เกี่ยวข้องเเบบเเยกจากกันยาก ใครดูไม่ออกมั่ง ว่าตระกูลชินวัตร กับ วัดธรรมกาย
กำลัง ผนึกกำลัง ขยายขอบเขตอำนาจ คลุมประเทศไทยไว้ อำนาจของวัดธรรมกาย
คงพอจะเห็น จากงานระดับชาติ การบังคับหักคอครูทั่วประเทศไปฝึกอบรม ที่วัดจนโด่งดัง
ส่วนตระกูลชินวัตร ก็คือท็อป ระดับประเทศในวงการเมือง ล้มยาก นาทีนี้นอกจากเจอ
ปฏิวัติยึดทรัพย์ ขับไล่ออกนอกราชอาณาจักรยกตระกูลเเล้ว ใครจะสู้ได้? ประชาธิปัตย์ก็ เฮ้อ........
คำถามคือ
เพื่อประเทศไทยในอุดมคติ หรือ บ้าคลั่งอำนาจ
ตระกูลชินคุมการเมือง ธรรมกายคุมศาสนา รับรองถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไป เราจะได้ สมเด็จพระสังฆราช
จากวัดธรรมกายเเน่ มองลำบากจัง ใคร หรือ อะไร ที่จะหยุดหมากเกมนี้ได้ ถ้าคุมเเล้วประเทศไทย
ดีขึ้นในทุกๆด้านก็โชคดี เเต่ถ้ามันเลวร้ายลงไปอีกละ เเค่คิดก็ปวดหัวเเล้ว
มีบทความจากปี 2550 ให้อ่านเพิ่มด้วย สมัยยังเป็น ไทยรักไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สายสัมพันธ์ “ธรรมกาย-วัดสระเกศ-ดามาพงศ์-ชินวัตร-ไทยรักไทย”
•• อยากจะกราบเรียน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ไว้ ณ ที่นี้ว่าอย่าไปเสียแรงวิพากษ์วิจารณ์ พระครูอรรถเมธี – ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ภิกษุเจ้าของเทศน์กัณฑ์ดัง สดุดีทักษิณ ในวันทำบุญขึ้นปีใหม่ของพรรคไทยรักไทยเมื่อ วันที่ 12 มกราคม 2550 เพราะปัญหามันอยู่ที่รัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ยังคง ไม่กระทำในสิ่งที่ควรกระทำ โดยละเลยที่จะเป็นเจ้าภาพแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เพื่อเป็นการ ถวายคืนพระราชอำนาจเต็มในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งดำเนินมาตรการทางการบริหารเพื่อ ยกเลิกตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) – เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เพื่อถวายพระเกียรติคืนแด่ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
มิหนำซ้ำเมื่อมีสมาชิกสภานิติบัญญัติกลุ่มหนึ่งนำโดย ไพศาล พืชมงคล, น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ, ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช และ ฯลฯ รวมกัน 25 คนเข้าชื่อกันเพื่อ เสนอร่างพ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ ก็ถูก ไอ้โม่ง ล็อบบี้ให้สมาชิก บางคนใน 25 คน แจ้ง ถอนชื่อ ภายใต้เหตุผลที่บอกว่า ทำให้บ้านเมืองแตกแยก, ไม่สมานฉันท์ เทศน์กัณฑ์ดังกล่าวมันเป็นหนึ่งใน ใบเสร็จ ที่ยืนยันชัดเจนถึงเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงมุ่งดำเนินการ รวบรัด, ล็อก ให้ตำแหน่งประมุขคณะสงฆ์ไทยตกอยู่แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เหตุผลสำคัญแม้จะมีหลายประการแต่ไม่อาจละเลยและละลืม เหตุผลทางการเมือง ไปได้
•• โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณารวมไปถึงการที่ อัยการสูงสุด อ้างเหตุผลทำนองเดียวกัน ถอนฟ้องคดียักยอกทรัพย์ของธัมมชโยภิกขุแห่งวัดพระธรรมกาย เมื่อไม่นาน วันที่ 22 สิงหาคม 2549 ก่อนรัฐประหารไม่กี่วัน “เซี่ยงเส้าหลง” เคยบอกไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเมื่อครั้ง เริ่มต้นคดี หนึ่งในพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เมตตาเป็นพิเศษแก่ ธัมมชโยภิกขุ ไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ รวมทั้ง พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกจำนวนหนึ่งในมหาเถระสมาคม นี่เอง
