ไอ้หมู ( นางสาวซอยต้นมะขาม )

กระทู้สนทนา
วันไหนบทจะขยันขึ้นมา   ฉันจะซักผ้า  , ถูบ้าน, ทำสวน   พาหมาน้อยออกไปเดินเล่นแถวๆบ้าน    แต่วันดีคืนร้ายที่หมดพลัง หมูหมาไม่สน    บ้านช่องไม่แตะมานั่งแปะที่โซฟา   ดูหนังดูละคร  สบายใจเฉิบ  อย่างวันนี้เป็นต้น
หลังจากอาหารเช้าผ่านพ้น ฉันก็มานั่งที่หน้าทีวี คว้าดีวีดีละครสุดโปรด  “คุณชายคุณชายพุฒิภัทร “   มาดูอย่างสำราญบานใจ   เพราะฉันปลื้มคุณหมอ  และชอบหน้าตาหวานๆของนางสาวศรีสยาม   แต่ดูไปดูมา  เห็นหน้าหวานๆของนางสาวศรีสยาม ใจฉันก็ประหวัดนึกไปถึงไอ้หมู นางสาวซอยต้นมะขาม  ซะอย่างงั้น

ซอยต้นมะขามที่ว่า   เป็นซอยเล็กๆแถวบ้านฉัน   ส่วนไอ้หมูคือเด็กสาวในซอย    การประกวดนางสาวซอยต้นมะขามที่ว่า   ริเริ่มโดยรุ่นพี่แถวนั้น  ที่จัดขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน  และเชื่อมความสามัคคีของเด็กในซอย

การประกวดจะจัดขึ้นในวันปีใหม่   หรือก็ไม่ก็วันสงกรานต์   เด็กๆผู้หญิงในซอยตื่นเต้นกับการประกวดสาวงามกันถ้วนหน้า  กับรางวัลล่อใจ  ประกอบด้วย    มงกุฏกระดาษติดกากเพชรระยิบระยับ,  สายสะพายกระดาษ ระบายสีสดใส   กับขนมห่อใหญ่  
จริงอยู่   ในสายตาของหลายคน  อาจจะคิดว่ารางวัลที่ว่า  ค่างวดมันน้อยนิด   แต่สำหรับสาวงามผู้เข้าประกวด  กลับเห็นว่ามันใหญ่ยิ่ง    เพราะการได้ตำแหน่งมาครอง   มันคือความภาคภูมิใจ   แถมยังเก็บเอาไปคุยฟุ้งกับใครต่อใคร ว่าตัวเองได้ตำแหน่ง นางสาวซอยต้นมะขาม    เป็นใครก็ต้องภูมิใจด้วยกันทั้งนั้นแหละ

ใช่แต่ไอ้หมูที่เข้าประกวดนางสาวซอยต้นมะขาม     ฉันเองก็เอากับเขาเหมือนกัน    งานไหนงานนั้น  เป็นต้องไปร่วมประชัน    นางสาวต้นมะขามแบ่งออกเป็นสามรุ่น  คือใหญ่    กลาง    เล็ก     ตอนนั้นฉันอยู่ในรุ่นกลาง   ส่วนไอ้หมูอยู่รุ่นเล็ก   ไม่มีห้างร้านบริษัทไหนส่ง    แต่เราส่งตัวเราเองเข้าประกวด    เก๋ดีไหมล่ะ   

ฉันกับไอ้หมูสนิทกัน   เพราะเราหัวอกเดียวกัน   คือไม่ว่าเราจะประกวดกี่ครั้ง   เราทั้งสองไม่เคยได้ตำแหน่ง  นางสาวซอยต้นมะขามสักที  คำตอบนะเหรอ ง่ายนิดเดียว
ไม่ว่าจะเวทีไทย   หรือต่างประเทศ   หรือแม้แต่บนถนนคอนกรีตโทรมๆในซอยเรา ที่เราสมมุติขึ้นเป็นเวที   กฏเกณฑ์ของการประกวดสาวงามจะเหมือนกัน   ผู้ที่จะพิชิตใจกรรมการเอาตำแหน่งไปครองได้นั้น   หน้าต้องสวย   หุ่นต้องดี   
ไอ้หมูหน้าสวยก็จริงแต่สูงไม่ถึงร้อยห้าสิบ    ส่วนฉันหน้าตาหมวยๆ  พอไปวัดตอนสายๆ   ด้วยเหตุนี้เราทั้งสอง ก็เลยไปไม่ถึงดวงดาว   

