เลือกซื้อมือถือยังไง, ใช้ยังไงให้คุ้ม และใช้เสียงสั่งงานมือถือ

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนนิดนึงว่าว่ารู้สึกแปลกใจมากที่คนเราทุกวันนี้ใช้ประโยชน์จาก Smartphones & ของใช้ต่างๆ ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่มันมีความสามารถมากขึ้น มีทางเลือกให้เราเลือกมากขึ้นทั้ง Device ทั้ง Application ต่างๆ แต่ทำไมแทนที่เราจะใช้ชีวิตง่ายและสนุกขึ้นกลับกลายเป็นเราเลือกยากขึ้น, สับสนมากขึ้นและใช้เวลาตัดสินใจเรื่องบางเรื่องนานเกินไป (เช่น ใช้แอพไหนเป็นปฏิทินดีอะไรประมาณนี้)

วันนี้จะขอเขียนถึงสามหัวข้อใหญ่ๆนะครับคือ

1. การเลือกซื้อมือถือ (และของใช้อื่นๆด้วย)
2. การใช้ Smartphone ให้คุ้มค่า
3. สั่งงานด้วยเสียง

ไปเริ่มกันเลยครับ

การเลือกมือถือ (และของเกือบทุกอย่าง) ให้เหมาะกับตัวเอง

มาที่หัวข้อนี้หลายคนๆที่เคยอยู่ในช่วงเวลาอยากได้มือถือใหม่คงจะเคยอ่านบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้อมือถือมากันหมดแล้วหล่ะ ถือว่าผมมาแนะนำวิธีที่ผมเลือกก็แล้วกัน มีขั้นตอนในการเลือกอยู่ 2 ขั้นตอนครับ

1. เลือกอันที่ทำให้เรามีความสุข
2. เลือกอันที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ

เอาหล่ะอาจจะดูกวนไปนิดแต่มาดูคำอธิบายกันนิดนึง

1. เลือกอันที่ทำให้เรามีความสุข

บางคนอาจจะงง “เห้ยไอนี่มันมาบ่นอะไรของมันวะ” เลือกมือถือมันต้องรู้สิว่าเราใช้งานอะไรบ้างแล้วเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน มันต้องเลือกให้คุ้มราคาสิ บลา บลา บลา..

ใช่ครับแต่การใช้งานของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนี่ครับยกตัวอย่างเช่น

– บางคนใช้มือถือเป็นเครื่องประดับ
– บางคนใช้มือถือเหมือนเป็นของเล่นอย่างนึง (พวก Geek)
– ฯลฯ

ถ้ายังไม่เข้าใจไปดูข้อสองต่อครับ

2. เลือกอันที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ

ต่างจากข้อแรกยังไง ?? คืองี้ครับผมถามนิดนึงว่าถ้าผมเป็น Product Designer ที่ไม่คิดจะใช้งานแอพในมือถือเลยแม้แต่แอพเดียวแล้วผมไปซื้อ iPhone 5s ราคาสองหมื่นกว่ามาใช้นี่คุณคิดว่าผมโง่มั๊ย

ใช่ครับคุณอาจคิดว่าผมโง่แต่ถ้าผมบอกเหตุผลว่าเพราะ Design ของ iPhone มันทำให้ผมนึกถึงหลักการออกแบบที่ดี 10 ประการของ Dieter Rams โคตรพ่อแห่งนักออกแบบหรือมันทำให้ผมรู้สึกถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบ Product ต่างๆ ถ้าผมบอกแบบนี้คุณจะเริ่มรู้สึกว่าผมโง่น้อยลงถูกมั๊ยครับ

นั่นคือประเด็นครับบางครั้งเรามองการซื้อของในมุมมองของตัวเองแล้วเอาความคิดเราไปตัดสินคนอื่น พอเป็นอย่างนี้มากขึ้นคนบางคนจึงเริ่มตัดสินใจซื้อของโดยใช้กระแสสังคมเป็นตัวตัดสิน กลายเป็นเสียตังค์แล้วไม่ได้ของที่ตัวเองอยากได้จริงๆซะงั้น การซื้อของบางทีมันมีอารมณ์ร่วมอย่างอื่นอีกเยอะครับไปดูตัวอย่าง

ยกตัวอย่าง
– nexus 5 ที่ผมพึ่งซื้อมาถ้ามองดูจากฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆที่ผมใช้แล้ว ผมสามารถซื้อตัวอื่นมาใช้ก็ได้ในราคาที่ถูกกว่านี้ครึ่งหนึ่ง แต่ผมมีเหตุผลของผมนั่นคือ ผมบ้าแบรนด์กูเกิ้ล เนื่องจากผมบังเอิญเคยมีโอกาสได้ไปทำธุระในสำนักงานกูเกิ้ลที่สิงคโปร์สองสามวันแล้วผมชอบวัฒนธรรมองค์กรณ์เค้า

