*****เรื่องราวต่อไปนี้ ผมไม่ได้เจอกับตัวเอง คนที่ประสบเหตุมาเล่าให้ผมฟัง และผมก็เอามาเล่าให้ฟังอีกที เรื่องราวอาจจะไม่เหมือนเป๊ะ 100% โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*****
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา แต่ผมเพิ่งว่างมาพิมพ์ให้อ่านวันนี้
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวจากผู้ใช้บริการแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิท่านหนึ่งผู้ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม โดยจะสมมติชื่อว่า "พี่เอ" ก็แล้วกันเพื่อง่ายกับการเล่าเรื่อง เรื่องราวมีอยู่ว่า....
พี่เอเพิ่งจะกลับมาจากการดูงานที่ต่างประเทศ โดยเพิ่งลงเครื่องและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาหมาดๆ จึงเลือกที่จะใช้บริการแท็กซี่ของท่าอากาศยานเนื่องจากเหนื่อยมากแล้ว เขาลงไปที่ชั้น 1 ประตู 4 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้บริการจะต้องมาต่อแถวรอขึ้นแท็กซี่กัน
พี่เอได้รถแท็กซี่ทะเบียน
ทศ 5115 จำสีไม่ได้เพราะพี่เอโมโหอยู่
คนขับแท็กซี่คันนั้นทำกิริยาไม่สุภาพกับพี่เอครับ พี่เอเล่าว่าตั้งแต่คนขับรู้ว่าพี่เอเป็นคนไทยก็ชักสีหน้าไม่พอใจแล้ว เพราะเขาอยากรับฝรั่งอีกคนมากกว่า (ถ้าเป็นฝรั่งจะหาเรื่องโกงตังค์ง่ายกว่าไงครับ)
จุดไคลแมกซ์มันอยู่ที่ตอนยกกระเป๋าครับ พี่เอแจ้งความจำนงว่า "พี่ครับ กระเป๋าของผมสองใบนี้เอาไว้ในห้องโดยสารได้ไหมครับ เพราะมันมีคอมพิวเตอร์อยู่ เอาไว้กระโปรงท้ายเดี๋ยวจะกระแทกของผมพัง" ซึ่งขนาดกระเป๋าก็ตามที่เห็นในรูปครับ ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารตรงไหน น้ำหนักเต็มที่ผมให้ 15 กิโลกรัม(รวมทั้งหมด)
คนขับแท็กซี่กลับตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวแบบฟิลโมโหว่า
"เอาไว้ในห้องโดยสารแล้วถ้าเบาะผมขาด คุณจะจ่ายเงินค่าซ่อมเบาะให้ผมป่ะ" (ผมเดาว่าในเหตุการณ์จริงอาจจะพูดรุนแรงกว่านี้ แต่พี่เอได้เกลาคำพูดให้เหมาะสมกับการเป็นคนที่เจริญแล้ว)
พี่เอฉุนขาด ตัดสินใจไม่ใช้บริการ ส่งเรื่องร้องเรียนกับเคาท์เตอร์รถแท็กซี่ โทร.ไปร้องเรียนที่กรมขนส่ง และเดินกลับขึ้นมาชั้นบนเพื่อถามประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการร้องเรียนรถแท็กซี่ และเตรียมใช้บริการแอร์พอร์ทลิงก์แทนแท็กซี่มารยาททรามคนนั้น
ความจริงพี่เอจะไม่โมโหขนาดนี้ถ้าคนขับแท็กซี่ไม่พูดทิ้งท้ายตอนที่พี่เอขู่ว่าจะส่งเรื่องร้องเรียนว่า "ร้องเรียนไปเลย ผมไม่กลัวหรอก"
เรื่องราวก็มีประมาณนี้ ซึ่งผมก็สงสัยว่าคนขับคนนั้น เป็นแท็กซี่เถื่อนที่ยัดเงินใต้โต๊ะมาลงทะเบียนกับทางท่าอากาศยานหรืออย่างไร หรือเขาต้องการทำลายอาชีพตัวเอง มารยาทถึงได้ทรามขนาดนั้น ขนาดขู่ว่าจะร้องเรียนยังมีการท้าทาย ทั้งๆที่มีแท็กซี่จำนวนไม่น้อยติดแบล็คลิสต์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนก็ยังไม่เข็ดกัน
*****เรื่องราวต่อไปนี้ ผมไม่ได้เจอกับตัวเอง คนที่ประสบเหตุมาเล่าให้ผมฟัง และผมก็เอามาเล่าให้ฟังอีกที เรื่องราวอาจจะไม่เหมือนเป๊ะ 100% โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*****
ระวังแท็กซี่ขี้โกงให้ดี เขาจ้องจะโกงพวกคุณและบรรดานักท่องเที่ยวอยู่
พวกนี้แหละครับตัวบ่อนทำลายประเทศชาติของพวกเรา ทำภาพพจน์ประเทศเสียหมดโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
ผมมักจะบอกคนต่างชาติที่รู้จักเสมอๆว่า ถ้าแท็กซี่คันไหนไม่ยอมกดมิเตอร์ก็อย่าไป เพราะเขาจะโกงคุณ
เรื่องราวของแท็กซี่มารยาทยอดแย่แห่งสุวรรณภูมิ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา แต่ผมเพิ่งว่างมาพิมพ์ให้อ่านวันนี้
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวจากผู้ใช้บริการแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิท่านหนึ่งผู้ซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม โดยจะสมมติชื่อว่า "พี่เอ" ก็แล้วกันเพื่อง่ายกับการเล่าเรื่อง เรื่องราวมีอยู่ว่า....
