต้องทำไงๆๆๆ แต่อีกใจคือกุยังคงรักษาความมองโลกที่ดีของตัวเองอยู่ ยังคงไม่ค่อยกลัว ความคิดนึงแว๊บเข้ามา "จริงๆก็อยากรู้นะว่าข้างในเป็นไง") เวลาผ่านไปซักสามนาที ทางด้านนอกรถ มันยังยืนรออยู่ แต่มันไม่รอแล้ว! มันเปิดประตูเข้ามา เราพยายามพูดดีๆ ด้วย สายตาพยายามดูว่า

มีอาวุธไว้ขู่รึป่าว "นี่พี่วันอื่นได้มั๊ย วันนี้ไปทำงานสายแล้ว พี่เอาเบอหนูไปเลย ครั้งหน้าละกันนะ" มันก็ส่ายหัว เราพูดอะไรมันก็ไม่ๆๆ (กุก็แบบ โอเคร๊!) "นี่พี่เอาจิงใช่มั๊ย" มันพยักหน้า เริ่มลากๆมือกุให้ออกจากรถ "อืมๆ เอาของไว้ไหนอ่ะ" (พอดีเราเอาของมาเยอะ วันนี้ใฝ่ฝันจะไปกินปลาเผาที่รังสิต) มันบอกว่าเอาไว้ในรถแหละ แต่เราไม่ได้ทำตาม "งั้นเอาไปให้หมดละกันเนอะพี่" (เอาวะะะะะ ซักรอบ) เราตัดสินใจเดินลงจากรถ
เราลงจากรถเดินนิดหน่อยมาเจอคนเก็บเงิน ทุกคนรู้ดูรู้งานค่ะ พี่แท๊กจ่ายให้พนักงานร้อยนึงค่าห้อง ประมานว่าหน้าเด็กมั้ง มันถามเราว่าเราอายุเท่าไหร่ เอาบัตรมาดู (ภาพเหตุการณ์คือกุเดินตามมันมาเหมือนสมยอม อีพนักงานมันเลยถาม)
เอาจริงมายืนจุดนี้ไม่รุ้เป็นไรเหมือนกัน เรารู้ตัวเองเลยนะว่าเราไม่กลัวอ่ะ อันนี้ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน น่าจะด้วยความชอบเจอประสบการณ์ชีวิตแปลกๆอยุ่แล้วด้วยมั้ง บวกกับความอยากรุ้อยากเห็น กุควักเป๋าตังเอาบัตรให้

ดู "ห้อง 12 นะ" พนักงานบอก พอเข้าไปในห้องเลข 12 พี่แท๊กซี้เดินเข้าห้องน้ำจ้า เรายังอยุ่นอกห้องอยุ่ยังไม่กล้าเข้าไป กลัว

ล๊อคออกไม่ได้ แต่คืออีนี่มันหื่นจนไม่คิดไร มันคิดว่ากุจะปั๊บกับมันแน่ มันออกมาจากห้องน้ำ ซิบไม่รูดละจ่ะ มาลากเราเข้าห้อง เรายืนงงอยุ่แป๊ป ยืนมองประตูอยู่ อีหื่นนี่

จะเอากุอย่างเดว ไม่ปิดประตูด้วยนั่น เราเลยปิดประตูเอง (อันนี้ตอนนี้ยังงงอยุ่ว่าทำไมเราดันเป็นคนปิดประตูเอง 5555555 จะว่าไปนี่มันไม่เหมือนในหนังนี่นา) พอมันเริ่มถอดกางเกงเท่านั้นแหละ "เอ่อพี่แป๊ปนะ ขอเข้าห้องน้ำก่อน" เรารีบเข้าห้องน้ำเรียกสติกลับคืนมา หาของที่พอจะเป็นอาวุธได้ แต่...ไม่มีอ่ะ -0-" โอเครนึงสองซั่ม เราเปิดประตูออกมา พี่แท๊กเปลือยท่อนล่างหมดแล้วจ่ะ (โอเอมมมม) ภาพตอนนั้นคือ

