คุยกับไมค์ พิรัชต์ กับชีวิตหลังผ่านความเป็นซุปเปอร์สตาร์…เมื่อประสบการณ์สอนคน

ยอมรับว่าก่อนที่จะมองไมค์เป็นไมค์ที่ร่าเริงสมวัยและบางทีก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวอย่างทุกวันนี้ เราเป็นคนหนึ่งที่เคยไม่เข้าใจกับความแปลกประหลาดของเด็กคนนี้เมื่อ 2-3 ที่แล้ว สงสัยมาตลอดว่าเด็กหน้าตาน่ารัก เงียบๆนิ่งๆแต่ร่าเริง ดูเก็กแต่อ่อนโยนในช่วงกอล์ฟไมค์ออกอัลบั้มใหม่ๆคนนั้นหายไปไหน จริงๆตัวตนของเค้ากับคนใกล้ชิดคงเหมือนเดิม นิสัยใจคอก็คงเหมือนเดิม เพราะเรายังคงได้เห็นไมค์ช่วยเหลือคนโน้นคนนี้เสมอแม้จะไม่ได้เป็นกระแสตามสื่อหลักก็ตาม เพียงแต่ภาพลักษณ์ที่คนเห็นหรือการแสดงออกหน้ากล้องตอนนั้นดู...แปลกๆและชวนให้ขัดใจ 555

แต่พอได้อ่านสัมภาษณ์นี้แล้วทำให้เข้าใจมากขึ้นพอสมควร เหมือนเค้าผ่านมาทั้งช่วงสูงสุดและต่ำสุดของชีวิตความเป็นศิลปิน ประสบการณ์สิบกว่าปีในวงการบันเทิง(ทั้งๆที่อายุแค่ 23) มันฮาร์ดคอร์มาก 555 คือแทบไม่มีช่วงราบเรียบสบายๆ ไม่ดังเป็นพลุแตกแบบกระดิกตัวไม่ได้ไปเลยก็ดูตกต่ำไปเลย ขาวกับดำไปเลย เด็กอายุแค่นั้นต้องรับมือกับชื่อเสียงเงินทองและความผกผันของชีวิตขนาดนั้น จะมีซวนเซบ้างก็ไม่แปลก รู้สึกเพิ่งมามีช่วงหลังจากกลับมากับรากบุญนี่เองที่เหมือนจะราบรื่นหน่อย น่าสนใจดีค่ะ ลองอ่านกันดู ประสบการณ์สอนคนได้จริงๆ อมยิ้ม04


“ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของไมเคิล แจ็คสัน เค้าบอกว่าเคยมองออกไปนอกกระจกเห็นเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ จากนั้นเค้าก็ร้องไห้ออกมา ตอนที่อ่านครั้งแรกผมไม่ค่อยเข้าใจเค้าหรอก แต่พอผมเจอกับตัวเอง ผมเป็นแบบนั้นเลย ชีวิตผมมีแต่งาน ผมไม่มีชีวิตแบบวัยรุ่น”

“แต่ก่อนผมจะเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง (ยิ้ม) คือจะมีอาการนอยด์ๆ เวลาที่ต้องไปไหนมาไหนจะเดินก้มหน้าก้มตา ผมจะระแวง มันจะมีความคิดที่ไม่เหมือนมนุษย์มนาน่ะ มีคนบอกว่าผมมีอาการใส่ใจคนรอบข้างมากเกินไป”

“หลังจากที่ผลงานซาลงไป ทางคนใกล้ชิดบอกว่าให้ผมไปเรียนรู้การเข้าสังคมใหม่ หรือพูดง่ายๆว่าช่วยทำให้สองคนนี้กลับมาเป็นคนธรรมดาอีกครั้ง แรกๆผมฟังก็งงนะ กลับไปเป็นคน ทำยังไงน่ะ(หัวเราะ) แต่หลังจากไปอยู่แอลเอ ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”

“ผมบอกกับตัวเองว่า งานทุกอย่างที่เข้ามามันอาจทำให้เราดัง แต่เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปเหมือนกับตอนที่เราเป็นศิลปินดังนั่นแหละ”

“ความโด่งดังมาได้ แต่วันหนึ่งมันก็ไปได้ แล้วเมื่อผมเข้าใจถึงมัน ผมก็ไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท”

“ผมยังมีแพสชั่น หรือความฝันที่อยากจะทำอะไรอีกเยอะมาก แต่ทั้งหมดก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ผมผ่านจุดพีครวมทั้งจุดที่ไม่เข้าใจอะไรมาเยอะ ทุกวันนี้เราเติบโตขึ้น พอมองย้อนกลับไปก็เห็นความผิดพลาดอะไรตั้งหลายอย่าง”

“ผมชอบสอนตัวเองให้ลำบาก เพื่อที่วันหนึ่งเราสบายมันจะทำให้เราภูมิใจกับสิ่งที่เราเคยลำบากมาก่อน ไม่ใช่รวยอยู่แล้วแล้วยังไง ภูมิใจตรงไหน มันก็คือเงินของพ่อแม่ ใช่เงินเราซะที่ไหน สู้เราทำเอง แล้ววันหนึ่งเราก็จะได้ภูมิใจกับสิ่งที่เราทำยังดีซะกว่า”


บทสัมภาษณ์เต็มๆจาก Q magazine หน้าหลังๆซ่อนไว้ใน spoil นะคะ ยิ้ม


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่