คุณเคยเจอใครที่หนาขนาดนี้ไหมคะ!!

กระทู้สนทนา
อัพเดทความเป็นไปนะคะ หลังจากที่นางกลับมาในคืนที่ 8 เราไม่ไหวแล้วค่ะ เราโทรบอกแม่ให้กลับมาจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะ "ดาวจะไม่ทน!!!" คราวนี้ต่างจากคราวก่อน ที่แม่เห็นด้วย แต่จะจัดการด้วยตัวเอง

แม่อนุญาตให้คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะอยู่ที่บ้านเรา เนื่องจากไม่สะดวกใจที่จะให้เค้าอยู่บ้านเราอีกต่อไป แล้วเราก็เชื่อว่าเราได้ทำทุกอย่างที่เราจะสามารถทำให้เพื่อช่วยเค้าแล้ว 8 คืนที่ผ่านมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว แม่ให้ถุงนอนเค้าไปอันนึง ให้เค้าไว้ใช้ เผื่ออยากจะไปเช่าที่พักนอนที่ไหน ให้เสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนอีก 2 ชุด นางเข้าใจและบอกว่าจะเป็นคืนสุดท้าย และนางก็จากไปในบ่ายวันอาทิตย์

และคืนวันนั้นหลังเรากลับจากงานแต่งเพื่อนสวยๆ เราก็เห็นผ้าถุงเปียกผืนเดิมตากอยู่ในห้องน้ำ และ.....นางที่นอนในถุงนอนในห้องเสื้อผ้าของเรา เราปลุกแม่ขึ้นมาถาม แม่บอกว่านางพูดว่า นางขอนอนตรงไหนของบ้านก็ได้ หน้าบ้านก็ได้ นางไม่มีที่ไป

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มันคืออัลไล!!!!!!!


-------------------------------------



พกพาความทึ่งและอึ้งระดับ 10 teenถีบมาเขียนกระทู้ ตั้งแต่เกิดมาจนปูนนี้ก็ไม่เคยพบเคยเจอใครที่เป็นได้ขนาดนี้มาก่อน...

เข้าเรื่องเลยละกันนะคะ ต้องเกริ่นก่อนว่า ครอบครัวเราทำอพาร์ตเม้นให้เช่ามาเป็นสิบๆปีแล้ว ก็จะมีคนมากมายจากทั่วทุกสารทิศ มีเก่าคนแก่ที่อยู่กันมานมนาน รู้จักกันบ้างมาเช่าอาศัยแล้วก็ไป เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ประมาณ 5 ทุ่ม คุณนายแม่ของเราได้พาผู้หญิงคนนึงขึ้นมาบนบ้าน ซึ่งเราไม่รู้จักและไม่คิดว่าจะเกี่ยวดองกันแต่ประการใด แม่เราก็อธิบายว่า เป็นคนที่เคยมาเช่าห้องอยู่ที่อพาร์ทเม้นเรา พอดีขึ้นมาทำธุระกรุงเทพ แล้วหาห้องพักไม่ได้ อยากจะรบกวนค้างสักคืนนึง แล้วพรุ่งนี้จะไปหาห้องเช่า เราก็ อ่อๆ โอเค เรื่องแบบนี้ก็คงจะเกิดกันได้เนาะ แม่เลยให้ยัยผู้หญิงคนนั้นมานอนในห้องน้องชาย ซึ่งติดกับห้องเรา และแชร์ห้องน้ำกับเรา

เราไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนเราไหม.. แต่เราเป็นคนมีโลกส่วนตัว ไม่ชอบแชร์อะไรร่วมกับใคร ถ้าให้เราเรื่องนี้เป็นไทม์ไลน์น่าจะยาวมาก ขอเล่าเป็นช็อตเด็ดคนดังละกันนะคะ

- วันแรกที่นางมาอาศัยอยู่ เราก็พบว่านางไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนเลย ซึ่งผิดวิสัยของคนไปต่างจังหวัด นางดำรงชีวิตอยู่ด้วยเสื้อผ้าของน้องชายที่อยู่ในห้อง และในคืนต่อๆมานางก็ยังใส่เสื้อผ้าของน้องชายเราอยู่ หนักข้อไปกว่านั้น นางเข้าไปในห้องเสื้อผ้าเราแล้วเลือกเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าเรามาใส่โดยไม่ขออนุญาต

- ด้วยความที่เราแชร์ห้องน้ำกัน และเราเป็นคนวางของเป็นระเบียบ ไม่ว่าใครจะหยิบอะไรในห้องน้ำเรา เราจะรู้ และนั่นแหละ... ทำให้เรารู้ว่านางใช้แปรงสีฟันสีพิงค์เชอร์รี่ของเรา กรี๊ดดดดด... เราไม่สามารถทนอมขี้ฟันใครได้จริงๆ ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีแปรงสีฟันสำรอง

