คนเราจะมีแนวคิดในการแสดงออก มีวิธีในการแสดงออกของตัวเอง ตามแบบที่ตัวเองพอใจ เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะว่าผมก็แสดงออกในสิ่งที่ผมอยากทำ โดยยึดหลักความถูกต้อง ความดีเป็นหลัก ยากหน่อยที่ทุกวันนี้ไม่ได้มีความถูกต้องแบบ ขาว 100% หรือ ดำ 100% ที่ทำให้เรารู้สึกชัดเจนในการตัดสินใจแบบไม่มีข้อสงสัยว่ายืนข้างความถูกต้องได้อย่างสนิทใจ วันนี้มีแค่ขาวกว่า ดำกว่า เทาเข้ม เทาอ่อน (จขกท ก็ไม่ได้ขาวสะอาด) เมื่อตัวเลือกมันเป็นเช่นนนี้แน่นอนว่าเราต้องเลือกสิ่งที่สว่างกว่า แม้จะไม่ได้สนิทใจ 100%
ความเฉยอาจจะเกิดจากความคลางแคลงใจนี่แหละ ว่ามันไม่ได้ขาวนะ มันเทา ทำใมต้องเห็นด้วย แต่เมื่อต้องเลือกเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าถูกต้องกว่า แม้ว่าจะไม่ได้เห็นด้วยไปทั้งหมด แต่ความเฉย เฉยเมย ไม่ทำอะไร แท้จริงแล้วคืออะไร คือแนวคิด หรือคือแค่เกราะ กำแพง Safty Zone ที่ทำให้เรื่องยุ่งยากในชีวิตของตัวเองลดลง ในวันที่ทุกวันนี้มันก็ยุ่งยากอยู่แล้ว อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่เรื่องนั้นมันเข้ามากระทบเราโดยตรง ไม่ใช่ทางอ้อม มาแบบเป็นรูปธรรมนั่นแหละ เราก็จะอยู่เฉยไม่ได้ ไฟไหม้บ้านข้างๆ ถัดไปหลายหลังเราอาจจะอยู่เฉยๆ ได้ แต่เมื่อใดที่ไฟมาถึงข้างบ้างแล้วเราคงไม่กล้าอยู่เฉย เราทุกคนมี safty zone ของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่าความรู้สึกว่าต้องทำอะไร ต้อง take Action เมื่อไหร่ เราไม่เท่ากัน ช้า เร็วต่างกัน
แต่ผมเห็นว่า อย่าให้ความเฉย มาทำลายเรา เพราะเมื่อเราอยู่เฉย ยามถึงภัยใกล้ตัว เพราะไม่ใช่เราเองจะเดือดร้อน คนรอบข้างหรือบานปลายใหญ่กว่าที่เราคิด อาจจะพลอยได้รับไปด้วย ถ้าปล่อยให้ไฟไหม้คงไม่เป็นไรถ้าเราอยู่บ้านคนเดียว เราเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อมีบ้านมีคนอื่นๆ ในบ้าน มีเพื่อนบ้านเราต้องคิดถึงคนอื่นๆ ที่อาจได้รับผลพลอยเดือดร้อนจากเรา อย่าเฉยเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น อย่าเฉยเมื่อถึงยามที่ต้อง take Action แล้วยังไม่ทำอะไร
ผมไม่มีสิทธ์มาตัดสินใจว่า คนที่เฉย ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร มันอยู่ที่คุณทั้งนั้นตัดสินตัวเอง คนที่กล่าวหา ต่อว่า ไทยเฉย เค้าอาจจะพูดด้วยความไม่พอใจด้วยอารมณ์ แต่ถ้าลึกแล้วเป็นการบอกว่า ไฟไหม้จวนถึงบ้านแล้วนะ ทำอะไรหน่อยสิ (วิธีพูดอาจจะไม่ถูกหูคุณไม่เป็นไร แต่ถ้าเจตจนดีละก็ให้อภัย) สุดท้ายคุณจะทำไม่ทำก็แล้วแต่ แนวคิดและการตัดสินใจของแต่ละคนห้ามไม่ได้ เพราะเรามีสิทธิเสรีภาพของเราเอง
สรุป : ความย่ำแย่ทุกวันนี้ มันอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงใกล้ตัวจับต้องได้เหมือนไฟไหม้บ้าน แต่ความไม่ถูกต้อง มันเกิดขึ้นแล้ว ที่ที่ผมยืนอยู่คือ ผมไม่สามารถเห็นความเลวร้ายจากการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ สร้างหนี้ ขายชาติ โกงกิน ที่เบ่งบานอย่างมากในตอนนี้ หลายคนบอกไม่มียุคไหนไม่โกง มันก็ยังเป็นความจริงสำหรับประเทศของเราและผมก็เชื่ออย่างนั้น แต่วันนี้ความสว่างมันมืดมน มันเกินกว่าเทาอ่อน มันกลายเป็นเทาเข้ม และอาจจะกลายเป็นสีดำ ในที่สุด ซึ่งเราต้องหยุดมัน ความเฉยไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าคิดว่าอุดมการณ์ ความคิดไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร แต่จงแสดงออกในแบบที่คุณเต็มใจ ไฟไหม้บ้านเราแล้วจะไม่มีอะไรเลยไม่ได้ เตรียมน้ำไว้หน่อย เก็บข้าวของหน่อย เตือนคนในบ้านหน่อยก็ยังดีครับ
