วันนี้ (29พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยยื่นร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาพยายามช่วงชิงอำนาจไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่า ไม่กังวลอะไร เพราะเป็นนิสัยของพรรคเพื่อไทยที่ทำอย่างนี้มาตลอด ตนประกาศชัดแล้วว่าไม่มีการชิงอำนาจ พรรคทำตามกลไกรัฐธรรมนูญโดยกิจกรรมของพรรคที่จะทำต่อไปไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องทำร่วมกับเวทีราชดำเนินหรือเวทีใด แต่พร้อมเป็นกำลังใจให้กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านระบอบทักษิณ เราพร้อมดูแลความปลอดภัย คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนที่ร่วมชุมนุม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 29-30 พ.ย.หรือไม่นั้น ตอนนี้ตนยังไม่ทราบว่าเขาจัดในรูปแบบใด แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจดีถึงการทำงานของพรรคและนายสุเทพ โดยนายสุเทพ และคณะ ลาออกจากส.ส.เพื่อความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหว และพรรคก็ไม่ได้อยู่เฉย ต้องมีบทบาทของพรรค เพราะบางเรื่องพรรคต้องเป็นผู้ดำเนินการโดยตรง เช่นการถอดถอน และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และบางเรื่องเราก็เป็นผู้สนับสนุนและผู้ช่วย ซึ่งความจำเป็นในการดำรงสถานะส.ส.คือเรามีหน้าที่ เช่นคำร้องถอนถอน ส.ส. และ ส.ว. 312 คน ที่ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย ถ้าเราหมดสภาพส.ส.ไป คำร้องนั้นก็หมดไปด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรากำลังจับตาดูอยู่ เพราะแม้จะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ทำให้หลายคนคิดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 291 ยังใช้เวลาอีกนานที่จะกลับเข้าสู่ที่ประชุมสภา แต่เขาสามารถเอากลับเข้ามาได้ในเวลาอีก 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นเราต้องประเมินว่าวิธีการใดที่จะช่วยให้การต่อสู้ของประชาชนประสบความสำเร็จมากที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุเทพ ว่า เรื่องมันผ่านไปแล้วไม่ปัญหา แต่ได้ย้ำไปว่าต้องใจเย็น ๆ ทุกคนอาจรู้สึกว่ากดดันว่าต่อสู้กันมาขณะนี้แล้วเหตุใดรัฐบาลยังไม่ตอบสนองจึงอาจหงุดหงิดไปบ้างเป็นธรรมดา ตนได้ย้ำในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่า เรามีเป้าหมายเดียวกันคือการปฏิรูปประเทศ แต่มีวิธีการเดินที่แตกต่างกัน ไม่ควรต่อว่ากัน นายสุเทพ คิดว่าตัวเองกำลังทำงานใหญ่ระดับประเทศ ระดับโลก เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องหลัก ส่วนนายกรณ์ เป็นคนมองอนาคตไกลเกินกว่าที่จะมาติดกับเรื่องนี้ เป้าหลักวันนี้มีหน้าที่ชวนคนที่ยังไม่ออกมาให้ออกมาเดินด้วยกันให้มาก และต้องขจัดพวกที่อันธพาลที่ขวางไม่ได้เดิน ยืนยันไม่มีการลอยแพนายสุเทพ เห็นได้จากในเวทีต่าง ๆ ก็มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งหลักกันให้ดี วันนี้ส.ส.ที่ต้องลาออกคือส.ส.ที่ทำผิด แต่ส.ส.ที่ยังไม่ลาออกกลับต้องคอยตอบคำถามว่าเหตุใดยังไม่ได้ลาออก แต่ใครจะมีความเห็นต่างกันอย่างไร แต่การเดินสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต้องเริ่มจากความรับผิดชอบของคนที่ทำผิดเสียก่อน กระบวนการการพุดคุยยังเกิดไม่ได้จนกว่าเงื่อนไขตรงนี้จะบรรลุ วันนี้ถ้าเราหยุดก็จะตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล
เมื่อถามว่าอธิการบดีทั่วประเทศเสนอให้นายกฯยุบสภา เพื่อเป็นทางออกประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการเสนอทางออกที่สอดคล้องกับความรับผิดชอบ เพราะถือเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ได้ในเปราะหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่มวลชนจะพิจารณา ทั้งนี้การที่ปัญหาไม่สามารถคลี่คลายได้ เป็นเพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขวางอยู่ ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบต่อความไม่ชอบธรรมที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ถือเป็นการกระทำแบบตีสองหน้า พูดอย่างทำอย่าง จะเป็นการสร้างความแตกแยกทำให้ปัญหาบานปลาย เราหวังว่าสถานการณ์จะไม่มีการเผชิญหน้าถึงขั้นนองเลือดและคนที่จะขจัดตรงนี้ได้คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับผู้ต่อต้านระบอบทักษิณ ที่จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ย.นั้น อยากเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับเรื่องแบบนี้ก่อน หากอยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ไม่ใช่ไปเรียกร้องกับคนที่ใช้สันติวิธี ทั้งนี้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ยาก ไม่สามารถผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศได้ รัฐบาลไม่ควรว่าคนอื่นอยู่กับเกมการเมือง เพราะตัวรัฐบาลเองที่อยู่กับเกมอำนาจและผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าหากนายสุเทพ ถูกจับตัวไป นายอภิสิทธิ์ อาจจะขึ้นมาเป็นแกนนำมวลชนแทน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ใช่แต่นายอภิสิทธิ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณสุเทพ วันนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีแกนนำอีกกี่ร้อยกี่ล้านคนที่พร้อมขึ้นมา และต้องไปถามคุณสุเทพ ว่ามีทายาทหรือไม่ ถามผมไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าการต่อสู้ที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำนึกที่ถูกปลุกขึ้น ความกล้าหาญที่ถูกปลดปล่อยแล้ว มาจากการเคลื่อนไหวของคุณสุเทพ มีชีวิตในตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นไปทำอะไรกับคุณสุเทพ ไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปได้ ไม่มีจบที่คุณสุเทพ เพราะสิ่งที่คุณสุเทพทำ ได้ทำมันมีพลังที่อยู่เหนือกว่าตัวคุณสุเทพ”
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000148163
จบเรื่องนี้ คุณสุเทพ และอดีต ส.ส. แกนนำ อีก 8 คน คงเป็นตำนาน วีรบุรุษ พรรคประชาธิปัตย์ แน่นอน มาแบบนี้
ผู้นำฝ่ายค้าน เชื่อปชช.เข้าใจ ยันไม่มีวัน ลอยแพ อดีต ส.ส. แกนนำทุกคน ระบุแนวทางต่อสู้หลังจากนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรากำลังจับตาดูอยู่ เพราะแม้จะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ทำให้หลายคนคิดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 291 ยังใช้เวลาอีกนานที่จะกลับเข้าสู่ที่ประชุมสภา แต่เขาสามารถเอากลับเข้ามาได้ในเวลาอีก 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นเราต้องประเมินว่าวิธีการใดที่จะช่วยให้การต่อสู้ของประชาชนประสบความสำเร็จมากที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุเทพ ว่า เรื่องมันผ่านไปแล้วไม่ปัญหา แต่ได้ย้ำไปว่าต้องใจเย็น ๆ ทุกคนอาจรู้สึกว่ากดดันว่าต่อสู้กันมาขณะนี้แล้วเหตุใดรัฐบาลยังไม่ตอบสนองจึงอาจหงุดหงิดไปบ้างเป็นธรรมดา ตนได้ย้ำในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่า เรามีเป้าหมายเดียวกันคือการปฏิรูปประเทศ แต่มีวิธีการเดินที่แตกต่างกัน ไม่ควรต่อว่ากัน นายสุเทพ คิดว่าตัวเองกำลังทำงานใหญ่ระดับประเทศ ระดับโลก เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องหลัก ส่วนนายกรณ์ เป็นคนมองอนาคตไกลเกินกว่าที่จะมาติดกับเรื่องนี้ เป้าหลักวันนี้มีหน้าที่ชวนคนที่ยังไม่ออกมาให้ออกมาเดินด้วยกันให้มาก และต้องขจัดพวกที่อันธพาลที่ขวางไม่ได้เดิน ยืนยันไม่มีการลอยแพนายสุเทพ เห็นได้จากในเวทีต่าง ๆ ก็มีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งหลักกันให้ดี วันนี้ส.