แต่ถึงเราจะไม่ได้  ตำแหน่งนางสาวซอยต้นมะขาม    แต่ที่สอง ที่สาม  เราได้ประจำ   มิหนำซ้ำยังพ่วงตำแหน่งพิเศษที่เพื่อนสาวงาม หลายคนอยากได้    แต่มีต้องผิดหวัง  เพราะโดนไอ้หมู   และฉันตัดหน้าเอาไปกินทุกที    ตำแหน่งที่ว่า  ก็คือ  ขวัญใจช่างภาพ    และ  นางงามมิตรภาพ   
นางงามมิตรภาพ   เพื่อนที่ร่วมประกวดเห็นว่าเรานิสัยดีโหวตให้   อันนี้ตรงคอนเซปต์ของการประกวดทั่วไป   ที่จะต่างกับที่อื่นอยู่บ้างก็ตรงตำแหน่งขวัญใจช่างภาพนี่แหละ  
ตำแหน่งขวัญใจช่างภาพโดยทั่วไป   ช่างภาพเห็นว่าถ่ายรูปขึ้นเลยยกตำแหน่งให้   แต่ขวัญใจช่างภาพของซอยต้นมะขาม  ไม่มีตากล้องมาชักภาพสักคน    เป็นเหตุให้ฉันและเพื่อนสาวงามต่าง พากันสงสัย   ไม่มีช่างภาพมาถ่ายรูป   แล้วตำแหน่งนี้มาได้อย่างไร
หลังจากปล่อยให้พวกเราสับสนอยู่เป็นนานสองนาน    พี่ตุ้มประธานจัดงานจึงเฉลย   คนที่ได้ตำแหน่งนี้ ต้องน่ารัก   และยิ้มหวานถูกใจกรรมการ   โธ่ถัง  ก็เรียกขวัญใจกรรมการเสียจะไม่ดีเหรอ   มาเรียกขวัญใจช่างภาพให้งงทำไม  

ต่อมาภายหลัง   เมื่อรุ่นพี่ที่จัดงาน  มีฝั่งมีฝาออกเรือนไป    ฉันก็ผันตัวมาเป็นผู้จัดเสียเอง    เมื่อฉันมาเป็นผู้จัด    ไอ้หมู คือดาวจรัสแสง   
ไอ้หมูชื่อจริงว่านพมาศ   เป็นเพื่อนรุ่นน้องฉันหลายปี   ฉันไม่เคยเรียกชื่อเต็มไอ้หมู   เรียกแต่ชื่อเล่น  หมูๆ  แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่รู้   แทนจะเรียกหมูเฉยๆ   ดันเรียก  ไอ้หมูๆ     เป็นไปได้ไหม   อาจจะเพราะเราสนิทกันมาก  ก็เลยเรียกอย่างนั้น  

ถ้าคณะกรรมการมีเพียงฉันคนเดียว    ไอ้หมูคงได้ตำแหน่งนางสาวซอยต้นมะขามไปครองทุกสมัย   เพราะฉันซึ่งเป็นประธานกรรมการใหญ่   ไม่สนใจหุ่นไอ้หมู   ดูแต่หน้าหวานๆของไอ้หมูอย่างเดียว
ไอ้หมูมีใบหน้ารูปใข่    คิ้วเข้ม  ตาหวาน ขนตาหนาเป็นแผงราวกับกันสาด   จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่มได้รูป ผมหยักศกเป็นคลื่นยาวเคลียหลัง
“ให้ไอ้หมูได้ตำแหน่งนางสาวซอยต้นมะขามเถอะนะ”   ฉันวิงวอนกรรมการท่านอื่น   แต่ไม่เป็นผล    เมื่อไอ้ติ๋วรองประธานกรรมการยกเอาเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“ไอ้อ้อยนะเหมาะแล้ว  เพราะถึงไอ้อ้อยหน้าจะหวานน้อยกว่าไอ้หมู   แต่หุ่นมันสูงยังกับนางแบบ  ผิดกับไอ้หมูเตี้ยเชียว ”   
เพระเหตุนี้ ไอ้หมูก็เลยไม่ได้ตำแหน่ง   นางสาวซอยต้นมะขาม     ทั้งที่ฉันอยากจะให้ ตำแหน่งไอ้หมูใจจะขาด  