จับของตัวเองเหมือนปลุกอารมอยุ่ กุแบ๊บบบบ "โอเอมมมมมม ไหนบอกว่าของใหญ่ยาวไงสัด" เราคิดอยุ่ในใจ ขณะนั้นมันกวักมือเรียกว่ะเห้ย "ไม่เอาอ่ะต้องไปทำงาน" เราพูด แล้วทำท่าจะเก็บของออก มันเดินมาจะไซร้เรา เราก็แบบผลักๆไป เราทดลองพลังกับมันอยู่ครู่นึง มันเข้ามา เราผลัก มันเข้ามาเราผลัก(ในใจนี่กลัวมันตบหน้าหรือตุ๊งท้องเหมือนในหนังมากอ่ะ) ถือว่าเราโชคดีมันไม่รุนแรงกลับเรา แต่แล้วเรากลับเสียท่านิดหน่อย โดนผลักลงเตียง
หลังจากที่ล้มลงเตียงช้ะ มันก็รุกเราทันที เราก็ผลักออกเหมือนเดิมนั่นแหละ(บางคนอาจสงสัยว่าสู้แรงผชได้ไง คือ พี่แท๊กคนนี้ตัวไม่สูงค่ะ ตัวสูงกว่าเรานิดหน่อย แล้วก็เป็นผู้ชายร่างผอม บวกกับเหมือนเค้าคิดว่าเด่วเราก็ยอมเลยไม่ได้รุนแรงกับเรา เพราะเราพูดดีตลอด) เราก็รุกออกจากเตียงให้ได้ดเร็วที่สุดนั่นแหละ แต่มันก็จะคว่ำเราให้ได้ เราก็เลยชวนมันคุยแทน "นี่พี่มีถุงยางป่ะ" มันก็เลยรีบไปหยิบถุงยางออกมา โอเครใส่ให้กุดูด้วยนั่น แต่ไปๆมาๆ

ถุงยางหลุดไปตอนไหนไม่รู้ (ในใจคือนี่แอบเอาออกหรือมันหลุดเองวะ-ที่คิดว่ามันแอบเอาออกเพราะในรถมันเคยบอกว่าใช้ถุงยางแล้วเอาไม่มันส์) คือมันพยายามพูดแนวกระซิบเบาๆตลอดเหมือนกลัวใครจะได้ยิน เราก็เลย "พี่กลับเหอะ ไม่ไหวละนี่สายมากละ" มันก็ยังบุกเหมือนเดิม เราก็แบบไม่ไหวละ พอละ รู้มากละ "ไม่งั้นจะพูดเสียงดังๆแล้วนะ" "พี่ไม่เอาอ่ะ ครั้งหน้าละกัน เอาเบอร์มาเร็วๆ จริงๆ" ตอนนั้นหยิบของได้ละ หยิบโทรศัพขึ้นมาบอกให้มันบอกเบอร์เรา เรากดตามแล้วยิงไป แล้วในช่วงที่โทรศัพท์มันดัง เราก็ถึงประตู เราบิดออก ออกมาได้ครึ่งตัวละ เราก็บอกมันว่า "พี่อยู่ต่อเหอะ เด่วไม่คุ้มค่าห้อง" แล้วเราก็เดินเร็วๆออกมา (มันตามมาไม่ได้ไง เพรามันแก้ผ้าหมดแล้ว มันโป๊อยู่ 555 )
พอออกมาเจอแสงแดดสิ่งแรกที่ทำคือถ่ายทะเบียนตรงตูดรถ จากนั้นรีบเดินออกจากโรงแรม ไม่ทันได้จำชื่อ (กุรีบ) พอออกมาพ้นเขตก็เริ่มจำว่าตรงนี้ที่ไหนอยุ่ติดกับอะไรบ้าง แล้วรีบหารถมอไซด์ หรืออะไรก็ได้ที่พากุไปจากตรงนี้เร็วๆ .... เผอิญค่ะ เจอน้องปีหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกัน โอมายย น้องมากับเพื่อนม.อื่นอีกสองคนค่ะ เราทักกันแป๊ปนึง จากนั้นเราได้ยินเสียงแว่วๆว่า "ไปสยาม" คือน้องกลุ่มนี้เรียกแท๊กซี่ได้ เราก็แบบกุขอติดไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่พอกุหันมาเท่านั้นแหละ เควี้ย! คนเดิม ตอนนั้นคือน้องเหมือนขึ้นรถไปได้ซักสองคนแล้วมั้ง วินาทีนั้นเราตัดสินใจไปด้วยเลย คิดว่า