•• พูดไปแล้วก็ต้องเตือนความจำว่าคดีที่เพิ่ง ถูกเป่า ไปนี้ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก โดยเมื่อ ปี 2542 ประมุขคณะสงฆ์ไทยที่แท้จริงพระองค์เดียวพระองค์นี้ทรงมี พระลิขิต เป็น พระบัญชา ลงมาเมื่อ วันที่ 26 เมษายน 2542 หลังเกิดกรณีกล่าวหาเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในลักษณะ โกงที่ดินวัด – โดยใส่ชื่อเป็นของตนเอง ว่าการกระทำเช่นนั้น “...ต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด
เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระ ปลอมเป็นพระด้วยการนำผ้ากาสาวพัตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสียให้เกิดแก่สงฆ์ในพุทธศาสนา.” และในเรื่องที่โต้แย้งพระไตรปิฎกนั้นพระลิขิตฉบับนี้ก็กล่าวว่า “...ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำทรงสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไป กลายเป็นสอง มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยก เป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบัน และอนาคต ที่หนัก.” แต่ก็ไม่มีการดำเนินการตามพระบัญชาโดยทางหนึ่ง
กรมการศาสนา มีความเห็นแย้งว่าพระลิขิตฉบับนั้นเป็นเพียง ความเห็น ยังมิใช่ คำสั่ง, พระบัญชา เพราะถ้าจะเป็นไปในกรณีหลัง ต้องมีหมายเลขหนังสือ, ต้องมีตราประทับ นอกจากนั้นถือว่า ไม่ใช่มติมหาเถรสมาคม – ใช้บังคับไม่ได้ อีกทางหนึ่งก็มีความพยายามกล่าวหาว่านั่นคือ พระลิขิตปลอม และแม้ในกรณีนี้ มหาเถรสมาคม จะมี มติ ออกมาตั้งแต่เมื่อ วันที่ 22 มีนาคม 2542 แต่เมื่อพิจารณา ข้อปฏิบัติ 4 ประการที่มอบให้วัดพระธรรมกาย แล้วก็จะพบว่า เบามาก เมื่อเทียบกับ พระลิขิต 26 เมษายน 2542 ไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อการเผยแพร่ธรรมตามแนววิชชาธรรมกาย
•• เป้าหมายสุดท้ายที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยพูดเคยเขียนให้ใช้ วิจาณญาณ ไตร่ตรองกันให้ดีก็คืออะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ เจ้าแห่งลัทธิการตลาดการเมือง ผนึกกำลังร่วมกันกับ เจ้าแห่งลัทธิการตลาดการพุทธศาสนา ใช่หรือไม่ว่าคือการเข้าครอบครองสังคมไทยและคนไทย อย่างเบ็ดเสร็จ ในระดับลึกถึง จิตวิญญาณ เลยทีเดียว สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ – อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ก็ใช่ใครอื่น ศิษย์คนสำคัญของวัดพระธรรมกาย จำได้ไหม
•• ก็ให้สอดคล้องต้องกันอย่างเหมาะเจาะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโน) นั้นเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพสูงสุดของ ตระกูลดามาพงศ์ ที่ย่อมจะส่งผลมาถึง ตระกูลชินวัตร ใครที่เคยขึ้น บรมบรรพต (ภูเขาทอง) แล้วช่างสังเกตเสียหน่อยก็จะเห็น สถูป, ที่เก็บอัฐิ ของบรรพบุรุษ ตระกูลดามาพงศ์ อย่างที่คณะผู้จัดทำเว็บ www.myfirstinfo.comหนึ่งผู้ช่วยด้านข้อมูลของ “เซี่ยงเส้าหลง” เดินขึ้นไป ถ่ายรูป มาลงตีพิมพ์ประกอบให้เห็นกันเป็น ตัวอย่าง
