http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=703653&lang=T&cat=
นายดำรง เศวตพรหม ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา กล่าวว่า การบุกศาลากลางของกลุ่มผู้ชุมนุมวันนั้นว่าก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมารวมตัวกันท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายกฤษฎา บุญราช ได้เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ ซึ่งการประเมินสถานการณ์คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีผู้ชุมนุมไม่เกิน 300 คน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อส. และตำรวจเฝ้าระวังบริเวณประตูทางเข้าศาลากลาง แต่เมื่อถึงเวลาปรากฎว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จึงประเมินว่า หากจะให้เจ้าหน้าที่ปิดประตูทางเข้าศาลากลางเกรงว่าจะรับมือไม่ไหว
ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีการตั้งแถว พร้อมรถขยายเสียงอยู่ห่างจากศาลากลางไม่เกิน 100 เมตร และเดินเท้ามายังศาลากลางจังหวัด ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้เจรจากับทางแกนนำว่า ทางจังหวัดไม่ขัดขวางการชุมนุม แต่ห้ามเข้าไปในตัวอาคารศาลางกลางจังหวัด ให้อยู่ในบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเท่านั้น ห้ามไปในตัวอาคาร ห้ามทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย การชุมนุมโดยสงบ ไม่ยุยงปลุกปั่นข้าราชการ แต่ทางแกนนำต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปแจ้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจึงเดินทางไปขึ้นรถขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตกลงกับแกนนำว่า ไม่ปิดกั้นการแสดงออก แต่ขอให้จำกัดพื้นที่อยู่เฉพาะสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดเท่านั้น ห้ามเข้าไปในตัวอาคาร
"ภาพที่ปรากฎในสื่อออนไลน์เหมือนกับผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังนำม็อบเข้าศาลากลาง ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นไปบนรถขยายเสียงเพื่อแจ้งถึงเงื่อนการชุมนุมให้อยู่ในกรอบตามที่ได้ตกลงกับแกนนำ ระหว่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังแจ้งเงื่อนไขอยู่นั้นรถขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุมก็ขับผ่านประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัด ทำให้มีการนำภาพไปตีความหมายผิดไป ท่านทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า และกระทบกระทั่งกัน กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้นเอง" นายดำรงกล่าว
นายดำรง กล่าวอีกว่า ในฐานะประชาสัมพันธ์จังหวัดที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงสื่อมวลชนที่ร่วมทำข่าววันนั้น ยืนยันได้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ไม่ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าศาลากลาง และไม่ได้มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาล หรือขับไล่รัฐบาลอย่างที่ปรากฎในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด ซึ่งอยากจะทำความเข้ากับสื่ออีกครั้ง
ปชส.สงขลา แจงอีกรอบ ผวจ.ไม่ได้นำม็อบยึดศาลากลาง
นายดำรง เศวตพรหม ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา กล่าวว่า การบุกศาลากลางของกลุ่มผู้ชุมนุมวันนั้นว่าก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางมารวมตัวกันท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลานายกฤษฎา บุญราช ได้เรียกประชุมประเมินสถานการณ์ ซึ่งการประเมินสถานการณ์คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีผู้ชุมนุมไม่เกิน 300 คน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อส. และตำรวจเฝ้าระวังบริเวณประตูทางเข้าศาลากลาง แต่เมื่อถึงเวลาปรากฎว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จึงประเมินว่า หากจะให้เจ้าหน้าที่ปิดประตูทางเข้าศาลากลางเกรงว่าจะรับมือไม่ไหว
ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีการตั้งแถว พร้อมรถขยายเสียงอยู่ห่างจากศาลากลางไม่เกิน 100 เมตร และเดินเท้ามายังศาลากลางจังหวัด ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้เจรจากับทางแกนนำว่า ทางจังหวัดไม่ขัดขวางการชุมนุม แต่ห้ามเข้าไปในตัวอาคารศาลางกลางจังหวัด ให้อยู่ในบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเท่านั้น ห้ามไปในตัวอาคาร ห้ามทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย การชุมนุมโดยสงบ ไม่ยุยงปลุกปั่นข้าราชการ แต่ทางแกนนำต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปแจ้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจึงเดินทางไปขึ้นรถขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตกลงกับแกนนำว่า ไม่ปิดกั้นการแสดงออก แต่ขอให้จำกัดพื้นที่อยู่เฉพาะสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดเท่านั้น ห้ามเข้าไปในตัวอาคาร
"ภาพที่ปรากฎในสื่อออนไลน์เหมือนกับผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังนำม็อบเข้าศาลากลาง ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นไปบนรถขยายเสียงเพื่อแจ้งถึงเงื่อนการชุมนุมให้อยู่ในกรอบตามที่ได้ตกลงกับแกนนำ ระหว่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังแจ้งเงื่อนไขอยู่นั้นรถขยายเสียงของกลุ่มผู้ชุมนุมก็ขับผ่านประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัด ทำให้มีการนำภาพไปตีความหมายผิดไป ท่านทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า และกระทบกระทั่งกัน กันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้นเอง" นายดำรงกล่าว
นายดำรง กล่าวอีกว่า ในฐานะประชาสัมพันธ์จังหวัดที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงสื่อมวลชนที่ร่วมทำข่าววันนั้น ยืนยันได้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ไม่ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าศาลากลาง และไม่ได้มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาล หรือขับไล่รัฐบาลอย่างที่ปรากฎในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด ซึ่งอยากจะทำความเข้ากับสื่ออีกครั้ง