First Snow…ลมหนาวมาเมื่อใด
“Sorry…Do you have response letter number four, five and six?”
เสียงชายหนุ่มดังเข้ามาในโสตประสาท ขณะแรงงานต่างด้าวกำลังนั่งเล่นเฟสบุ๊คอย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาแรงงานสาวปิดเฟสบุ๊คแทบไม่ทัน ‘อุ๊ต๊ะ...จะเห็นเราเล่นเฟสไหม๊เนี่ย เสียชื่อแรงงานไทยหมด’แรงงานสาวนึกในใจแต่ไม่วายคิดเข้าข้างตัวเองว่า เล่นนิดๆหน่อยๆ ถือว่าคลายเครียดคงไม่เป็นไร แล้วจึงหันไปยิ้มสยามโชว์ฟันกระต่ายอย่างเปิดเผย แต่มิทันที่หญิงสาวจะประมวณผล นึกประโยคภาษาอังกฤษเพื่อตอบโต้ได้ (ก็มันไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่เรานี่นา จะพูดทีต้องนึกนิดนึง) เพียงแค่เห็นหน้าชายเจ้าของเสียง โยคเดียวที่เธอนึกออกตอนนี้คือ ซาราเฮโย
ชายหนุ่มผู้ปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต ใบหน้าตรงตามมาตรฐานความหล่อของหนุ่มเกาหลี ตาตี่ จมูกโด่ง ปากบาง หุ่นล่ำบึกแบบสปอร์ทแมน มาในชุดทำงานเรียบหรู ดูดี ที่ใส่เหมือนกันหมดจนนึกว่าเป็นชุดฟอร์ม คือ ผูกไทด์ ใส่เสื้อกั๊ก และใส่สูท จนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ‘ไม่ร้อนเหรอ!?!?’ ซึ่งดูเหมือนว่า คนเกาหลีจะใฝ่หาความร้อนมาก สังเกตจากการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่นี่จะตั้งไว้ที่ 27degC คนไทยอย่างเราๆมา บ่นร้อนกันเป็นแถว แม้ตัวเองจะมาจากประเทศที่ร้อนกว่านี้มากๆก็ตาม เพราะเราเคยชินกับอุณหภูมิการทำงานที่ต่ำกว่า 24degC
เห็นว่าชอบความร้อนแบบนี้...อยากได้สาวไทยหัวใจเร้าร้อน ไปเคียงข้างกายไหมคะ? (อิ อิ)
หลังจากตกตะลึงในความหล่อไป 3 วินาที (ตะลึงนานกว่านี้ไม่ได้...เสียฟอร์ม) ก็ได้ไถ่ถามกันจนรู้เรื่องว่า พ่อหนุ่มรูปหล่อ อยากได้จดหมายตอบกลับจาก OWNER ในเรื่องที่เราส่งคำถามไป เราด้วยความเป็น MAIN CONTRACTOR ที่ดี ก็ต้องรีบกระวีกระวาดหาให้แบบเสียไม่ได้ตามหน้าที่ (จริงๆนะ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเล้ย...หน้าตาแย่ๆ มาขอ ก็หาให้ ด้วยความสัตย์จริง) แต่มิทันที่จะหาสิ่งที่พ่อรูปงามอยากจะได้ ชายหนุ่มใจร้อนก็หันหลังกลับ เดินหนีไปซะงั้น หรือเห็นหนังหน้าเราแล้ว...คงคิดว่าพึ่งพาไม่ได้ กลับไปหาเองดีกว่า หรือว่าไม่ได้ต้องการจดหมายนั้นจริงๆ หรือแค่อยากชวนคุย...อุ๊บ๊ะ!!! (เข้าทาง)
ชายหนุ่มมิได้หายไปไกล แค่กลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล แค่ข้างหลังเรานั่นเอง....