- นางอาศัยอยู่ในบ้านเรา กินข้าวบ้านเรา โดยไม่ได้รู้สึกหยี่ระ หรือมีทีท่าว่าจะออกไปหาอพาร์ทเม้นเช่าแต่อย่างใด โดยกิจวัตรประจำวันของนางในวันที่เราอยู่บ้านคือ นอน และกิน และนอน และดูทีวี และนอน ในห้องแอร์อันเย็นฉ่ำ ส่วนในวันที่ไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อเราซึ่งจะออกจากบ้านเป็นคนสุดท้ายต้องรอให้นางตื่นนอน แล้วออกจากบ้านไป เพราะเราไม่สามารถทิ้งเค้าไว้ในบ้านเราได้คนเดียว และแน่นอน 9 โมงเช้า นางยังไม่ตื่นค่ะ

- แน่นอนว่า คนอย่างนาง ตั้งแต่อยู่บ้านเรามา ไม่เคยช่วยหยิบจับอะไรเลย เราไม่ได้ expect ว่า เค้าจะมาทำหน้าที่แม่บ้านให้ แต่แค่รู้สึกว่า อยากเห็นนางแสดงความขอบคุณที่เราให้ข้าว ให้ที่หลับที่นอนที่ดี แค่เอ่ยปากว่า "ให้ช่วยอะไรไหม?" เราก็รู้สึกโอเคแล้ว นอกจากไม่ช่วยแล้ว นางยังเอาเสื้อผ้าที่นางใส่ระหว่างนางอยู่บ้านเรา มาใส่ตะกร้าเสื้อผ้าของเรา ให้เราซัก คุณพระ! /me เอามือทาบอก

- นอกจากความขี้เกียจแล้ว นางยังมีความซกมกเป็นของตัวเอง ด้วยความที่ต้องแชร์ห้องน้ำกัน นางชอบเอาผ้าถุงเปียกๆของนางมาพาดไว้ที่ราวพาดผ้าขนหนูของเรา ซึ่งมันทำให้เราหัวเสีย เพราะ whenever ที่เราเข้าห้องน้ำ มันจะเหม็นอับมาก และก็เป็นเรา ที่ต้องหยิบผ้าถุงนางไปตากที่นอกระเบียงทุกวัน  ซึ่งคอมม่อนเซ้นส์ของคน ถ้าผ้าที่ตากไว้มันไปอยู่ข้างนอก นั่นก็ต้องหมายความว่าในนี้มันตากไม่ได้ แต่นางก็ทำแบบนี้ทุกทุกวัน ตลอดเวลาที่นางอยู่ที่นี่ โดยเราไม่มีโอกาสได้พูดกับนาง เพราะนางมักจะตื่นหลังเราออกจากบ้าน และนอนก่อนเราจะกลับเข้าบ้าน แล้วความซกมกอีกอย่างที่เรารับไม่ได้จริงๆ คือการที่เลือดประจำเดือนของนางหยดลงบนขอบชักโครก... คือชั้นไม่โอเคเข้าใจปะ? ทำไมชั้นต้องมาล้างเลือดเธออยู่บ่อยครั้ง

        เหล่านี้คือพฤติกรรมหลักๆตลอดเวลาที่นางอยู่บ้านเรา หลายคนอาจจะสงสัยทำไมเราไม่พูดกับพ่อแม่ เชื่อเถอะคะ เราพูดแล้ว ช่วงวันที่ 3-4 ที่เค้าอยู่บ้านเรา เราไม่ไหวกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาง เราเลยพูดกับแม่ แต่กลายเป็นว่า เราตีกับแม่ไปซะงั้น

"เค้ากำลังลำบาก ถือว่าทำบุญนะลูก"...

"จุ๊ๆๆ อย่าพูด แล้วบุญที่เราทำเราจะไม่ได้"...

"เลิกพูดซะที เดี๋ยวม่ามี๊คุยเอง"...

"เอ๊ะ เมื่อไหร่จะหยุดเหวี่ยงวีน โตสักที คนเรามีอะไรช่วยกันได้ ก็ช่วยๆกันไป"....

"เค้าขออยู่ต่ออีก 2-3 วันก็จะไปแล้วน่า อย่าโวยวาย สงสารเค้าเถอะลูก เค้าไม่มีที่ไป"

      แม่เรารับปากว่าจะพูดกับเค้าเรื่องที่เราไม่พอใจให้แลกกับการที่เค้าจะขออยู่ต่อในชายคาเดียวกับเรา ((แล้วอะไรคือทฤษฎีที่ว่า "ขอนอนสักคืน แล้วจะไปหาที่พักรายวัน!!)) ซึ่งการพูดคุยทั้งหมดก็ไม่ได้นำพาอะไรเลย นางยังเป็นแบบนั้นทุกอย่าง เหมือนเดิมทุกอย่าง  

แต่หลังจากนั้นแม่เราก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล... เมื่อ deadline ที่นางบอกว่าจะขออยู่มาถึง ในเย็นวันนั้น นางก็กลับมาที่บ้านเรา

