วิกฤต สถาบัน ชน สถาบัน มติชน vs ไทยรัฐ

กระทู้สนทนา
สงคราม สถาบัน สถาบัน ศาลรัฐธรรมนูญ กับ "นิติบัญญัติ"  วิเคราะห์  มติชนออนไลน์


เหมือนกับความขัดแย้งระหว่างสมาชิกรัฐสภา 312 คน กับศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่อง
อันดำเนินไปตามวิถีแห่งความเป็นประชาธิปไตย

แต่ที่ไม่ควรมองข้าม คือ กรอบแห่งความขัดแย้ง

หากดำรงอยู่เพียงในทาง "ความคิด" เป็นเพียงวิวาทะอันบ่งชี้ถึงความแตกต่าง
ก็อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ธรรมดาอย่างปกติอันดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตย

กระนั้นความขัดแย้งอันสำแดงออกมาในห้วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มิได้จำกัดเพียง
ในกรอบทางความคิด หากแต่ได้ล่วงเข้าไปในกรอบแห่ง "การเมือง"

เป็นการเมืองของการไม่ยอมรับ

ปริมณฑลทาง "การเมือง" มีจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญกับปริมณฑลทาง "ความคิด"
ตรงที่เมื่อเข้าสู่กรอบทางการเมืองหมายถึง "ปฏิบัติการ"

ปฏิบัติการผ่าน "แถลงการณ์" ปฏิบัติการผ่าน "อารยะขัดขืน"

ท่าทีของประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา ท่าทีของประธานวุฒิสภา
ในฐานะรองประธานรัฐสภานับว่าแจ่มชัด โดยการไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

นี่มิใช่ "เรื่องเล็ก" หากเป็น "เรื่องใหญ่"

พลันที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน สั่งการ
ให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

นั่นเท่ากับทำให้ร่างแก้ไขกลายเป็น "โมฆะ"

แม้จะเป็นการเสนอผ่านกระบวนการอันมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้
แม้จะเป็นการดำเนินการตามระเบียบทั้ง 3 วาระ

นี่เท่ากับเป็นการสไตรก์แบ๊กโดย "ศาลรัฐธรรมนูญ"

ความขัดแย้งนี้มิได้เป็นเรื่องระหว่างสมาชิกรัฐสภาในเชิงปัจเจกภาพ
กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในเชิงปัจเจกภาพ

ตรงกันข้าม ดำเนินไปในลักษณะ "สถาบัน"

นั่นก็คือ สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสถาบันนิติบัญญัติ
กับสถาบันศาลรัฐธรรมนูญ

ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเด่นชัดอย่างยิ่งแล้วว่ายืนอยู่ฝ่ายใด

อาจเป็นเพราะภายในจำนวน 312 สมาชิกรัฐสภา มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย
จำนวนมากที่สุด อาจเป็นเพราะการดำรงอยู่ของประธานรัฐสภาเป็นการ
ดำรงอยู่บนพื้นฐานการสนับสนุนของพรรคเพื่อไทยจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืน

เป็น "ความพร้อม" ในการ "ปะทะ" และขัดแย้ง

การเคลื่อนไหวภายหลังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 สิงหาคม
จึงเป็นการเคลื่อนไหวอันสะท้อนความขัดแย้งใหญ่ที่ดำรงอยู่ภายในสังคมไทย

1 มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย

1 มีทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

ฝ่ายที่เห็นด้วยก็สดุดีความล้ำเลิศของคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
"เสียงข้างมาก" อันมีต่อ "เสียงข้างมาก" อันดำรงอยู่ในรัฐสภา

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็หงุดหงิด ไม่พอใจ

ฝ่ายที่เห็นด้วยก็แสดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการขยายผลของคำวินิจฉัย
ด้วยการนำเรื่องไปยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ถอดถอนประธานรัฐสภา ถอดถอนรองประธานรัฐสภา

บทบาทขององค์กรอิสระอย่าง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ได้แสดงออกมาแล้ว จากนี้
เป็นบทบาทขององค์กรอิสระอย่าง "ป.ป.ช." ว่าจะดำเนินไปอย่างไร