ส.ที่ต้องลาออกคือส.ส.ที่ทำผิด แต่ส.ส.ที่ยังไม่ลาออกกลับต้องคอยตอบคำถามว่าเหตุใดยังไม่ได้ลาออก แต่ใครจะมีความเห็นต่างกันอย่างไร แต่การเดินสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต้องเริ่มจากความรับผิดชอบของคนที่ทำผิดเสียก่อน กระบวนการการพุดคุยยังเกิดไม่ได้จนกว่าเงื่อนไขตรงนี้จะบรรลุ วันนี้ถ้าเราหยุดก็จะตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล
เมื่อถามว่าอธิการบดีทั่วประเทศเสนอให้นายกฯยุบสภา เพื่อเป็นทางออกประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการเสนอทางออกที่สอดคล้องกับความรับผิดชอบ เพราะถือเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ได้ในเปราะหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่มวลชนจะพิจารณา ทั้งนี้การที่ปัญหาไม่สามารถคลี่คลายได้ เป็นเพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขวางอยู่ ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบต่อความไม่ชอบธรรมที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ถือเป็นการกระทำแบบตีสองหน้า พูดอย่างทำอย่าง จะเป็นการสร้างความแตกแยกทำให้ปัญหาบานปลาย เราหวังว่าสถานการณ์จะไม่มีการเผชิญหน้าถึงขั้นนองเลือดและคนที่จะขจัดตรงนี้ได้คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับผู้ต่อต้านระบอบทักษิณ ที่จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ย.นั้น อยากเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับเรื่องแบบนี้ก่อน หากอยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ไม่ใช่ไปเรียกร้องกับคนที่ใช้สันติวิธี ทั้งนี้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ยาก ไม่สามารถผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศได้ รัฐบาลไม่ควรว่าคนอื่นอยู่กับเกมการเมือง เพราะตัวรัฐบาลเองที่อยู่กับเกมอำนาจและผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าหากนายสุเทพ ถูกจับตัวไป นายอภิสิทธิ์ อาจจะขึ้นมาเป็นแกนนำมวลชนแทน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ใช่แต่นายอภิสิทธิ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณสุเทพ วันนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีแกนนำอีกกี่ร้อยกี่ล้านคนที่พร้อมขึ้นมา และต้องไปถามคุณสุเทพ ว่ามีทายาทหรือไม่ ถามผมไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าการต่อสู้ที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำนึกที่ถูกปลุกขึ้น ความกล้าหาญที่ถูกปลดปล่อยแล้ว มาจากการเคลื่อนไหวของคุณสุเทพ มีชีวิตในตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นไปทำอะไรกับคุณสุเทพ ไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปได้ ไม่มีจบที่คุณสุเทพ เพราะสิ่งที่คุณสุเทพทำ ได้ทำมันมีพลังที่อยู่เหนือกว่าตัวคุณสุเทพ”
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000148163
จบเรื่องนี้ คุณสุเทพ และอดีต ส.ส. แกนนำ อีก 8 คน คงเป็นตำนาน วีรบุรุษ พรรคประชาธิปัตย์ แน่นอน มาแบบนี้