สิทธิและเสรีภาพที่แท้จริงแห่งประชาชาติ

สิทธิและเสรีภาพคืออะไร??!
    ทุกว้นนี้คนหลายๆฝ่ายพยายามเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองมากไปหรือเปล่า??? ใช่....มันก็ถูกที่เราจะต้องเรึยกร้องสิทธิและเสรีภาพของตนเองแต่ในบางทีการเรียกร้องนั้นอาจจะเกิดปัญหาตามมา เราเพียงต้องการสิ่งที่เราต้องการจากผลพลอยได้ของสิทธิและเสรีภาพเท่านั้น
    ทุกอย่างเป็นแรงขัเคลื่อนแห่งโลกาภิวัฒน์ เศรษฐกิจ หรือ การพัฒนา อย่างต่อเนื่องของมนุษย์ ฉนั้นความต้องการอย่างไม่มีขีดจำกัดจึงเกิดขึ้นแต่เส้นที่มนุษย์ขีดเอาไว้ได้จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการทำในสิ่งที่เราต้องการไว้ซึ่งปรากฏให้เห็นในหลายๆ ประเทศหรือกลุ่มคนที่ออกมาเรึยกร้องสิทธิและเสรีภาพของตนเสมอๆ ฉนั้นแล้วหากสังเกตดีๆ จะพบว่าเราเป็นผู้เลือกที่จะจำกัดสิทธิและเสรีภาพของตน เพราะยิ่งเราเราเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพเราก็ยิ่งเจอแต่ข้อจำกัดมากมาย หากเราทุกคนพอใจกับสิ่งทึ่เป็นและรู้จักแบ่งบันอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ เราคงไม่ต้องการอะไรจากผลพลอยได้ของสิทธิและเสรีภาพอย่างแน่นอน ฉนั้นแล้วจึงพออนุมานได้ว่า เรากำลังเรียกร้องเพียงแค่เงาของสิทธิและเสรีภาพ
   โลกเราทุกวันนี้มีแต่ปัญหามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งวิกฤตการเงิน,ความขักแย้งทางการเมืองหรือแม้แต่ความไม่สามัคคีของคนในชาติเองเพราะเรานี้เห็นแก่ความต้องการแห่งเงาสิทธิและเสรีภาพจนไม่สนใจมนุษยธรรม เราพยายามขวนขวายในสิ่งมี่ทำให้ตนหรือพวกพ้องพอใจ จนลืมไปว่าคนอื่นก็มีจิตใจเหมือนกัน ประเด็นหนึ่งคือการจำกัดความคิดของคนรุ่นใหม่โดยวัฒนธรรมหรือตัวผู้ใหญ่ทึ่กำลังเดินตามเงาแห่งสิทธิและเสรีภาพที่ตนได้เพียงปฏิบัติสืบๆกันมา โดยบางทีอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ตนกำลังกระทำอยู่นั้น ทำเพื่ออะไร และทำไปทำไม เช่นการบังคับให้เด็กเดินตามรอยตนเอง เหมือนสำนวนที่ว่า "เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด" ทั้งๆที่ก็มีอีกหลายวิธีที่ทำให้หมาไม่กัดเรา นำมาขีดเส้นให้คนรุ่นใหม่ สุดท้ายพอการเปลี่ยนแปลงแห่งสังคมเป็นไป ปัญหาค่านิยมการตามเงาของสิทธิและเสรีภาพที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กโดยที่เราไม่รู้ตัวก็แผลงฤทธิ์ กลายเป็นปัญหาเดิมๆ ให้เราดิ้นรนและกลับเขาสู่วงจรเดิมอีกครั้ง
   ดังนั้นพอพูดแบบนี้แล้ว คงมีคนตั้งคำถามว่าเราไม่ควรเชื่อวัฒนธรรมหรือผู้ใหญ่หรือ?คำตอบคือ"ไม่" รากฐานที่สร้างมาแต่โบราณคือสิ่งที่ควบคุมความเป็นมนุษยธรรมและเป็นบทเรียนให้เราศึกษาต่อยอดเท่านั้น ไม่ใช่การบีบบังคับเราให้เดินย่ำอยู่กับที่ ทุกคนควรได้รับสิทธิและเสรีภาพในทางที่ถูกต้อง คือ การได้เสนอความคิดต่อสังคม เริ่มจากการตัดคำว่า "เถียง" ออกไปแล้วใช้คำว่า "การอธิบาย" แทน ในการสนทนาในครอบครัวระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ต่อไปพอโตขึ้นนักเรียนก็มิควรเรียนแต่ในตำราเพียงอย่างเดียว ควนให้ได้รับการศึกษาได้ด้านที่ตนชื่นชอบ และศึกษาในสิ่งที่จะไปพัฒนาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนครูบาอาจารย์อาจไม่ถูกเสมอไป สุดท้ายคือการใช้ชีวิตในสังคมขนาดใหญ่ๆ นิสัยบ้าอำนาจหรือการประจบสอพลอก็เด่นชัดขึ้น เพราะคนพวกนี้เห็นความต้องการของตนจากเงาของสิทธิและเสรีภาพ ฉนั้นเราจะใช่วิถีของเราแสดงให้เห็นและเข้าไปแทนที่อำนาจที่ผิด และแสดงให้คนอื่นเห็นว่าอะไรคือสิทธิและเสรีภาพที่เราพึงได้รับอะไรคือเสรีภาพที่เรายิ่งคว้ายิ่งสร้างความเดือดร้อนโดยให้ย้อนกับมาดูที่ตัวเอง เปลี่ยนตัวเอง และให้คนรอบข้างๆค่อยๆเปลี่ยนทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
  ฉนั้นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการแสวงหาสิ่งเติมใจ โดยใช้คำว่าสิทธิและเสรีภาพมาบังหน้าให้ดูดี แต่จริงๆก็แอบแฝงความกระหายของตนไว้ภายใน จนเป็นบ่อเกิดของค่านิยมการบัาอำนาจหรือการประจบสอพลอ และกลายเป็นปัญหาสังคมที่ขาดแรงงานคุณภาพหรือบุคคลคุณภาพ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็กำลังใช้สิทธิและเสรีภาพอันไม่ชอบธรรมบีบให้ห้เราเดินตามเขา โดยที่เราไม่มีสิทธ์ออกเสียงใดๆ เรากำลังตกอยู่ในเขาวงกตที่เดินมาก็กลับมาที่เดิม พอมีคนออกไปได้ก็ถูกจับใส่เข้าไปใหม่ เราควรได้รับสิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมนั้นเพื่อตัวเรา สุดท้ายนี้สิทธิและเสรีภาพอันชอบธรรมที่เราได้รับอยู่นั้นยังนำความสงบสุขมาไม่ได้เต็มร้อยหากแต่สิทธิและเสรีภาพที่แท้จริงคือการไม่ตกเป็นทาสของความต้องการสิ่งใดเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่