เป็นเรื่องที่ "สังคม" จับตาติดตามอย่างใกล้ชิด

ไม่มีการถามว่าจะใช้หลักกฎหมายใดในการพิจารณาอีกแล้ว หากแต่มีการถามว่า
รากที่มาขององค์กรอิสระเป็นอย่างไร โอนเอียงไปในกลุ่มทางการเมืองใด

"ธง" ของ "คำวินิจฉัย" รู้ๆ กันอยู่

จากนี้จึงเห็นได้ถึงสภาวะแห่งความคลางแคลงใจอันดำรงอยู่ภายในความคิด ภายในการเมือง

เป็นการดำรงอยู่ของความขัดแย้งระหว่าง "เครือข่ายรัฐประหาร" กับ "เครือข่าย"
อันเป็นเหยื่อของรัฐประหารนับแต่เดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา

ทั้งหมดนี้คือ "สงคราม" ระหว่าง 2 "เครือข่าย" ทางการเมือง

หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 3 ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385209958&grpid=01&catid=&subcatid=


วิกฤติกฎหมาย ไทยชนไทย .......วิเคราะห์  ไทยรัฐออนไลน์


ผ่าสถานการณ์อำนาจรัฐ “ขัดขืน” อำนาจตุลาการ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่ามีอำนาจรับเรื่องและพิจารณาคดี

ศาลรัฐธรรมนูญชี้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาสมาชิกวุฒิสภาที่รับรองวาระแรก
ไม่ใช่ร่างเดิม พบมีการแก้ไขหลักการเจตนาปกปิดชัดเจน ดังนั้นเป็นการ
กระทำโดยมิชอบ

การเสียบบัตรแสดงตนแทนกันของ ส.ส. ดูจากหลักฐานที่ฝ่ายผู้ร้องได้รวบรวม
ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 122 ขัดหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่ ส.ส.เคยปฏิญาณไว้
การออกเสียงให้แก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น เป็นการลงคะแนนอย่างทุจริต มิอาจ
ถือว่าเป็นมติที่ชอบของรัฐสภา

<
<
<

“วิกฤตินิติรัฐ” กำลังนำไปสู่สงครามมวลชน ปลุกอารมณ์ม็อบกดดันกัน

ฝ่ายหนึ่งยุให้ประชาชนแนวร่วมกระทำการอารยะขัดขืน ไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาล
ขณะที่ฝ่ายถืออำนาจรัฐก็แสดงอาการแข็งขืนกับอำนาจการวินิจฉัยขององค์กรอิสระ

เงื่อนไขทั้ง 2 ฝ่าย นำไปสู่ภาวะความล่มสลายของรัฐ

และเมื่อบ้านเมืองไม่มีขื่อแป ไร้กฎกติกา ธรรมชาติของสังคมก็ย้อนกลับสู่ยุค
“ป่าเถื่อน” ตัดสินกันด้วยกำลัง ใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกันเพื่อตัดสินปัญหา

สถานการณ์ไหลมาถึงจุดเสี่ยง “ไทยชนไทย”

สุดท้ายก็คนไทยทั้งนั้นที่เป็นเหยื่อ.

http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/384800


ใครวิเคราะห์ได้เจ๋งกว่ากัน  มติชน  เสนอมาก่อน  แถลงการนิติราษฏร์  มองในภาพรวม
แต่ไทยรัฐ  เป็นฉบับวันนี้  หลังแถลงการนิติราษฏร์  ...อ้อ   ไทยรัฐต้องตามไปอ่าน
เต็มๆ จาก link  ด้วยค่ะ  สายๆ  คุณถิ่นทอง  น่าจะมาวิเคราะห์อีกรอบ  
แต่มันเป็นสงครามสถาบันจริงๆ  สถาบันที่มาจากปชช. เสียงข้างมาก   กับสถาบันที่ "?" แต่งตั้ง
และกำลังเป็นตัวแทน เสียงข้างน้อย   ใช่หรือไม่    ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่