แค่นั้นแหละครับการได้ใช้ Product ใหม่ล่าสุดจากบริษัทที่เราชื่นชม คือเหตุผลในการซื้อมือถือของผม ถามว่าไร้สาระรึเปล่า อาจจะไร้สาระในมุมมองคนอื่นครับแต่สำหรับผมมันโคตรจะ Happy และถ้าผมแคร์ว่ามันไร้สาระทำให้ผมเลือกซื้อของที่ผมไม่อยากใช้นี่มันไม่เท่ากับว่าผมเสียทั้งเงินและเสียทั้งความสุขหรือครับ ?? ลองอีกเหตุการณ์นึงครับที่เชื่อมเรื่องความรู้สึกไว้กับของใช้ได้อย่างน่าประหลาด

– ก่อนหน้านี้มีคนทักผมว่าเห้ยกระเป๋าตังค์เก่าฉิบ%$#(เซ็นเซอร์) เปลี่ยนได้แล้วใช้แบบนี้คนอื่นเห็นมันน่าเกลียด บลา..บลา.บลา.. แต่ผมก็ไม่เปลี่ยนครับมันเป็นกระเป๋าตังค์ใบที่แม่ผมให้เป็นของขวัญ ผมมีความสุขทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาแล้วพบว่ากระเป๋าใบนี้มีสิ่งที่กระเป๋าใบละเป็นหมื่นก็ไม่มี นั่นคือความรักของแม่ครับ แค่นั้นเอง

โอเคพอจะเข้าใจ Concept ในการเลือกซื้อของๆผมนะครับ แต่อย่างนึงครับการซื้อของที่ราคาเกินตัวมันอาจจะสร้างความสุขให้คุณได้ แต่หนี้ที่ตามมาอาจจะเปลี่ยนสุขเป็นโคตรกังวลได้ครับ อันนี้ต้องระวัง ผมมีข้อความที่ชอบมาประโยคนึงครับอยากให้ทุกคนจำไว้ให้ขึ้นใจเลย

Too many people spend money they haven't earned, to buy things they don't want, to impress people they don't like.
–Will smith

อ่านกันเองนะครับผมไม่แปลเพราะรู้สึกว่าถ้าออกมาจะสูญเสียความหมายกลายเป็นมันไม่กินใจเท่าที่ควร ต่อไปเป็นการใช้ Smartphone ให้คุ้มครับ

การใช้ Smartphone ให้คุ้มค่า

– สำหรับคนที่ใช้มือถือเป็นเครื่องประดับนี่ข้ามไปได้เลยครับเพราะคุณคงใช้มันคุ้มตั้งแต่ไปถอยมันมาแล้วหล่ะ

– คนที่เป็นเทพแห่งการใช้ Smartphone อันนี้จะอ่านต่อไปก็ได้ครับแต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนั้นคุณรู้หมดแล้ว อันที่จริงคุณรู้มากกว่าผมซะอีก

– คนที่ใช้มือถือทั่วไปแล้วไม่รู้ว่าจะเลือกแอพยังไงให้เหมาะกับตัวเองอ่านต่อไปครับ ผมจะแนะนำแอพที่ผมใช้ให้

ผมเคยสับสนกับการเลือกใช้แอพต่างๆมากครับเพราะผมเป็นพวกโรคจิตร อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไปเลยจะได้ไม่ต้องมาเปลี่ยนทีหลังแต่ปัญหาคือแล้วแอพไหนหล่ะที่ดีที่สุด

คำตอบครับ.....ไม่มี
ใช่แล้วไม่มีแอพที่ดีที่สุดหรอกครับมีแต่แอพที่ใช้แล้วเหมาะกับคุณมากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่ผมทำคือใช้แอพพื้นฐานที่มีมากับเครื่องไปก่อน ถ้าเกิดใช้แล้วไม่ชอบเราก็จะรู้แล้วว่ามันขาดตกบกพร่องตรงไหน นั่นทำให้เราพอรู้คร่าวๆว่าแอพใหม่ที่เราจะเปลี่ยนไปใช้ควรจะมีฟังก์ชั่นอะไร เราจะเลือกง่ายขึ้นครับ

พอถึงบรรทัดนี้ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้วเพราะเปิดๆในมือถือดูเอ๊ะ ทำไมเราใช้แต่ Products ของกูเกิ้ลวะเนี่ย -- แต่ไหนๆเขียนละเขียนให้จบละกัน

– สำหรับ email ครับผมใช้ Gmail กับ nexus 5 ส่วนใน iOS เมื่อก่อนผมใช้ Mailbox ที่ Dropbox ซื้อกิจการไปแล้วนั่นแหละครับ ชอบเพราะสวยดีแต่หลังจากอัพเป็น iOS 7 แล้วการลาก Delete email มันจะไปขัดกับการเปิด sidebar หน่อยนึง แต่โดยรวมชอบใช้ Mailbox มากกว่า Mail ของ iOS เองอยู่ดี

