Mass ฟังดูเหมือนจะต้องมีคนมหาศาล แต่อันที่จริงไม่เกี่ยวอะไรกับจำนวน คนแค่สองคนก็จัดเป็นมวลชนได้ หากคนหนึ่งเป็นผู้นำ และอีกคนเป็นผู้ตาม โดยฝ่ายหลังปฏิบัติตามทุกคำสั่งของฝ่ายแรกอย่างปราศจากเงื่อนไขหรือข้อกังขา (ในกรณีของคนสองคน ระหว่างผู้สะกดจิตและผู้ถูกสะกดจิตก็ถือว่าเป็น Mass ได้เช่นกัน) สำหรับฝูงชนขนาดมหึมา ผู้นำอาจจะเป็นคนเพียงคนเดียวหรือคนกลุ่มน้อย และผู้ตามก็คือคนหมู่มากที่ยินยอมพร้อมใจตกอยู่ใต้คำสั่งของฝ่ายแรก ฟรอยด์เรียกสภาวะดังกล่าวว่าการบังเกิดขึ้นของจิตวิทยามวลชน (group psychology หรือ Massenpsychologie)
คุณลักษณะเด่นของ Mass ได้แก่ "มวลชนอาจต้องการบางสิ่งอย่างรุนแรง แต่จะไม่สามารถรักษาระดับความต้องการนั้นเอาไว้ได้นาน พวกเขาไม่อาจทนรอคอยช่วงระยะเวลาจากความปรารถนาไปสู่การตอบสนองความปรารถนา มวลชนเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจไร้ขอบเขต คำว่าเป็นไปไม่ได้ไม่ปรากฏในพจนานุกรมของพวกเขา" "ความรู้สึกของมวลชนโปร่งใสแต่สุดโต่ง ไม่รู้จักความลังเลหรือความไม่แน่นอน" "มวลชนไม่เคยกระหายความจริง พวกเขาเรียกร้องแต่ภาพลวงตา" "สิ่งที่พวกเขาต้องการจากวีรบุรุษคือความเข้มแข็ง กระทั่งความรุนแรง พวกเขาต้องการถูกปกครอง ถูกกดขี่ และหวาดกลัวเจ้านายของพวกเขา" และอื่นๆ กล่าวโดยสรุป เมื่อปัจเจกผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Mass เขาได้ละทิ้งความสามารถในการถกเถียง การใช้เหตุและผล
มวลชนไม่เคยกระหายความจริง (กรณีศึกษา ลิ้ม เมือก)
คุณลักษณะเด่นของ Mass ได้แก่ "มวลชนอาจต้องการบางสิ่งอย่างรุนแรง แต่จะไม่สามารถรักษาระดับความต้องการนั้นเอาไว้ได้นาน พวกเขาไม่อาจทนรอคอยช่วงระยะเวลาจากความปรารถนาไปสู่การตอบสนองความปรารถนา มวลชนเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจไร้ขอบเขต คำว่าเป็นไปไม่ได้ไม่ปรากฏในพจนานุกรมของพวกเขา" "ความรู้สึกของมวลชนโปร่งใสแต่สุดโต่ง ไม่รู้จักความลังเลหรือความไม่แน่นอน" "มวลชนไม่เคยกระหายความจริง พวกเขาเรียกร้องแต่ภาพลวงตา" "สิ่งที่พวกเขาต้องการจากวีรบุรุษคือความเข้มแข็ง กระทั่งความรุนแรง พวกเขาต้องการถูกปกครอง ถูกกดขี่ และหวาดกลัวเจ้านายของพวกเขา" และอื่นๆ กล่าวโดยสรุป เมื่อปัจเจกผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Mass เขาได้ละทิ้งความสามารถในการถกเถียง การใช้เหตุและผล