“อีหมู  ไปไหนมา  “ เสียงป้านีแม่ไอ้หมูที่บ้านอยู่ถัดฉันไปสองหลัง   ด่าทอ หยาบๆคายๆ  ป้านีเป็นโรคประสาท พ่อไอ้หมูเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร  แต่กลัวเมียยังกับหนูกับแมว    ด้วยเหตุนี้กรรมก็เลยมาตกอยู่ที่ไอ้หมู  กับพี่ชายทั้งสองที่โดนแม่โรคประสาท   ทั้งด่าทั้งตี    ตั่งแต่เด็กกระทั่งโตเป็นวัยรุ่น ก็ยังโดนตีอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่แต่ไอ้หมูคนเดียว  พี่ๆที่โตเป็นหนุ่มก็โดนตี โดนด่าเช่นกัน

เสียงไอ้หมูร้องวิงวอนแม่ให้หยุดทำร้ายตน   สลับกับ เสียงป้านีก่นด่าลูกสาวไม่มีชิ้นดี   เป็นสิ่งที่ฉันและเพื่อนบ้านในละแวกได้ยินจนชิน
หลายคนสงสาร  แต่ไม่มีใครกล้าไปยุ่ง    เพราะกลัวจะเป็นอย่างลุงเดช ที่อยู่บ้านใกล้ป้านี   ขานั้นทนสงสารไม่ไหว   ไปร้องขอให้ป้านีหยุดตีลูก   ผลลุงเดชเลยโดยป้านีด่าเช็ด  เข็ดขี้อ่อนขี้แก่ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยอีกเลย     

กาลเวลาผันผ่าน  ต่างคนต่างเติบโต และต่างไปตามทางของแต่ละคน    ฉันไปตามทางของฉัน   ไอ้หมูก็ไปตามทางของไอ้หมู
แปลกไหมล่ะ   ทั้งที่บ้านเราอยู่ติดกัน  แต่เรากลับไม่ค่อยเจอกัน   คงเพราะต่างคนต่างก็มีชีวิตของตัวเองอย่างว่า    แต่ถึงเราจะคลาดแคล้วไม่เจอกัน   แต่กระนั้นฉันจะรู้ตลอด ว่าไอ้หมูไปไหน ทำอะไรก็ตอนที่ป้านี   ด่าประจานไอ้หมู

เช้าวันนั้นที่ฉันได้ไม่ลืม    ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ปีสอง   ออกจากบ้านแต่เช้าไปยืนรอรถที่ป้ายรถหน้าปากซอย  วิชาแรกเริ่มตอนเที่ยง  แต่ฉันมักจะไปเนิ่นๆ  ไปนั่งคุยกับเพื่อนๆที่โต๊ะหน้าคณะ
ขณะที่ฉันกำลังชะเง้อชะแง้มองดูรถโดยสาร  สลับกับมองท้องฟ้าสีคราม  หูก็แว่วเสียงด่าทอ   สบถดังลั่น  ฉันตกใจหันไปมอง  ก็พบเด็กอาชีวะกลุ่มหนึ่งร่วมสิบคน เดินมาในวิถี   หนึ่งในนั้น เห็นฉันและผู้โดยสารคนอื่นมอง   ก็ตะโกนถามดังๆ  
“มองอะไร อยากตายเหรอ”   เพราะยังไม่อยากตาย  ฉันเลยสะบัดหน้ากลับไปอีกทาง  คนอื่นๆก็ทำอย่างฉัน  
อนาคตยังอีกไกล   จะมาตายเพราะเด็กเหลวไหลพวกนี้  มิบังควร