คงไม่พาเข้าจิ้งหรีดสี่คนหรอกมั้ง แต่เด๋วนะเอ๊ะ! น้องนั่งหลังไปแล้วสาม อ่าวเหลือกุนั่งหน้าสินะ โอเครกุก็กล้านั่งต่อ ขณะนั้นมีโทรศัพท์ดังค่ะ เบอร์แปลก เรากดรับ ไม่มีใครพูดตอบกลับ เฉลียวใจนึกขึ้นมาได้แว๊บนึงว่า "เด๋วนะ เบอร์

คุ้นๆ เหมือนเมื่อกี้กุเคยกดโทรออก" เราหันไปมองหน้าพี่แท๊ก พี่แท๊กเนียนมากค่ะ ดูเหมือนไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเลย (นี่คืออะไร ลองความจริงใจกุหรอ) หลังจากนั้นพี่เค้าเงียบตลอดทางค่ะ ไม่ได้พูดเก่งเหมือนรอบแรกเลย น้องๆข้างหลังก็เฮฮาตามประสาวัยสะรุ่น ยังคงไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้มีไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากนั้นคนทีกุขอความช่วยเหลือตอนแรก เริ่มโทรมา ทั้งเพื่อน ทั้งแม่ แต่แบบกุยังเล่าไม่ได้ไง

ยังนั่งข้างๆกุอยุ่ไง๊! จำได้ว่าแม่ถามว่า โทรมามีอะไร แต่เราตอบไรไม่ได้อ่ะ เราบอกแม่ว่า"ไม่มีอะไร วันนี้เงินเดือนออก ตื่นเต้นเฉยๆ หนูยังคุยไม่ได้ เด็ววางก่อนนะ" สายต่อมาเป็นพี่ที่จ๊อบโทรมาตาม เราไม่สามารถบอกถึงเหตุผลเค้าได้ว่าทำไมถึงไปสาย แต่บอกพี่ว่าให้รอกินข้าวด้วย เด๋วหนูน่าจะไปถึงตอนเที่ยงอ่ะพีโม (พี่คงด่าว่านอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังให้กุรออีกช้ะ) อีกสักพักรถก็ถึงสยาม มิเตอร์ราคา 57 บาท เราออกค่าแท๊กซี่ให้น้องเอง ยื่นไป 60 ลงจากรถแล้วปิดประตูจากมา
พอลงจากรถแล้ว เราเลยเล่าให้น้องๆฟัง ว่าเรื่องราวเป็นยังไง
- อธิบายให้พี่ฟังเรียบร้อยแล้ว พี่พยายามช่วยกันหาหลักฐานว่าจะเอาไรไปบอกตำรวจ
- หลังจากนั้น เบอร์แปลกนั้น โทรมาอีกสามรอบ
- เรื่องที่เล่านี่ย่อแล้ว
- งานเริ่มเก้าครึ่ง เราถึงสิบเอ็ดครึ่ง
- ไม่มีเบอร์พีที่วันนี้ต้องอยุ่ด้วยกัน เลยติดต่อพี่ก่อนไม่ได้
- อยากจะบอกทุกคนว่า ปกติเราเป็นคนที่ค่อนข่างนั่งแท๊กคนเดียวบ่อยๆ โดยไม่คิดว่าความซวยจะบังเอิญมาเกิดกับดรา เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเราโชคดีมากจริงๆที่รอดมาได้ โดยไม่ได้เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บอะไร
- จริงๆแล้ว สิ่งที่เราทำเราคิดว่าบางทีเรารุ้สึกอยากลอง เรื่องมันถึงได้ยาวแบบนี้ ซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวของเราที่คนอื่นอ่านเอาก็น่าจะรุ้ว่าไม่ควร (ควรจะลงตั้งแต่ที่มันเล่าเรื่องหื่นให้ฟังละ)
ปล.