นาง:  คือพี่คะ ยังไม่ได้เจอคนที่ต้องไปหาเลย
แม่:  อ้าวว ถ้าจะนานขนาดนี้ ทำไมหนูไม่กลับบ้านก่อน แล้วค่อยมาใหม่ละ
นาง: ยังไงๆ ก็ต้องขออยู่ที่นี่ก่อนแหละค่ะ
.......ยิ้มแล้วสะบัดตูดขึ้นชั้นบนไป ทิ้งให้เจ้าของบ้านทั้งสองคน คือพ่อกับแม่เรานั่งเหวอกับคำตอบของนาง

        เราหงุดหงิดแม่ ว่าทำไมถึงไม่พูดออกไปว่า ไม่ให้นอนแล้ว แม่บอกว่า ตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าจะมาแบบนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะเรียกคุย ให้เค้านอนไปก่อนอีกคืนละกัน แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นค่ะ... แม่เรานั่งรอนางลงมาจนถึงบ่าย 2 ใช่ค่ะ นางตื่นบ่าย 2 เรานั่งหน้าเป็นยักษ์ข้างๆแม่ กลัวแม่จะใจอ่อนอีก แม่อธิบายเหตุผลไปว่า น้องชายอยากได้ห้องคืนแล้ว แล้วคุณก็มาอาศัยบ้านเราเป็นอาทิตย์แล้ว น่าจะหาทางขยับขยายได้ ถ้าขัดสนเรื่องเงินยังไง ก็ค่อยมาคุยกันอีกที ถ้าไม่เสื้อผ้าไว้เปลี่ยน พี่จะเอาวางไปให้สักสองชุดนะ (แหนะ ยังจะใจดีอีก) นางก็รับคำ ค่ะค่ะ เข้าใจค่ะ และขอบคุณในความเมตตาของแม่ แล้วนางก็ไปค่ะ

         เราโล่งใจมากอย่างบอกไม่ถูก.... เหมือนจะจบแต่ยังไม่จบค่ะ

          เย็นวันนี้ ขณะที่นั่งกระทิกนิ้วเท้าแทะสะโพกไก่เคเอฟซีสูตรกรอบฮอตแอนด์สไปซี่กับน้องชายของเรา นางเดินเข้ามาในบ้าน แล้วพูดว่า

นาง - "คืนนี้ขอนอนอีกคืนนะ หาที่นอนไม่ได้เลย ไม่มีคนรู้จักด้วย นะ..นะ..นะ"

เรากับน้องมองหน้ากันแบบเหวอๆ

น้อง- "ขอถามม่ามี๊ก่อนนะครับ ว่านอนได้ไหม"

นาง- "นะ นะ นะ บอกให้หน่อยละกัน นอนโซฟาข้างล่างนี่ก็ได้"

เรากับน้องเหวอกำลัง 2

เรา- "จะนอนได้ยังไง ยังไงก็ต้องถามม่ามี๊ก่อน"

นาง- "นะ บอกให้หน่อยละกัน ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่ลงมานอนข้างล่างนี่"

แล้วนางก็เดินขึ้นไปชั้นบน ราวกับนางเป็นเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่มาตลอดชีวิตของนาง....


"เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...... เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนแบบนี้หวะ" เราอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง

"เออหวะ เป็นญาติฝั่งไหนกับเราปะเนี๊ยะะ" น้องเราพูดกลั้วหัวเราะ



ซึ่งในขณะที่เรากำลังพิมพ์กระทู้อยู่นี่ นางกำลังอาบน้ำในบ้านของเราเป็นคืนที่ 8 โดยอุปกรณ์ทุกๆชิ้นของเรา และแน่นอน แปรงสีฟันของเรา และโคตรแน่นอนกว่า คือใส่เสื้อผ้าของน้องชายเรา


ขอโทษที่เขียนซะยาวยืด เราก็ไม่รู้ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เราออกตัวแรงไปไหม ไร้น้ำใจกับเพื่อนมนุษย์เกินไปหรือป่าว แต่เราแค่เป็นคนคนนึงที่มีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่นเข้ามา บ้านมันควรจะเป็นที่ที่เราพักผ่อนหย่อนใจกับคนที่เรารัก... มิใช่ใครก็ตามที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า และที่สำคัญใครก็ตามที่ไม่มีความเกรงใจอะไรเลย  

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...1. ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี และ
                         2. จงเตรียมแปรงสีฟันสำรองเอาไว้เสมอ

      
        
ป.ล #ปัญหาชีวิต เพราะมันคือปัญหาค่ะ ไม่รู้จะจัดการยังไงกับคนคนนี้ดี
      #ทำบุญ คืออยากรู้ว่า นี่มันคือการทำบุญหรือป่าว แล้วถ้าเรารู้สึกแบบนี้ บุญที่เราทำจะหายไปไหม แบบที่แม่ว่าเรา
      #เรื่องเล่าสยองขวัญ เพราะสยองมากค่ะ ถ้ามาเห็นหยดเลือด ราวกับซีนฆาตกรรมบนขอบชักโครกและชักโครกโดยรอบ

ป.ล 2 เรื่องเล่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้เสริมเติมแต่งเพื่อให้ยัยผู้อาศัยน่ารังเกียจไปมากกว่าที่เค้าเป็นอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่