นอกจากจะดูแลด้าน Project Engineer เหมือนกันแล้ว ยังมาจากสาย Process เช่นเดียวกันอีกต่างหาก พรหมลิขิตรึเปล่านะ นั่งหันหลังให้กันแบบนี้...ไม่รู้ใจจะตรงกันรึเปล่า
เราเลยสะกิดบอกหนุ่มหล่อว่า เดียวถ้าหาเจอ จะส่งเมลไปให้นะ ขออีเมล์ยูหน่อย...ชายหนุ่มรูปงามก็ยิ้มๆ พร้อมกับเอื่อนเอ่ยว่า “You already have my e-mail” เราก็หือ...ทำหน้างงสุดฤทธิ์ คิดในใจว่า ชื่อยู ไอยังไม่รู้จักเลย
ชายหนุ่มปล่อยต่างด้าวสาวงงตาแตก ก่อนหมุนตัวกลับไปคลุกคลิกกับคอมพิวเตอร์ตัวเอง
ตะดึ่ง...สัญญาณเตือนจากคอมพิวเตอร์คู่ใจว่า มีอีเมล์มาจร้า
เมล์จากหนุ่มรูปหล่อคนนั้นแน่ๆ เขียนมาว่านี่คือ อีเมล์ไอนะ ขอบคุณมากที่จะช่วยหาจดหมายให้ ชายหนุ่ม Reply อีเมล์จากอีเมล์เดิมที่เราเคยส่งไปหา Mr. Jxxxx Kim อั๊ยยะ!!! ลองเลื่อนอีเมล์ลงมาอ่านดู...ตรูเคยเขียนอะไรไปหาเขาบ้างนะ
อีเมลฉบับเดิมของเราส่งให้เขา เป็นอีเมล์ตอบกลับจดหมายคำถามที่เขาต้องการให้เราส่งต่อไปยัง OWNER แต่เราไม่ยอมส่งต่อให้เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ จึงส่งกลับไปให้เขาแก้ไขจดหมายมาใหม่ ซึ่งมีข้อความแปลเป็นไทยประมาณว่า
“คำถามที่คุณส่งมาเพื่อให้เราส่งต่อหาลูกค้านั้น เรายังไม่สามารถส่งต่อให้ได้ เนื่องจากคุณได้มีการอ้างอิงถึงข้อมูลในหลายส่วน ซึ่งยังไม่เคยส่งมาอย่างเป็นทางการเลย ดังนั้นคุณควรจะแนบข้อมูลต่างๆ มาในจดหมายด้วย และในฐานะที่คุณเป็น CONSULTRIUM ซึ่งเราคาดหวังว่าคุณจะมีความชำนาญทางด้านนี้ ควรจะนำเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ OWNER ได้ตัดสินด้วย”
อ่านจบก็โล่งอก ว่าไม่ได้หักหาญน้ำใจกันมากมายนัก แต่ก็ไขข้อข้องใจว่า ทำไมชายหนุ่มรูปงามผู้นี้จึงมาคุยกับเรา (ก็นึกว่าเห็นเราหน้าตาดีถึงอยากคุย ที่แท้เพราะอยากเห็นหน้า ต่างด้าวสาวใจกล้าที่อาจหาญไปต่อว่าบริษัทผู้รับเหมาแดนกิมจินี่เอง)
หลังจากวันนั้น คุณคิมและเราก็ได้พูดคุยกันบ้าง ไม่รู้ว่าเนื่องมาจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกัน หรือเพราะเพศที่แตกต่างทำให้มีแรงจูงใจที่จะพูดคุย ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า ผู้ชายเกาหลีขึ้นชื่อในเรื่องความ ขี้อ่อย หรือการหว่านเสน่ห์มาก ยิ่งเจอสาวๆ ที่คิดว่าจะหลงเสน่ห์เขาด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเขาเลยทีเดียว
นอกจากชายหนุ่มจะมีหน้าตาที่สะดุดตา กลิ่นเฉพาะตัวของเขาก็ทำให้เราจำได้แม้ไม่ต้องเงยหน้ามามองก็รู้ว่าเขาเดินผ่าน นั่นคือกลิ่นบุหรี่ที่ประพรหมแทนน้ำหอมจากการสูบอย่างหนัก ซึ่งทุก 2 ชั่วโมง เขาจะหายไปจากโต๊ะพร้อมกลับมากับกลิ่นบุหรี่ที่รุนแรง แม้ว่าเขาจะพยายามกลบกลิ่นด้วยลูกอมหรือหมากฝรั่ง(ที่กลิ่นแย่กว่าบุหรี่มากๆ)แต่ก็ไม่อาจปกปิดได้