พี่เอเพิ่งจะกลับมาจากการดูงานที่ต่างประเทศ โดยเพิ่งลงเครื่องและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาหมาดๆ จึงเลือกที่จะใช้บริการแท็กซี่ของท่าอากาศยานเนื่องจากเหนื่อยมากแล้ว เขาลงไปที่ชั้น 1 ประตู 4 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้บริการจะต้องมาต่อแถวรอขึ้นแท็กซี่กัน
พี่เอได้รถแท็กซี่ทะเบียน ทศ 5115 จำสีไม่ได้เพราะพี่เอโมโหอยู่
คนขับแท็กซี่คันนั้นทำกิริยาไม่สุภาพกับพี่เอครับ พี่เอเล่าว่าตั้งแต่คนขับรู้ว่าพี่เอเป็นคนไทยก็ชักสีหน้าไม่พอใจแล้ว เพราะเขาอยากรับฝรั่งอีกคนมากกว่า (ถ้าเป็นฝรั่งจะหาเรื่องโกงตังค์ง่ายกว่าไงครับ)
จุดไคลแมกซ์มันอยู่ที่ตอนยกกระเป๋าครับ พี่เอแจ้งความจำนงว่า "พี่ครับ กระเป๋าของผมสองใบนี้เอาไว้ในห้องโดยสารได้ไหมครับ เพราะมันมีคอมพิวเตอร์อยู่ เอาไว้กระโปรงท้ายเดี๋ยวจะกระแทกของผมพัง" ซึ่งขนาดกระเป๋าก็ตามที่เห็นในรูปครับ ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารตรงไหน น้ำหนักเต็มที่ผมให้ 15 กิโลกรัม(รวมทั้งหมด)
คนขับแท็กซี่กลับตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวแบบฟิลโมโหว่า "เอาไว้ในห้องโดยสารแล้วถ้าเบาะผมขาด คุณจะจ่ายเงินค่าซ่อมเบาะให้ผมป่ะ" (ผมเดาว่าในเหตุการณ์จริงอาจจะพูดรุนแรงกว่านี้ แต่พี่เอได้เกลาคำพูดให้เหมาะสมกับการเป็นคนที่เจริญแล้ว)
พี่เอฉุนขาด ตัดสินใจไม่ใช้บริการ ส่งเรื่องร้องเรียนกับเคาท์เตอร์รถแท็กซี่ โทร.ไปร้องเรียนที่กรมขนส่ง และเดินกลับขึ้นมาชั้นบนเพื่อถามประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการร้องเรียนรถแท็กซี่ และเตรียมใช้บริการแอร์พอร์ทลิงก์แทนแท็กซี่มารยาททรามคนนั้น
ความจริงพี่เอจะไม่โมโหขนาดนี้ถ้าคนขับแท็กซี่ไม่พูดทิ้งท้ายตอนที่พี่เอขู่ว่าจะส่งเรื่องร้องเรียนว่า "ร้องเรียนไปเลย ผมไม่กลัวหรอก"
เรื่องราวก็มีประมาณนี้ ซึ่งผมก็สงสัยว่าคนขับคนนั้น เป็นแท็กซี่เถื่อนที่ยัดเงินใต้โต๊ะมาลงทะเบียนกับทางท่าอากาศยานหรืออย่างไร หรือเขาต้องการทำลายอาชีพตัวเอง มารยาทถึงได้ทรามขนาดนั้น ขนาดขู่ว่าจะร้องเรียนยังมีการท้าทาย ทั้งๆที่มีแท็กซี่จำนวนไม่น้อยติดแบล็คลิสต์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนก็ยังไม่เข็ดกัน
*****เรื่องราวต่อไปนี้ ผมไม่ได้เจอกับตัวเอง คนที่ประสบเหตุมาเล่าให้ผมฟัง และผมก็เอามาเล่าให้ฟังอีกที เรื่องราวอาจจะไม่เหมือนเป๊ะ 100% โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*****
ระวังแท็กซี่ขี้โกงให้ดี เขาจ้องจะโกงพวกคุณและบรรดานักท่องเที่ยวอยู่
พวกนี้แหละครับตัวบ่อนทำลายประเทศชาติของพวกเรา ทำภาพพจน์ประเทศเสียหมดโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
ผมมักจะบอกคนต่างชาติที่รู้จักเสมอๆว่า ถ้าแท็กซี่คันไหนไม่ยอมกดมิเตอร์ก็อย่าไป เพราะเขาจะโกงคุณ