วิเคราะห์ // รัฐบาลชินวัตรยื้อสู้ หวังพลิกสถานการณ์




คำแถลงครั้งล่าสุดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (วันที่ 28 พฤศจิกายน 2556) คือสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลชินวัตรได้ตัดสินใจไม่ถอย และพร้อมที่จะสู้ต่อไป โดยไม่เลือกทางออกตามวิถีทางประชาธิปไตยคือการลาออกหรือยุบสภาอย่างที่หลายฝ่ายเรียกร้อง เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น

ในคำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะเป็นไปในลักษณะประนีประนอม วิงวอน และเรียกร้อง โดยไม่มีท่าทีของการข่มขู่คุกคามหรือแสดงออกที่จะใช้มาตรการรุนแรง แต่เนื้อหาของคำแถลงมันคือคำประกาศฮึดสู้ดีๆนี่เอง

สู้ โดยเรียกร้องให้ข้าราชการอย่าหยุดการทำงาน

สู้ โดยปฏิเสธข้อเสนอสภาประชาชนของผู้ชุมนุม

และสู้ โดยเสนอให้มีการพบปะพูดคุยเจรจากันระหว่างผู้ชุมนุมกับรัฐบาล

สองวันมานี้ หลายฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลชินวัตรคงต้องตัดสินใจถอยด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา เพราะผู้ชุมนุมขับไล่มีจำนวนมากมาย ภาคส่วนต่างๆในสังคมก็เอาด้วยกับผู้ชุมนุม รวมทั้งกลยุทธ์การชุมนุมของผู้ชุมนุมที่บุกยึดกระทรวงและสถานที่ราชการก็ได้ผล เพราะทำให้การทำงานของรัฐบาลแทบเป็นอัมพาต และได้ใจข้าราชการส่วนใหญ่มาเป็นแนวร่วม นอกจากนี้ข่าวการชุมนุมที่เผยแพร่ออกไปทั่วโลกยังทำให้รัฐบาลและคนตระกูลชินวัตรกลายเป็นทรราชในสายตาชาวโลก จนถูกประชาชนขับไล่

แต่ในคำแถลงล่าสุดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่ใช่คำแถลงลาออกหรือยุบสภา

รัฐบาลชินวัตรได้ตัดสินใจสู้แล้ว

เริ่มจาก..สู้ในสงครามโฆษณาชวนเชื่อ โดยแสดงท่าทีของการพร้อมประนีประนอมและเรียกร้องวิงวอนให้เข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยไม่พูดถึงการใช้มาตรการรุนแรงเข้าจัดการกับผู้ชุมนุมแม้แต่คำดียว

นั่นหมายถึง รัฐบาลชินวัตรกำลังใช้สงครามโฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะ (ยัง) ไม่ใช้มาตรการรุนแรง แต่รัฐบาลพร้อมที่จะใช้การเจรจาแก้ปัญหา

ภาพลักษณ์ของรัฐบาลในสายตาชาวโลกย่อมกระเตื้องขึ้น กลบภาพลักษณ์ทรราช ขณะเดียวกันประชาชนในประเทศที่ออกแนวกลางๆ ต้องการให้บ้านเมืองสงบโดยเร็ว ก็จะหันมาสนับสนุนรัฐบาล

ตรงกันข้ามกับผู้ชุมนุมที่จะกลายเป็นผู้ต้องการความรุนแรงไปเอง

รัฐบาลชินวัตรรู้อยู่แล้วว่า การปฏิเสธข้อเสนอสภาประชาชน ย่อมทำให้ผู้ชุมนุมยอมรับไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธ เพราะต้องการให้ผู้ชุมนุมยกระดับการชุมนุมไปใช้ความรุนแรง

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลชินวัตรรู้อยู่แล้วว่า ข้อเสนอให้มีการเจรจาพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่าย ยากที่จะเกิดขึ้นได้ และจะต้องถูกปฏิเสธกลับมา เพราะในเวลานี้ผู้ชุมนุมกำลังฮึกเหิมและเข้าใกล้ชัยชนะ และรู้ด้วยว่าการเจรจาจะไม่มีทางยุติความขัดแย้งได้ แต่ก็เสนอ เพื่อทำให้รัฐบาลดูดี และเป็นการรุกกลับทางการเมืองต่อผู้ชุมนุม

ยิ่งผู้ชุมนุมปฏิเสธ รัฐบาลก็ดูดียิ่งขึ้น ขณะที่ผู้ชุมนุมจะเข้าใกล้พวกนิยมความรุนแรงทุกขณะ

แต่หากผู้ชุมนุมหลวมตัวเข้าร่วมการเจรจา นั่นจะทำให้บรรยากาศเย็นลง รัฐบาลมีเวลาตั้งตัว ขณะที่ผู้ชุมนุมจะอ่อนแรงลง เพราะเวลายืดเยื้อไปกับการเจรจา

ซึ่งนี่คือ..การทำสงครามแบบยืดเยื้อ เพื่อให้ทัพของผู้ชุมนุมอ่อนแรง และหวังให้สถานการณ์ตีกลับมาเป็นบวกกับรัฐบาลในทุกด้าน

อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลชินวัตรกำลังรอด้วยความหวังภายใต้การทำสงครามโฆษณาชวนเชื่อและสงครามยืดเยื้อคือ ต้องการใช้เวลาระยะหนึ่งรวบรวมทัพคนเสื้อแดงให้กลับมารวมตัวกันติดอีกครั้งหลังจากในช่วงที่ผ่านมาจุดไม่ติดมา 2 ครั้งในการชุมนุมที่ราชมังคลากีฬาสถานและจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.นี้

เพราะหากทัพคนเสื้อแดงกลับมารวมตัวกันติดอีกครั้งได้ รัฐบาลชินวัตรก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่มั่นใจมากขึ้น

และพร้อมที่จะใช้มาตรการรุนแรงกับผู้ชุมนุม ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากทัพคนเสื้อแดง

แน่นอน..พร้อมที่จะทำสงครามสุดท้าย นั่นคือสงครามกลางเมืองหรือสงครามแบ่งแยกประเทศ

โดย – อาทิตย์ สิงหา

28 พฤศจิกายน 2556

http://peopleunitynews.com/web02/2013/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-2/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่