2 อย่างที่ชาวออฟฟิตเกาหลีไม่สามารถปิดบังได้เมื่อแอบแว๊บระหว่างทำงาน คือ 1.กลิ่นบุหรี่ และ 2.หน้าแดงก่ำจากอากาศเย็นจัด ที่บอกว่าคนเกาหลีทำงานหนักๆ เขาก็มีเวลาแอบแว๊บนะ สังเกตดีๆ 11โมง บ่าย3 และห้าโมงเย็น จะเป็นช่วงที่หาตัวยากละ ซึ่งอันนี้ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะเขาก็ทำงานกันดึกๆ ดื่นๆ ชดเชยแล้ว แต่เพื่อนก็บอกนะว่าบางคนก็ไม่ได้นั่งทำงาน นั่งเล่นเน็ต เล่นโทรศัพท์เฉยๆ ก็มี
แต่เชื่อว่า แม้ว่าวัฒนธรรมที่นี่คือการกลับบ้านดึก แต่เขาคงไม่ได้วัดผลงานคนจากการกลับบ้านดึกเพียงอย่างเดียวหรอก ผลงานต่างหากจะชี้บ่งว่า เขาคนนั้นทำงานจริงหรือไม่ ซึ่งจากการที่เคยทำงานกับวิศวกรจากประเทศใช้ตะเกียบ ก็รู้สึกว่า คนพวกนี้ เขาทำงานกันแบบรู้จริง กันจริงๆ
ดังนั้นอย่าพึ่งท้อถ้าเราเห็นว่า คนในบริษัทเรามัวแต่กินแรง นั่งเล่นเฟส อู้งาน โปรดจงรู้ไว้ว่า คนแบบนี้...ที่ไหนก็มี แต่เราจะทำตัวแบบนั้นหรือเปล่า มันอยู่ที่จิตใต้สำนึก และความรับผิดชอบของเราเอง ซึ่งเราเลือกได้ว่าเราจะเป็นแบบไหน จะเป็นคนที่รู้จริง หรือเพียงแค่อยู่ให้หมดไปวันๆ
บันทึกแรงงานต่างด้าว ตอนที่ 3 First Snow…ลมหนาวมาเมื่อใด
“Sorry…Do you have response letter number four, five and six?”
เสียงชายหนุ่มดังเข้ามาในโสตประสาท ขณะแรงงานต่างด้าวกำลังนั่งเล่นเฟสบุ๊คอย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาแรงงานสาวปิดเฟสบุ๊คแทบไม่ทัน ‘อุ๊ต๊ะ...จะเห็นเราเล่นเฟสไหม๊เนี่ย เสียชื่อแรงงานไทยหมด’แรงงานสาวนึกในใจแต่ไม่วายคิดเข้าข้างตัวเองว่า เล่นนิดๆหน่อยๆ ถือว่าคลายเครียดคงไม่เป็นไร แล้วจึงหันไปยิ้มสยามโชว์ฟันกระต่ายอย่างเปิดเผย แต่มิทันที่หญิงสาวจะประมวณผล นึกประโยคภาษาอังกฤษเพื่อตอบโต้ได้ (ก็มันไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่เรานี่นา จะพูดทีต้องนึกนิดนึง) เพียงแค่เห็นหน้าชายเจ้าของเสียง โยคเดียวที่เธอนึกออกตอนนี้คือ ซาราเฮโย
ชายหนุ่มผู้ปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต ใบหน้าตรงตามมาตรฐานความหล่อของหนุ่มเกาหลี ตาตี่ จมูกโด่ง ปากบาง หุ่นล่ำบึกแบบสปอร์ทแมน มาในชุดทำงานเรียบหรู ดูดี ที่ใส่เหมือนกันหมดจนนึกว่าเป็นชุดฟอร์ม คือ ผูกไทด์ ใส่เสื้อกั๊ก และใส่สูท จนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ‘ไม่ร้อนเหรอ!?!?’ ซึ่งดูเหมือนว่า คนเกาหลีจะใฝ่หาความร้อนมาก สังเกตจากการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่นี่จะตั้งไว้ที่ 27degC คนไทยอย่างเราๆมา บ่นร้อนกันเป็นแถว แม้ตัวเองจะมาจากประเทศที่ร้อนกว่านี้มากๆก็ตาม เพราะเราเคยชินกับอุณหภูมิการทำงานที่ต่ำกว่า 24degC
