การเมืองเข้มข้น อารมณ์ก็พลุ่งพล่านไปตามองศาของการเมือง
มีแต่คนตะโกนจะเอาแต่ที่ตนต้องการ
ถึงขนาดทุ่มเทสิ่งที่ตนมีไม่ว่าหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม และวิชาชีพ
ได้เห็นหลายคนลงทุนขนาดที่เรียกว่า "ทุบหม้อข้าว"ตัวเองเลยทีเดียว
ไตร่ตรองทบทวนกันดีแล้วหรือครับว่าสิ่งที่ทำกันอยู่นั้นถูกต้อง?
ในการถกเถียงทางการเมืองตามพื้นที่สาธารณะในโลกออนไลน์นี่ก็เหมือนกันนะครับ
จะเห็นว่ามีไม่น้อยเลยที่พยายามอวดอ้างตัวเองว่ามีฐานะทางสังคมที่สูงกว่า ทุกคนควรให้ความสนใจว่าฉันคิดอะไรนะ
ซึ่งผมว่ามันไร้สาระ
ไม่ว่าคุณจะอ้างฐานะทางสังคมเป็นอะไรคุณก็อยู่ในโลกสมมุติ คุณค่ามันก็เป็นได้แค่ฐานะสมมุติที่ใครก็อ้างได้ไม่ยาก
และต่อให้คุณพิสูจน์ว่าคุณเป็นอย่างที่คุณอ้างก็ตาม ก็ไม่ได้การันตีว่าความคิดของคุณสมควรน่าจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่น
เพราะคุณค่าของความคิดเห็น เค้าวัดกันที่วุฒิภาวะในการแสดงออกต่างหาก
จะอ้างว่าเป็นทนาย เป็นหมอ จบโท จบเอกอะไรมาก็แล้วแต่
หากการแสดงความคิดเห็นของคุณมันต่ำช้าป่าเถื่อนหยาบคายไร้สาระ
ฐานะทางสังคมที่คุณอ้างมามันก็เป็นแค่เรื่องตลก
ยิ่งบางคนนี่น่าสงสารหนักเข้าไปอีก อวดว่าตัวเองรวยไม่แคร์โน่นไม่แคร์นี่ มาขุดปมด้อยของตัวเองประจานซะปล่าวๆ
โน้มน้าวให้คนเชื่อตามก็ไม่ได้
ทำให้มีคนยอมรับมากขึ้นก็ไม่ได้
ได้แต่สมเพชกับอาการป่วยทางอารมณ์ที่แสดงกันออกมาแค่นั้นเอง
จะทำไปทำไมล่ะครับ?
เพราะเรื่องวุฒิภาวะนี่ แค่ขั้นพื้นฐาณ ที่ต้องรู้จักการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่หยาบคาย ถ่อยเถื่อน
เป็นหน้าที่ของระดับพ่อแม่ที่ต้องสั่งสอนลูกหลานนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนระดับด๊อกเตอร์ถึงจะมีวุฒิภาวะพื้นฐาณอย่างนั้นหรอกครับ
ผมถึงว่า จำเป็นอย่างมากที่เวลาแสดงออกทางการเมืองต้องควบคุมอารมณ์กันให้ดี
หากแสดงออกอย่างคนที่ไร้วุฒิภาวะแล้วนอกจากคนที่พบเจอเค้าจะนึกตำหนิตัวคุณ และสถาบันการศึกษาที่คุณอ้าง
เค้าก็ต้องนึกตำหนิไปถึงบุพการีของคุณด้วย ว่าไม่สั่งสอนเรื่องวุฒิภาวะกันมาบ้างเลยหรืออย่างไร
ว่าเวลาอยู่ในสังคมจะต้องให้เกียรติคนอื่นอย่างไร
จริงมั๊ยครับ?
ตั้งสติกันให้ดีๆ อ้างฐานะตัวตนว่าเป็นระดับไหนแล้ว ก็ต้องแสดงความสามารถให้ได้ระดับนั้นนะครับ
เรียนสูงมีการศึกษาดีก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโน้มน้าวความคิดของผู้คนให้ได้
หากทำไม่ได้ความรู้ที่อ้างถึงมันก็เป็นแค่ความรู้ของนกขุนทองแค่นั้นเองเอามาอวดก็อายเค้าปล่าวๆ
คงไม่ต้องให้เตือนสติกันอีกมั้งครับว่า
แพ้ชนะในทางการเมืองนั้นวัดกันที่ความคิดครับ ว่าฝ่ายไหนมีความสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนเชื่อถือได้มากกว่า
หากใช้อารมณ์ตนเป็นที่ตั้งไม่ใส่ใจกับวุฒิภาวะในการแสดงออก
นอกจากจะเป็นการดูถูกตัวเองแล้ว ยังพาความเสื่อมมาสู่กลุ่มคนฝ่ายที่ตัวคุณสนับสนุนไปด้วยอย่างน่าเสียดาย
วุฒิภาวะในการแสดงออกทางการเมือง
มีแต่คนตะโกนจะเอาแต่ที่ตนต้องการ
ถึงขนาดทุ่มเทสิ่งที่ตนมีไม่ว่าหน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม และวิชาชีพ
ได้เห็นหลายคนลงทุนขนาดที่เรียกว่า "ทุบหม้อข้าว"ตัวเองเลยทีเดียว
ไตร่ตรองทบทวนกันดีแล้วหรือครับว่าสิ่งที่ทำกันอยู่นั้นถูกต้อง?
