เห็นด้วยกับนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ที่ออกปากชมว่าหนังภาคนี้เหมือนเป็น The Empire Strikes Back ของแฟรนไชส์ The Hunger Games

หนังทำออกมาได้ดีกว่าภาคแรกมากๆ บรรยากาศจริงจังกว่า เนื้อเรื่องเข้มข้นกว่า ตัวละครมีมิติตื้นลึกบางหนามากกว่า โปรดักชั่นอะไรทั้งหลายยิ่งใหญ่กว่า

ถือเป็นหนังที่ดีที่สุดของผกก. Francis Lawrence (Constantine, I Am Legend) แล้วกระมัง(เจ้าตัวเลยได้รับสิทธิ์ให้ไปกำกับ Mockingjay ทั้งสองภาคต่อ) ในแง่ของฉากแอ็คชั่นแล้วถือได้ว่าผกก. Lawrence กำกับออกมาได้เป๊ะกว่า Gary Ross ในหนังภาคที่แล้วสักสิบเท่า(และที่สำคัญคือไม่มีการใช้ shaky cam เลยแม้แต่นิดเดียว //ปรบมือ)

ชอบที่โทนหนังภาคนี้มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าภาคแรกด้วย ส่วนตัวแล้วคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โทนหนังภาคนี้มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าหนังภาคที่แล้วก็เพราะวุฒิภาวะของตัวละครในหนังที่มีมากขึ้นด้วยส่วนหนึ่ง เพราะถ้าหากว่า Katniss (Jennifer Lawrence) ตัวนางเอกในหนังภาคก่อนยังเป็นแค่วัยรุ่นธรรมดาที่ต้องห่ำหั่นเอาชีวิตรอดในเกมล่าชีวิต Katniss ในหนังภาคนี้ก็เปรียบได้กับเป็นทหารผ่านศึกที่ต้องรับมือกับบาดแผลจากประสบการณ์ในหนังภาคที่แล้วไปพร้อมๆกับที่ต้องรวบรวมความกล้าเพื่อกลับไปลงสมรภูมิอีกครั้งหนึ่ง(ยังไม่รวมถึงกลิ่นอายการปฏิวัติที่คุกกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ)

บอกตรงๆก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบอะไร The Hunger Games ภาคแรกมากมายเลยไม่คิดว่าตัวเองจะชอบ Catching Fire มากขนาดนี้ แต่หลังจากที่ได้ดูหนังภาคนี้แล้วก็ขอยอมรับเลยว่าตอนนี้แทบจะนั่งนับวันรอดู Mockingjay อยู่แล้ว

8.0/10

ป.ล. Jena Malone ♥ …สาบานว่าไม่ได้ชอบนางแค่เพราะฉากในลิฟต์ //แฮ่กๆๆๆๆ

อีตาคนที่เล่นเป็น Aquaman เอ๊ย Finnick (Sam Claflin) นั่นก็เท่ดีนะ ตอนแรกก็นึกว่าจะออกแนวเป็นพวกทำตัวขี้เก๊ก น่าหมั่นไส้เสียอีก ที่ไหนได้...พ่อพระชัดๆเลยนี่หว่า

เข้าไปคุยกันต่อที่เพจของผมได้เลยนะครับ >>> https://www.facebook.com/appleoneoone