“น่ารักจังเลยน้องสาว  จะไปโรงเรียนเหรอจ๊ะ” “ เสียงเดิมดังใกล้ๆหู   ฉันหันไปดู ก็เห็นเจ้าเด็กนักเรียนเกเร  มายืนตรงหน้า   ด้วยความกลัวฉันก็เลยหันหน้ากลับไปอีกทาง  พร้อมกับภาวนาในใจ ให้หมอนั่นไปให้พ้นๆ   แต่เจ้าเด็กเหลือขอ ไม่ไป แถมยังกระโดดมายืนตรงหน้า  มิหนำซ้ำยื่นมือมาหมายจะแตะแก้มฉัน
  “หยิ่งนักเหรอ   เดี๋ยวก็”
“ไอ้ต้อง  ปล่อยเลย  นั่นพี่สาวกู” เสียงคุ้นๆดังขึ้นพร้อมกับที่มือไอ้หมอนั่น ถูกกระชากกลับไป  ฉันหันกลับมามอง เร็วๆ  ใจก็ชื้นเมื่อพบไอ้หมูยืนอยู่ตรงหน้า  
“ไอ้หมู”  ฉันพึมพัมชื่อนั้นออกมา  ไอ้หมูที่อยู่ในเครื่องแบบเดียวกับไอ้เด็กคนนั้น   ยิ้มให้ฉันก่อนจะเอาสองมือผลักอกเด็กหนุ่มคนนั้นจนเซ
“ไปไกลๆเลย ไป๊”  ไอ้หมูไล่ส่ง
“โห หมู  พูดดีก็ได้ บ้าเอ๊ย”   เจ้านั่นบ่นพึม   ยักไหล่ยึกยัก  แล้วก็เดินตามเพื่อนๆที่เดินล่วงหน้าไป   แต่ไอ้หมู ไม่ไป กลับมายืนตรงหน้า  ขอโทษขอโพยฉัน
“โทษนะพี่    เพื่อนหมูมันซ่าไปงั้น ไม่มีอะไร  โห   พี่สาวแต่งตัวสวยจังเลย   กำลังจะไปโรงเรียนหรือพี่ ”  
“ใช่  แล้วเราล่ะ   กำลังจะไปโรงเรียนเหรอ  “   ฉันตอบ พร้อมกับถามในคำถามที่ผู้โดยสารหลายคนที่ยืนอยู่แถวนั้น  ก็คงอยากจะถามเช่นเดียว กับฉัน   อันนี้ฉันดูเอาจากสีหน้า และสายตาของพวกเขาที่มองมายังไอ้หมู
“กำลังจะไปอยู่นี่แหละ พี่”   ไอ้หมูพูดเท่านั้นก็โดนเพื่อนๆเรียก  ไอ้หมูเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม นอกนั้นผู้ชายล้วน
“ไปก่อนนะพี่  แล้วเจอกัน”  ไอ้หมูพูดจบ  ก็ยกมือไหว้ฉัน   ก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนๆที่รออยู่   พอรถมาก็วิ่งกรูขึ้นรถไป   พอไอ้หมูกับเพื่อนๆไปพ้นเท่านั้น    ผู้โดยสารที่ยืนใกล้ๆฉัน ก็เจริญพรเด็กเหลือขอ เสียป่นปี้
ไอ้เด็กเลว  เรียนไปก็ไม่พ้นเป็นโจร  คนอื่นด่าว่าให้ขรม    ในขณะที่ฉันยืนอึ้งพูดไม่ออก   เอาแต่ถามตัวเองในใจ    นางสาวซอยต้นมะขามของฉัน  เป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ

ถ้าคนเราเลือกทางเดินได้    ทุกคนคงเดินไปบนทางที่โรยด้วยกุหลาบ    และมีปราสาทรอรับอยู่ปลายทาง   แต่เพราะโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นริบรี่ดั่งฝัน   
เพราะสิ่งที่เราพบและเห็นกัน    ทางที่เราเดินไปนั้น  มันไม่ได้งดงาม    หากเต็มไปด้วยขวากหนาม  กว่าจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ  ต้องฝ่าฟันอย่างหนัก   และใช่ว่าทุกคนจะโชคดี   ก้าวไปถึงจุดนั้นได้
ก็ขนาดว่าหลายคน วางแผนให้ตัวเองเสียสวยงาม   ยังพังครืนไม่เป็นท่า   และที่น่าแปลกยิ่งไปกว่านั้น   ขนาดรู้อยู่เต็มอก  เห็นเต็มสองตา  ว่าทางที่เดินไปนั้นมีเหวอยู่ตรงหน้า  แต่หลายคนยังตะบี้ตะบันเดินไปหาความตายที่เอื้อมมือมารับ

ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอไอ้หมู    คือคราวที่ฉันกลับมาเยี่ยมบ้านตอนที่จากบ้านไปอยู่ต่างประเทศใหม่ๆ     เราเจอกันที่ป้ายรถอีกนั่นแหละ   ฉันไม่เห็นไอ้หมูหรอก  แต่ไอ้หมูที่เดินผ่านไปแล้วจำฉันได้ก็เลยเดินย้อนกลับมา
“พี่แนนจริงๆนั่นแหละ  ” ไอ้หมูทักทายอย่างตื่นเต้น  โดดเข้ากอดฉัน  ส่วนฉันพอหายตกใจ   ก็กอดตอบไปแรงๆ   จากนั้นเราก็คุยกัน  ไม่ใช่ซิ    ที่ถูกต้องว่าไอ้หมูพูด  ส่วนฉันฟัง  และระหว่างที่ฟังไอ้หมูพูด  ฉันก็สำรวจไอ้หมูไปพลางๆ
ไอ้หมูผอมลง   ใบหน้าที่เคยสวยใส  หมองคล้ำไม่มีสง่าราศี    ผมที่เคยสลวยยาวเป็นคลื่น ตัดสั้นแค่คอ ปล่อยเป็นกระเซิง   ดวงตาที่ครั้งหนึ่งเคยหวานฉ่ำ  กลับแดงก่ำ    ริมฝีปากอิ่ม  แตกแห้งเป็นขุย  เจ้าตัวคุยไป  ก็เอาท่อนแขนเช็ดจมูกไปมา
เอ๊ะ     ฉันบอกคุณหรือเปล่า  ว่าไอ้หมูเสพยา    ไม่ใช่  กัญชา  กระท่อม   แต่เฮโรอีน  ทั้งสูบ ทั้งฉีด  มาแต่สมัยเรียนโน่น   

“พี่แนนเหมือนเดิมเลยนะ   ไม่เปลี่ยน  ผิดกับหมูนับวันมีแต่โทรม  ”  หมูชมฉัน   ก่อนจะพูดถึงตัวเองอย่างปลงๆ   จากนั้นก็พร่ำพูดถึงชีวิตตัวเอง  แฟนหมูติดยาเหมือนกับหมู  ตอนนี้อยู่ในคุก  ตัวหมูเองก็เพิ่งจะพ้นคุก ออกมาได้ไม่นาน   ลูกสาวคนเดียวตอนนี้อายุสิบกว่าขวบไปอยู่กับปู่กับย่า   ป้านีแม่หมูตายไปหลายปี   พ่อหมูบวชหลังจากเกษียณ แล้วไม่ยอมสึก   ส่วนพี่ชายสองคนบ้าไปคน  อีกคนพยายามเลิกยา   แต่เลิกไม่ได้ สุดท้ายเลยตัดสินใจผูกคอตาย
“ดีใจจังที่เจอพี่   โชคดีนะพี่  แล้วเราคงได้เจอกันอีก”   หมูทิ้งท้าย ก่อนจะร่ำลาเมื่อรถที่หมูโดยสารแล่นมาจอด   โดยมีฉันมองตามไปอย่างเต็มตื้น  
ถ้าตอนนั้น  ฉันมอบตำแหน่ง นางสาวซอยต้นมะขามให้ไอ้หมู   ชีวิตไอ้หมูตกต่ำอย่างนี้ไหม    คำถามนั้นแวบเข้ามา  อย่างฉาบฉวย   
โธ่ถัง  คิดอะไรบ้าๆ  กะอีแค่นางสาวซอยต้นมะขาม   เออ ถ้าว่า   นางสาวไทย  หรือ  นางงามจักรวาล   ล่ะก็  ไม่แน่    ไอ้หมูอาจจะได้ดิบได้ดี   ไม่เป็นอย่างที่เห็น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่