-เราขอแท๊กโต๊ะเครื่องแป้งเป็นความงามนะคะ ไม่รู้จะเลือกหัวข้อไหนจากห้องนี้
-แท๊กซี่เช่า สีชมพูคะ
-ตอนนี้เพื่อนเรากายและใจโอเคอยู่คะ แต่คงใช้ชีวิตระมัดระวัง ไม่ประมาทมากขึ้นคะ
-เพื่อนเรายินดีรับคำติว่ากล่าวตักเตือน ในประสบการณ์ครั้งนี้นะคะ
-เราขอลบรูป และชื่อคนขับตามคำแนะนำของผู้ใหญ่คะ
-เรื่องจริงคะ ไม่เชื่อไม่เป็นไรคะ เราไม่ขอชี้แจงอะไรเพิ่มเติมแล้วนะคะ นานาจิตตังคะ
-จุดประสงค์คือ เตือนให้เพื่อนๆระวังตัว และมองเห็นข้อผิดพลาดที่เพื่อนจขกท.ทำ เพื่อเป็นอุธาหรณ์คะ
*เตือนภัยสาวๆคะ* "อุทาหรณ์สำหรับสาวๆที่ชอบนั่งรถแท๊กซี่คนเดียว"
ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า เพื่อนเจ้าของกระทู้นิสัยห้าวๆ ไม่ค่อยกลัวอะไร (แต่ไม่ได้ทำตัวกร่างนะคะ) เป็นคนที่มีแนวคิดแปลกแหวกแนว หน้าตาน่ารัก แต่เป็น"ทอม"
เพื่อนเราเป็นทอมที่มีลักษณะรูปร่างตัวเล็กๆหน่อย สูงเกือบๆ160 ผมสั้น สั้นประมาณแบบนิชคุณ หน้าตาออกแนวหนุ่มตี๋หน้าหวานใส่แว่น ประมาณนี้คะ
*จริงๆแล้ว หลังจากเกิดเรื่องขึ้น เพื่อนของจขกท.เค้าไม่ได้กะเอามาเล่าสู่กันฟังนะคะ ทั้งเฟสบุ๊ค หรือในเวปที่เป็นสาธารณะ เพราะเค้าคิดว่าต้องมีคนคิดว่าเค้าโม้บ้าง หรือแสดงความคิดเห็นที่แง่ลบเกินไป แต่เนื่องจากเพื่อนๆที่ได้ฟังเหตุการณ์ก็ขอให้เค้าเขียนลงโลกโซเชี่ยล เพื่อให้เพื่อนๆได้ระวังตัวจากคนไม่ดี คือเพื่อนจขกท.มีโอกาสรอดกลับมาได้ มันเป็นเรื่องดีนะคะที่เค้าจะเอาประสบการณ์ครั้งนี้ มาบอกกล่าวให้คนอื่นๆ ระวังตัว หรืออย่าประมาทแบบที่เพื่อนจขกท.ทำ ใจเขาใจเราคะ ติได้นะคะ แต่บางความเห็นก็ทำให้รู้สึกไม่น่ามาเล่าเลย บางความเห็นเราก็ขอขอบคุณนะคะ ที่ติอย่างเข้าใจ*
(เราก๊อปมาจากสเตตัสในเฟสเพื่อนเรานะคะ เราแก้ไขคำหยาบบางคำให้ดูไม่แรงมาก+ชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องคะ)
เรื่องมันมีอยุ่ว่า วันนี้เรายืนรอสาย 79 เพื่อไปทำงานตามปกติ ปรากฎว่ามีม๊อบเดินขบวน รถจึงติดมาก 79 ไม่มาซักที เราเลยตัดสินใจเรียกแท๊กซี่ที่ขับรออยุ่แถวๆนั้น พอขึ้นรถปุ๊บเราก็ถกเถียงกับแท๊กซี่เรื่องเส้นทางทันที จุดหมายของเราคือโรงพยาบาลพญาไท1 ตกลงกันได้ว่าจะไปเส้นที่ 79 วิ่งเพราะเส้นนี้ไม่ติดใช้เวลาไม่นาน
เหตุการณ์แปลกๆมันเริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นมา แท๊กซี่นั้นชวนเราคุยเสมือนแท๊กซี่ที่อัธยาศัยดีทั่วๆไป เริ่มตั้งแต่มาถามเราว่าบ้านอยู่แถวนี้หรอ อยู่กับใคร ทำงานที่โรงพยาบาลนั้นหรอ(พญาไท1) เป็นหมอหรือพยาบาล เราก็ตอบๆไปตามประสา แต่ว่า!! เค้าไม่ได้ตั้งคำถามใส่เราอย่างเดียว เค้าเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ด้วยการบอกความใฝ่ฝันว่า เค้าอยากเป็นหมอภายใน อิจฉาหมอมาก ได้ดูทุกวัน แล้วก็เริ่มพูดจาหื่นๆหยาบคาย เช่นคำว่า ถ่าง พร้อมทำท่าประกอบ เราก็แบบอึ้ง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรมาก ยังคุยกันได้ดีต่อไป เพราะเราแบบเป็นคนไม่คิดมาก มองโลกในแง่ดี ก็คิดว่ามันคงมีคนแปลกๆแบบนี้มั่งแหละมั้ง บวกกับอยากรู้ว่าเค้าจะพูดอะไรต่อไป