เห็นว่าชอบความร้อนแบบนี้...อยากได้สาวไทยหัวใจเร้าร้อน ไปเคียงข้างกายไหมคะ? (อิ อิ)
หลังจากตกตะลึงในความหล่อไป 3 วินาที (ตะลึงนานกว่านี้ไม่ได้...เสียฟอร์ม) ก็ได้ไถ่ถามกันจนรู้เรื่องว่า พ่อหนุ่มรูปหล่อ อยากได้จดหมายตอบกลับจาก OWNER ในเรื่องที่เราส่งคำถามไป เราด้วยความเป็น MAIN CONTRACTOR ที่ดี ก็ต้องรีบกระวีกระวาดหาให้แบบเสียไม่ได้ตามหน้าที่ (จริงๆนะ ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเล้ย...หน้าตาแย่ๆ มาขอ ก็หาให้ ด้วยความสัตย์จริง) แต่มิทันที่จะหาสิ่งที่พ่อรูปงามอยากจะได้ ชายหนุ่มใจร้อนก็หันหลังกลับ เดินหนีไปซะงั้น หรือเห็นหนังหน้าเราแล้ว...คงคิดว่าพึ่งพาไม่ได้ กลับไปหาเองดีกว่า หรือว่าไม่ได้ต้องการจดหมายนั้นจริงๆ หรือแค่อยากชวนคุย...อุ๊บ๊ะ!!! (เข้าทาง)
ชายหนุ่มมิได้หายไปไกล แค่กลับไปนั่งโต๊ะตัวเอง ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกล แค่ข้างหลังเรานั่นเอง....
นอกจากจะดูแลด้าน Project Engineer เหมือนกันแล้ว ยังมาจากสาย Process เช่นเดียวกันอีกต่างหาก พรหมลิขิตรึเปล่านะ นั่งหันหลังให้กันแบบนี้...ไม่รู้ใจจะตรงกันรึเปล่า
เราเลยสะกิดบอกหนุ่มหล่อว่า เดียวถ้าหาเจอ จะส่งเมลไปให้นะ ขออีเมล์ยูหน่อย...ชายหนุ่มรูปงามก็ยิ้มๆ พร้อมกับเอื่อนเอ่ยว่า “You already have my e-mail” เราก็หือ...ทำหน้างงสุดฤทธิ์ คิดในใจว่า ชื่อยู ไอยังไม่รู้จักเลย
ชายหนุ่มปล่อยต่างด้าวสาวงงตาแตก ก่อนหมุนตัวกลับไปคลุกคลิกกับคอมพิวเตอร์ตัวเอง
ตะดึ่ง...สัญญาณเตือนจากคอมพิวเตอร์คู่ใจว่า มีอีเมล์มาจร้า
เมล์จากหนุ่มรูปหล่อคนนั้นแน่ๆ เขียนมาว่านี่คือ อีเมล์ไอนะ ขอบคุณมากที่จะช่วยหาจดหมายให้ ชายหนุ่ม Reply อีเมล์จากอีเมล์เดิมที่เราเคยส่งไปหา Mr. Jxxxx Kim อั๊ยยะ!!! ลองเลื่อนอีเมล์ลงมาอ่านดู...ตรูเคยเขียนอะไรไปหาเขาบ้างนะ
อีเมลฉบับเดิมของเราส่งให้เขา เป็นอีเมล์ตอบกลับจดหมายคำถามที่เขาต้องการให้เราส่งต่อไปยัง OWNER แต่เราไม่ยอมส่งต่อให้เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ จึงส่งกลับไปให้เขาแก้ไขจดหมายมาใหม่ ซึ่งมีข้อความแปลเป็นไทยประมาณว่า