ในการถกเถียงทางการเมืองตามพื้นที่สาธารณะในโลกออนไลน์นี่ก็เหมือนกันนะครับ
จะเห็นว่ามีไม่น้อยเลยที่พยายามอวดอ้างตัวเองว่ามีฐานะทางสังคมที่สูงกว่า ทุกคนควรให้ความสนใจว่าฉันคิดอะไรนะ
ซึ่งผมว่ามันไร้สาระ
ไม่ว่าคุณจะอ้างฐานะทางสังคมเป็นอะไรคุณก็อยู่ในโลกสมมุติ คุณค่ามันก็เป็นได้แค่ฐานะสมมุติที่ใครก็อ้างได้ไม่ยาก
และต่อให้คุณพิสูจน์ว่าคุณเป็นอย่างที่คุณอ้างก็ตาม ก็ไม่ได้การันตีว่าความคิดของคุณสมควรน่าจะเป็นที่ยอมรับของคนอื่น
เพราะคุณค่าของความคิดเห็น เค้าวัดกันที่วุฒิภาวะในการแสดงออกต่างหาก
จะอ้างว่าเป็นทนาย เป็นหมอ จบโท จบเอกอะไรมาก็แล้วแต่
หากการแสดงความคิดเห็นของคุณมันต่ำช้าป่าเถื่อนหยาบคายไร้สาระ
ฐานะทางสังคมที่คุณอ้างมามันก็เป็นแค่เรื่องตลก
ยิ่งบางคนนี่น่าสงสารหนักเข้าไปอีก อวดว่าตัวเองรวยไม่แคร์โน่นไม่แคร์นี่ มาขุดปมด้อยของตัวเองประจานซะปล่าวๆ
โน้มน้าวให้คนเชื่อตามก็ไม่ได้
ทำให้มีคนยอมรับมากขึ้นก็ไม่ได้
ได้แต่สมเพชกับอาการป่วยทางอารมณ์ที่แสดงกันออกมาแค่นั้นเอง
จะทำไปทำไมล่ะครับ?
เพราะเรื่องวุฒิภาวะนี่ แค่ขั้นพื้นฐาณ ที่ต้องรู้จักการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่หยาบคาย ถ่อยเถื่อน
เป็นหน้าที่ของระดับพ่อแม่ที่ต้องสั่งสอนลูกหลานนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนระดับด๊อกเตอร์ถึงจะมีวุฒิภาวะพื้นฐาณอย่างนั้นหรอกครับ
ผมถึงว่า จำเป็นอย่างมากที่เวลาแสดงออกทางการเมืองต้องควบคุมอารมณ์กันให้ดี
หากแสดงออกอย่างคนที่ไร้วุฒิภาวะแล้วนอกจากคนที่พบเจอเค้าจะนึกตำหนิตัวคุณ และสถาบันการศึกษาที่คุณอ้าง
เค้าก็ต้องนึกตำหนิไปถึงบุพการีของคุณด้วย ว่าไม่สั่งสอนเรื่องวุฒิภาวะกันมาบ้างเลยหรืออย่างไร
ว่าเวลาอยู่ในสังคมจะต้องให้เกียรติคนอื่นอย่างไร
จริงมั๊ยครับ?
ตั้งสติกันให้ดีๆ อ้างฐานะตัวตนว่าเป็นระดับไหนแล้ว ก็ต้องแสดงความสามารถให้ได้ระดับนั้นนะครับ
เรียนสูงมีการศึกษาดีก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการโน้มน้าวความคิดของผู้คนให้ได้
หากทำไม่ได้ความรู้ที่อ้างถึงมันก็เป็นแค่ความรู้ของนกขุนทองแค่นั้นเองเอามาอวดก็อายเค้าปล่าวๆ
คงไม่ต้องให้เตือนสติกันอีกมั้งครับว่า
แพ้ชนะในทางการเมืองนั้นวัดกันที่ความคิดครับ ว่าฝ่ายไหนมีความสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนเชื่อถือได้มากกว่า
หากใช้อารมณ์ตนเป็นที่ตั้งไม่ใส่ใจกับวุฒิภาวะในการแสดงออก
นอกจากจะเป็นการดูถูกตัวเองแล้ว ยังพาความเสื่อมมาสู่กลุ่มคนฝ่ายที่ตัวคุณสนับสนุนไปด้วยอย่างน่าเสียดาย