ในช่วงที่รถไปถึงสนามหลวงเค้าก็เริ่มเรื่องใหม่ว่ะ คือเรื่องผู้หญิงกลางคืนที่มักยืนอยู่ใต้ต้นไม้รอบสนามหลวง ประมาณว่าเค้าเพิ่งไปรับบริการมาค่ะ แล้ว ผญ พวกนั้น บ่นๆว่า เด๋วนี้ให้คืนละ 100 ก็ไป เราแบบเอ่อออออออ!!!! ,>,!{~*,|$]~+ แล้วหลังจากนั้นเค้าก็เริ่มพูดถึงชีวิตหื่นๆของเค้าให้เราฟัง ว่าเค้าไปได้กับใครมามั่ง ผู้หญิงโรงงานเอยย ผู้โดยสารระหว่างทางเอยย แล้วก็โม้ว่าของตัวเองใหญ่และยาวมาก ไปฝังมุกมาด้วยนะนั่น (ในใจเราก็แบบฝังมุกคือเชี่ยไรวะ) และด้วยความที่เราอัธยาศัยดีเราก็ถามสิ่งที่เราสงสัยไปตรงๆว่าพี่เจ็บมั๊ย ไม่กลัวติดเชื้อหรอ ทำแล้วมันช่วยอะไรหรอ ประมานนี้ เค้าก็บอกว่าเจ็บก็ทน บลาๆๆๆๆ (ณ เวลานั้นคือ รถติดแหง๊ก เราแบบนี่กุต้องทนฟังอะไรแบบนี้อีกสิบเรื่องก่อนถึงใช่มั๊ยห๊าา) ด้วยสถานการณ์รถติดต่อเนื่อง เค้าเลยบอกเราว่าจะไปอีกทาง วนรถกลับทันที ในตอนนั้นเราก็โอเครเพราะทางที่เค้าบอกเคยมีแท๊กซี่พาเราไปเหมือนกัน เราก็นั่งเล่นไลน์คุยกับเพื่อนคนหนึ่งว่าเราเจอแท๊กซี่โรคจิตแต่ไม่ได้เอะใจอะไร เค้าก็ยังคงเล่าเรื่องหื่นๆไปเรื่อยๆ มาชวนให้เราจับของเค้าอีกด้วยแหนะ สักพักหนึ่งรถใกล้ถึงแถวเสาชิงช้า ตามทางที่เค้าบอกนั่นแหละ รถด้านข้างยังคงหนาแน่นอยุ่เหมือนเดิม แต่แล้วววววว.....มันขับเลี้ยวขวาเข้าซอยอย่างที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว รถจอดดับเครื่อง ข้างๆเขียนชื่อโรงแรมอะไรสักอย่างกุจำไม่ (่พากุเข้าโรงแรมจิ้งหลีดหรอ) กุช๊อคค่ะ เอ๋อค่ะ เอ๋อมากกว่าที่เป็นปกติของทุกวันอีกค่ะ !!!
หลังจากที่แท๊กซี่ได้ดับรถเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเงียบค่ะ ไม่ได้ยินเสียงไรทั้งน้ั้น สงสัยเป็นผลข้างเคียงจากอาการช๊อค หูกุอื้อเลยค่ะ สถานที่แห่งนั้นเป็นโรงแรมจิ้งหลีดเล็กๆ แถวเสาชิงช้า ศาลากลางกรุงเทพ ชื่อไรกุก็จำไม่ได้ กุช๊อคอยู่ รู้แต่ว่า
เราลงจากรถเดินนิดหน่อยมาเจอคนเก็บเงิน ทุกคนรู้ดูรู้งานค่ะ พี่แท๊กจ่ายให้พนักงานร้อยนึงค่าห้อง ประมานว่าหน้าเด็กมั้ง มันถามเราว่าเราอายุเท่าไหร่ เอาบัตรมาดู (ภาพเหตุการณ์คือกุเดินตามมันมาเหมือนสมยอม อีพนักงานมันเลยถาม)
เอาจริงมายืนจุดนี้ไม่รุ้เป็นไรเหมือนกัน เรารู้ตัวเองเลยนะว่าเราไม่กลัวอ่ะ อันนี้ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน น่าจะด้วยความชอบเจอประสบการณ์ชีวิตแปลกๆอยุ่แล้วด้วยมั้ง บวกกับความอยากรุ้อยากเห็น กุควักเป๋าตังเอาบัตรให้