“คำถามที่คุณส่งมาเพื่อให้เราส่งต่อหาลูกค้านั้น เรายังไม่สามารถส่งต่อให้ได้ เนื่องจากคุณได้มีการอ้างอิงถึงข้อมูลในหลายส่วน ซึ่งยังไม่เคยส่งมาอย่างเป็นทางการเลย ดังนั้นคุณควรจะแนบข้อมูลต่างๆ มาในจดหมายด้วย และในฐานะที่คุณเป็น CONSULTRIUM ซึ่งเราคาดหวังว่าคุณจะมีความชำนาญทางด้านนี้ ควรจะนำเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ OWNER ได้ตัดสินด้วย”
อ่านจบก็โล่งอก ว่าไม่ได้หักหาญน้ำใจกันมากมายนัก แต่ก็ไขข้อข้องใจว่า ทำไมชายหนุ่มรูปงามผู้นี้จึงมาคุยกับเรา (ก็นึกว่าเห็นเราหน้าตาดีถึงอยากคุย ที่แท้เพราะอยากเห็นหน้า ต่างด้าวสาวใจกล้าที่อาจหาญไปต่อว่าบริษัทผู้รับเหมาแดนกิมจินี่เอง)
หลังจากวันนั้น คุณคิมและเราก็ได้พูดคุยกันบ้าง ไม่รู้ว่าเนื่องมาจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกัน หรือเพราะเพศที่แตกต่างทำให้มีแรงจูงใจที่จะพูดคุย ซึ่งเป็นอันรู้กันว่า ผู้ชายเกาหลีขึ้นชื่อในเรื่องความ ขี้อ่อย หรือการหว่านเสน่ห์มาก ยิ่งเจอสาวๆ ที่คิดว่าจะหลงเสน่ห์เขาด้วยแล้ว ยิ่งกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของเขาเลยทีเดียว
นอกจากชายหนุ่มจะมีหน้าตาที่สะดุดตา กลิ่นเฉพาะตัวของเขาก็ทำให้เราจำได้แม้ไม่ต้องเงยหน้ามามองก็รู้ว่าเขาเดินผ่าน นั่นคือกลิ่นบุหรี่ที่ประพรหมแทนน้ำหอมจากการสูบอย่างหนัก ซึ่งทุก 2 ชั่วโมง เขาจะหายไปจากโต๊ะพร้อมกลับมากับกลิ่นบุหรี่ที่รุนแรง แม้ว่าเขาจะพยายามกลบกลิ่นด้วยลูกอมหรือหมากฝรั่ง(ที่กลิ่นแย่กว่าบุหรี่มากๆ)แต่ก็ไม่อาจปกปิดได้
2 อย่างที่ชาวออฟฟิตเกาหลีไม่สามารถปิดบังได้เมื่อแอบแว๊บระหว่างทำงาน คือ 1.กลิ่นบุหรี่ และ 2.หน้าแดงก่ำจากอากาศเย็นจัด ที่บอกว่าคนเกาหลีทำงานหนักๆ เขาก็มีเวลาแอบแว๊บนะ สังเกตดีๆ 11โมง บ่าย3 และห้าโมงเย็น จะเป็นช่วงที่หาตัวยากละ ซึ่งอันนี้ก็ว่าเขาไม่ได้เพราะเขาก็ทำงานกันดึกๆ ดื่นๆ ชดเชยแล้ว แต่เพื่อนก็บอกนะว่าบางคนก็ไม่ได้นั่งทำงาน นั่งเล่นเน็ต เล่นโทรศัพท์เฉยๆ ก็มี
แต่เชื่อว่า แม้ว่าวัฒนธรรมที่นี่คือการกลับบ้านดึก แต่เขาคงไม่ได้วัดผลงานคนจากการกลับบ้านดึกเพียงอย่างเดียวหรอก ผลงานต่างหากจะชี้บ่งว่า เขาคนนั้นทำงานจริงหรือไม่ ซึ่งจากการที่เคยทำงานกับวิศวกรจากประเทศใช้ตะเกียบ ก็รู้สึกว่า คนพวกนี้ เขาทำงานกันแบบรู้จริง กันจริงๆ
ดังนั้นอย่าพึ่งท้อถ้าเราเห็นว่า คนในบริษัทเรามัวแต่กินแรง นั่งเล่นเฟส อู้งาน โปรดจงรู้ไว้ว่า คนแบบนี้...ที่ไหนก็มี แต่เราจะทำตัวแบบนั้นหรือเปล่า มันอยู่ที่จิตใต้สำนึก และความรับผิดชอบของเราเอง ซึ่งเราเลือกได้ว่าเราจะเป็นแบบไหน จะเป็นคนที่รู้จริง หรือเพียงแค่อยู่ให้หมดไปวันๆ