– แนะนำสำหรับคนอยากมีพื้นที่ความจำเหลือเยอะๆใช้ Google+ Auto backup รูปจากมือถือเราเวลาต่อ Wifi ครับ ข้อดีคือจะได้เก็บ iCloud หรือ Dropbox ไปใช้ทำอย่างอื่นได้เนื่องจาก Backup รูปขึ้น Google+ นี่มันเก็บได้เรื่อยๆไม่จำกัดครับ แล้วอย่าเข้าใจผิดว่ามันเป็นการแชร์รูปนะครับ มันเก็บรูปอย่างเดียวถ้าเราอยากแชร์ค่อยกดให้มันแชร์ครับ หลังจากเก็บรูปเรียบร้อยแล้วผมลบทิ้งเลยครับ ผมจึงใช้มือถือ 16 GB ได้สบาย

– Contacts แนะนำว่าเก็บใน Gmail Contacts เลยครับเวลาเปลี่ยนมือถือหรือมือถือหาย ก็ตัดกังวลเรื่องการย้าย Contacts ไปเลย ตอนผมเปลี่ยนจาก iOS มา Android ก็ทำการ Export ไฟล์ออกมาครับ ไม่ถึงสองนาทีเบอร์ติดต่อทุกอย่างก็ย้ายมาอยู่ในมือถือเครื่องใหม่แล้ว

– พวก Reminders ตอนนี้ใช้พื้นฐานที่มากับ nexus 5 แต่คนใช้ iOS แนะนำ Wunderlist ครับ

– แอพหาเพลงใช้ Soundhound ครับหรือ Shazaam ก็ได้

ทิ้งท้ายไว้นิดนึงครับ การใช้ Smartphone ให้คุ้มค่าสำหรับผมนั้นไม่ใช่การมีแอพอยู่เต็มมือถือไปหมดแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันเลย ถ้าผมมีแอพแค่แอพเดียวแล้วมันช่วยให้ชีวิตผมง่ายขึ้นในทุกๆวันผมว่าอย่างหลังนี่ดีกว่า เปรียบเหมือนคุณเป็นกุ๊กมีมีดร้อยเล่มแต่ใช้ไม่ชำนาญซักเล่มกับคุณมีมีดคู่ใจอันเดียวแต่สร้างสรรค์เมนูเจ๋งๆได้มากมายนั่นแหละ โอเคนะครับต่อไปจะไปสั่งงานด้วยเสียงกันแล้วครับ

สั่งงานด้วยเสียง

จะ Siri หรือ OK, Google ก็ตามผมบอกก่อนเลยว่าพื้นฐานที่คุณต้องมีไม่ใช่การพูดภาษาอังกฤษได้แบบโคตรเทพ เพราะสิ่งที่เราจะทำคือคุยกับมือถือไม่ใช่คุยกับ Larry Page หรือ Tim cook โอเคไหมครับ มือถือมันทำตามคำสั่งที่ถูกบรรทึกไว้ดังนั้นอย่าไปคาดหวังว่ามันจะฉลาดเหมือนคุณ ผมเห็นบางคนดันทุรังอยากจะให้มันรู้จักชื่อบางชื่อยากๆในภาษาไทยเหลือเกิน ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร

คืออย่างนี้ครับเราใช้เสียงสั่งงานจุดประสงค์คือต้องการความสะดวกสบาย ไม่ใช่ต้องการเอาไว้อวดคนอื่นว่า “เห้ยมือถือฉันเทพ” โอเคนะครับ ดังนั้นแล้วเมื่อเข้าใจในจุดนี้คุณก็จะใช้งานมันได้จริงและจะมีความสุขกับมัน ไม่ใช่มาโมโหมันว่าแค่นี้ก้อฟังไม่รู้เรื่อง เราต้องเข้าใจมันอย่าไปฝืนให้มันมาเข้าใจเรา มันเป็นไปไม่ได้

Tip เล็กๆน้อยๆครับ
ควรออกเสียงสั่งเป็นชื่อและสถานที่ในภาษาอังกฤษมากกว่ายกตัวอย่างเช่น
– เพื่อนผมชื่อ ตัน ผมเม็มว่า Tan แต่เวลาสั่งผมบอกว่า “CALL แทน” โอเคไหมครับเพราะมือถือมันเข้าใจแบบนี้
– เพื่อนผมชื่อ นัท(เหมือนผม) ผมเลยเม็มชื่อมันว่า Nut Min เพราะบ้านมันอยู่มีนบุรี เวลาผมจะโทหามันผมก็อบอกว่า “CALL มิน” มือถือมันก็จะโทรให้ผมได้เลย

ส่วนเรื่อง คำสั่งอื่นๆของ OK Google ไปตามลิงค์ http://www.droidsans.com/8-must-know-google-now-commands เลยครับ พอดีมีเพื่อนในกระทู้เก่าผม http://pantip.com/topic/31284953 แอดเฟสบุ๊คมาแล้วส่งมาให้ดูและผมคิดว่าเค้าอธิบายได้ดีกว่าที่ผมจะเขียนซะอีกเลยเปลี่ยนใจไม่เขียนดีกว่า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่