หลังจากที่ล้มลงเตียงช้ะ มันก็รุกเราทันที เราก็ผลักออกเหมือนเดิมนั่นแหละ(บางคนอาจสงสัยว่าสู้แรงผชได้ไง คือ พี่แท๊กคนนี้ตัวไม่สูงค่ะ ตัวสูงกว่าเรานิดหน่อย แล้วก็เป็นผู้ชายร่างผอม บวกกับเหมือนเค้าคิดว่าเด่วเราก็ยอมเลยไม่ได้รุนแรงกับเรา เพราะเราพูดดีตลอด) เราก็รุกออกจากเตียงให้ได้ดเร็วที่สุดนั่นแหละ แต่มันก็จะคว่ำเราให้ได้ เราก็เลยชวนมันคุยแทน "นี่พี่มีถุงยางป่ะ" มันก็เลยรีบไปหยิบถุงยางออกมา โอเครใส่ให้กุดูด้วยนั่น แต่ไปๆมาๆ
พอออกมาเจอแสงแดดสิ่งแรกที่ทำคือถ่ายทะเบียนตรงตูดรถ จากนั้นรีบเดินออกจากโรงแรม ไม่ทันได้จำชื่อ (กุรีบ) พอออกมาพ้นเขตก็เริ่มจำว่าตรงนี้ที่ไหนอยุ่ติดกับอะไรบ้าง แล้วรีบหารถมอไซด์ หรืออะไรก็ได้ที่พากุไปจากตรงนี้เร็วๆ .... เผอิญค่ะ เจอน้องปีหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกัน โอมายย น้องมากับเพื่อนม.อื่นอีกสองคนค่ะ เราทักกันแป๊ปนึง จากนั้นเราได้ยินเสียงแว่วๆว่า "ไปสยาม" คือน้องกลุ่มนี้เรียกแท๊กซี่ได้ เราก็แบบกุขอติดไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่พอกุหันมาเท่านั้นแหละ เควี้ย! คนเดิม ตอนนั้นคือน้องเหมือนขึ้นรถไปได้ซักสองคนแล้วมั้ง วินาทีนั้นเราตัดสินใจไปด้วยเลย คิดว่า
พอลงจากรถแล้ว เราเลยเล่าให้น้องๆฟัง ว่าเรื่องราวเป็นยังไง
- อธิบายให้พี่ฟังเรียบร้อยแล้ว พี่พยายามช่วยกันหาหลักฐานว่าจะเอาไรไปบอกตำรวจ
- หลังจากนั้น เบอร์แปลกนั้น โทรมาอีกสามรอบ
- เรื่องที่เล่านี่ย่อแล้ว
- งานเริ่มเก้าครึ่ง เราถึงสิบเอ็ดครึ่ง
- ไม่มีเบอร์พีที่วันนี้ต้องอยุ่ด้วยกัน เลยติดต่อพี่ก่อนไม่ได้
- อยากจะบอกทุกคนว่า ปกติเราเป็นคนที่ค่อนข่างนั่งแท๊กคนเดียวบ่อยๆ โดยไม่คิดว่าความซวยจะบังเอิญมาเกิดกับดรา เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเราโชคดีมากจริงๆที่รอดมาได้ โดยไม่ได้เสียหายหรือได้รับบาดเจ็บอะไร
- จริงๆแล้ว สิ่งที่เราทำเราคิดว่าบางทีเรารุ้สึกอยากลอง เรื่องมันถึงได้ยาวแบบนี้ ซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวของเราที่คนอื่นอ่านเอาก็น่าจะรุ้ว่าไม่ควร (ควรจะลงตั้งแต่ที่มันเล่าเรื่องหื่นให้ฟังละ)
ปล.
-เราขอแท๊กโต๊ะเครื่องแป้งเป็นความงามนะคะ ไม่รู้จะเลือกหัวข้อไหนจากห้องนี้
-แท๊กซี่เช่า สีชมพูคะ
-ตอนนี้เพื่อนเรากายและใจโอเคอยู่คะ แต่คงใช้ชีวิตระมัดระวัง ไม่ประมาทมากขึ้นคะ
-เพื่อนเรายินดีรับคำติว่ากล่าวตักเตือน ในประสบการณ์ครั้งนี้นะคะ
-เราขอลบรูป และชื่อคนขับตามคำแนะนำของผู้ใหญ่คะ
-เรื่องจริงคะ ไม่เชื่อไม่เป็นไรคะ เราไม่ขอชี้แจงอะไรเพิ่มเติมแล้วนะคะ นานาจิตตังคะ
-จุดประสงค์คือ เตือนให้เพื่อนๆระวังตัว และมองเห็นข้อผิดพลาดที่เพื่อนจขกท.ทำ เพื่อเป็นอุธาหรณ์คะ