รูปใหญ่เป็นป้ายจารึกหน้าสถูปเก็บอัฐิของ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ บิดาของ คุณหญิงพจมาน (ดามาพงศ์) ชินวัตร อดีตนายและพ่อตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่ำลงมาใกล้ ๆ กันเป็นที่เก็บอัฐิของ ร.ต.อ.จำปา ดามาพงศ์ และ คุณแม่บุญช่วย ดามาพงศ์ ผู้เป็น ปู่ และ ย่า ของภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ที่มีพื้นเพเบื้องต้นอยู่ที่ ตำบลหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ จึงมีฐานภาพประหนึ่งเป็น เครือญาติ กับ ตระกูลชาลีเครือ อย่างที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เคยเล่าให้ฟัง ไว้แล้ว
•• จะสรุป เรื่องทองแดง ให้ นพดล ปัทมะ ฟังย่อ ๆ เสียหน่อยวันนี้ก็ต้องอุทิศเนื้อที่ให้กับ ภาพที่บรรจุอัฐิของบรรพบุรุษตระกูลดามาพงศ์ เสียแล้ว “เซี่ยงเส้าหลง” ขอผัดไปก่อนนะ
•• บรรทัดสุดท้ายฝากกราบเรียนมายัง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ไว้ ณ ที่นี้ว่าเทศนากัณฑ์แสลงหูของ พระครูอรรถเมธี – ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร นั้นเป็นเพียง ยอดของภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำ เท่านั้น
(หมายเหตุรูปถูกลบไปเเล้ว)
สุดท้ายเเอบเห็น วัดในสังกัดวัดธรรมกาย มีสถานที่ปฏิบัติธรรมให้ศาสนิกชน ได้เข้าไปใช้บริการฟรีๆ
ดีจัง สถานที่สะอาด มีห้องพักเป็นระเบียบเรียบร้อย อนุโมทนาบุญด้วยครับ
อย่างน้อยเงินที่คนร่ำรวยบริจาคมา มากมายมหาศาล ยังมาคืนให้สังคมในเเบบที่น่ายกย่อง
ดีกว่า ยักยอกไว้ส่วนตัว เหมือนบางวัด ใครเถียงว่าไม่มี ก็บ้าละ
อะไรผิดอะไรถูก เถียงกันให้ตายก็ไม่จบ ได้เเต่รอให้เวลา พิสูจน์เท่านั้น ว่าฝั่งไหนเป็นทองเเท้
ธรรมกาย กับ ตระกูลชินวัตร อุดมการณ์ หรือ คลั่งอำนาจ
กำลัง ผนึกกำลัง ขยายขอบเขตอำนาจ คลุมประเทศไทยไว้ อำนาจของวัดธรรมกาย
คงพอจะเห็น จากงานระดับชาติ การบังคับหักคอครูทั่วประเทศไปฝึกอบรม ที่วัดจนโด่งดัง
ส่วนตระกูลชินวัตร ก็คือท็อป ระดับประเทศในวงการเมือง ล้มยาก นาทีนี้นอกจากเจอ
ปฏิวัติยึดทรัพย์ ขับไล่ออกนอกราชอาณาจักรยกตระกูลเเล้ว ใครจะสู้ได้? ประชาธิปัตย์ก็ เฮ้อ........
คำถามคือ เพื่อประเทศไทยในอุดมคติ หรือ บ้าคลั่งอำนาจ
ตระกูลชินคุมการเมือง ธรรมกายคุมศาสนา รับรองถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไป เราจะได้ สมเด็จพระสังฆราช
จากวัดธรรมกายเเน่ มองลำบากจัง ใคร หรือ อะไร ที่จะหยุดหมากเกมนี้ได้ ถ้าคุมเเล้วประเทศไทย
ดีขึ้นในทุกๆด้านก็โชคดี เเต่ถ้ามันเลวร้ายลงไปอีกละ เเค่คิดก็ปวดหัวเเล้ว
มีบทความจากปี 2550 ให้อ่านเพิ่มด้วย สมัยยังเป็น ไทยรักไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายเเอบเห็น วัดในสังกัดวัดธรรมกาย มีสถานที่ปฏิบัติธรรมให้ศาสนิกชน ได้เข้าไปใช้บริการฟรีๆ
ดีจัง สถานที่สะอาด มีห้องพักเป็นระเบียบเรียบร้อย อนุโมทนาบุญด้วยครับ
อย่างน้อยเงินที่คนร่ำรวยบริจาคมา มากมายมหาศาล ยังมาคืนให้สังคมในเเบบที่น่ายกย่อง
ดีกว่า ยักยอกไว้ส่วนตัว เหมือนบางวัด ใครเถียงว่าไม่มี ก็บ้าละ
อะไรผิดอะไรถูก เถียงกันให้ตายก็ไม่จบ ได้เเต่รอให้เวลา พิสูจน์เท่านั้น ว่าฝั่งไหนเป็นทองเเท้