ยกข้อความนี้อีกรอบ "สุดท้ายคุณจะทำไม่ทำก็แล้วแต่ แนวคิดและการตัดสินใจของแต่ละคนห้ามไม่ได้ เพราะเรามีสิทธิเสรีภาพของเราเอง"
เป็นเหลืองก็ไม่ผิด เป็นแดงก็ไม่ผิด สลิ่มก็ไม่ผิด ถ้ายืนข้างสนับสนุนความไม่ถูกต้องเมื่อไหร่ ไม่ว่าเป็นใครก็ผิด
ความในใจของไทยเคยเฉย
ความเฉยอาจจะเกิดจากความคลางแคลงใจนี่แหละ ว่ามันไม่ได้ขาวนะ มันเทา ทำใมต้องเห็นด้วย แต่เมื่อต้องเลือกเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าถูกต้องกว่า แม้ว่าจะไม่ได้เห็นด้วยไปทั้งหมด แต่ความเฉย เฉยเมย ไม่ทำอะไร แท้จริงแล้วคืออะไร คือแนวคิด หรือคือแค่เกราะ กำแพง Safty Zone ที่ทำให้เรื่องยุ่งยากในชีวิตของตัวเองลดลง ในวันที่ทุกวันนี้มันก็ยุ่งยากอยู่แล้ว อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่เรื่องนั้นมันเข้ามากระทบเราโดยตรง ไม่ใช่ทางอ้อม มาแบบเป็นรูปธรรมนั่นแหละ เราก็จะอยู่เฉยไม่ได้ ไฟไหม้บ้านข้างๆ ถัดไปหลายหลังเราอาจจะอยู่เฉยๆ ได้ แต่เมื่อใดที่ไฟมาถึงข้างบ้างแล้วเราคงไม่กล้าอยู่เฉย เราทุกคนมี safty zone ของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับว่าความรู้สึกว่าต้องทำอะไร ต้อง take Action เมื่อไหร่ เราไม่เท่ากัน ช้า เร็วต่างกัน
แต่ผมเห็นว่า อย่าให้ความเฉย มาทำลายเรา เพราะเมื่อเราอยู่เฉย ยามถึงภัยใกล้ตัว เพราะไม่ใช่เราเองจะเดือดร้อน คนรอบข้างหรือบานปลายใหญ่กว่าที่เราคิด อาจจะพลอยได้รับไปด้วย ถ้าปล่อยให้ไฟไหม้คงไม่เป็นไรถ้าเราอยู่บ้านคนเดียว เราเอาตัวรอดได้ แต่เมื่อมีบ้านมีคนอื่นๆ ในบ้าน มีเพื่อนบ้านเราต้องคิดถึงคนอื่นๆ ที่อาจได้รับผลพลอยเดือดร้อนจากเรา อย่าเฉยเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น อย่าเฉยเมื่อถึงยามที่ต้อง take Action แล้วยังไม่ทำอะไร
ผมไม่มีสิทธ์มาตัดสินใจว่า คนที่เฉย ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร มันอยู่ที่คุณทั้งนั้นตัดสินตัวเอง คนที่กล่าวหา ต่อว่า ไทยเฉย เค้าอาจจะพูดด้วยความไม่พอใจด้วยอารมณ์ แต่ถ้าลึกแล้วเป็นการบอกว่า ไฟไหม้จวนถึงบ้านแล้วนะ ทำอะไรหน่อยสิ (วิธีพูดอาจจะไม่ถูกหูคุณไม่เป็นไร แต่ถ้าเจตจนดีละก็ให้อภัย) สุดท้ายคุณจะทำไม่ทำก็แล้วแต่ แนวคิดและการตัดสินใจของแต่ละคนห้ามไม่ได้ เพราะเรามีสิทธิเสรีภาพของเราเอง
สรุป : ความย่ำแย่ทุกวันนี้ มันอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงใกล้ตัวจับต้องได้เหมือนไฟไหม้บ้าน แต่ความไม่ถูกต้อง มันเกิดขึ้นแล้ว ที่ที่ผมยืนอยู่คือ ผมไม่สามารถเห็นความเลวร้ายจากการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพ สร้างหนี้ ขายชาติ โกงกิน ที่เบ่งบานอย่างมากในตอนนี้ หลายคนบอกไม่มียุคไหนไม่โกง มันก็ยังเป็นความจริงสำหรับประเทศของเราและผมก็เชื่ออย่างนั้น แต่วันนี้ความสว่างมันมืดมน มันเกินกว่าเทาอ่อน มันกลายเป็นเทาเข้ม และอาจจะกลายเป็นสีดำ ในที่สุด ซึ่งเราต้องหยุดมัน ความเฉยไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าคิดว่าอุดมการณ์ ความคิดไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร แต่จงแสดงออกในแบบที่คุณเต็มใจ ไฟไหม้บ้านเราแล้วจะไม่มีอะไรเลยไม่ได้ เตรียมน้ำไว้หน่อย เก็บข้าวของหน่อย เตือนคนในบ้านหน่อยก็ยังดีครับ
ยกข้อความนี้อีกรอบ "สุดท้ายคุณจะทำไม่ทำก็แล้วแต่ แนวคิดและการตัดสินใจของแต่ละคนห้ามไม่ได้ เพราะเรามีสิทธิเสรีภาพของเราเอง"
เป็นเหลืองก็ไม่ผิด เป็นแดงก็ไม่ผิด สลิ่มก็ไม่ผิด ถ้ายืนข้างสนับสนุนความไม่ถูกต้องเมื่อไหร่ ไม่ว่าเป็นใครก็ผิด