เมื่อวานผมเพิ่งเห็นข้อมูลของดีแมคซ์รุ่นใหม่ ผมต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นนักการตลาดหรือจบการตลาดมาเลย แต่ในฐานะแฟนคลับของรถอีซูซุ ที่บ้านใช้มาก็หลายคันอยู่ ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นได้ก็คือจะต้องตกรุ่นทุกปีซึ่งเป็นมาตั้งแต่มังกรทอง ดรากอนอายส์ ดรากอนเพาเวอร์ ดีแมคซ์ดีไอ ดีแมคซ์ดีดีไอคอมมอนเรล จวบจนรุ่นใหม่ของโลก โกลด์ซีรีส์ แพลทตินัม ซุปเปอร์แพลทตินัม,ไททาเนียม เอกซ์ซีรีส์ ออลนิวดีแมคซ์


ซึ่งการที่ออกรุ่นใหม่ของอีซูซุในไทยนี้ ผมว่าเป็นเทคนิคการทำตลาดแบบขั้นเทพจิงๆ เพราะการออกรุ่นใหม่มานั้น สามารถทำให้ตัวรถดูสดใหม่เสมอทำให้ลูกค้าสนใจออกมาดูเพิ่มขึ้นว่ามีอะไรใหม่ๆบ้างซึ่งเป้นการกระตุ้นยอดขายไปด้วยในตัว โดยยังเป็นข้ออ้างที่สามารถอัพราคาเพื่อขายแพงขึ้นโดยไม่ต้องออกโปรลดแรกแจกแถมให้มากมายในการกระตุ้นยอดขาย แถมยังเหลือกำไรต่อคันเพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ว่าเค้าไม่ได้หรอกเพราะเค้าให้อุปกรณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งก้นับว่าเป้นผลดีเพราะอุปกรณ์บางอย่างรถเก๋งแพงๆยังไม่มีเลย ยกตัวอย่างง่ายๆก็ไฟเดย์ไลท์ซึ่งมีให้มาตั้งแต่รุ่นLรถเก๋งD segmentบางคันยังไม่มีเลย แม้ว่าตอนนี้อีซูซุจะไม่ได้เป้นแชมป์ยอดขายกระบะก็ตามแต่ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อีซูซุนั้นย่ำแย่ลงเพราะการดัมพ์ราคา ออกโปรแรงๆอย่างที่โตโยต้าทำอยู่สามารถทำให้ขายดีขึ้นจิง แต่ว่ากำไรต่อคันนั้นลดลง ทำให้ต้องลดคุณภาพวัสดุและงานบริการเพื่อให้ได้กำไรต่อคันเท่าเดิม แต่อีซูซุขายแพงลดแลกแจกแถมเหมือนยี่ห้ออื่นไม่มีขนาดผมลูกค้าเก่ายังส่งข้อความมาว่าลดราคาดีแมคซ์รุ่นใหม่ก็แค่5000เอง ขนาดแอร์ยังคิดเพิ่มกับตัวรถอีกต่างหาก แต่เค้าเอากำไรพวกนี้มาพัฒนาการบริการหลังการขายแทนผมว่ามันก้เป็นผลดีสำหรับลูกค้าอย่างยิ่งเคลมอะไรก็ง่ายซึ่งก็ได้ใจลูกค้าเก่าไปเต็มๆเช่นกัน


หลักการทำตลาดแบบนี้เราจะพบได้ในรถ อย่าง porsche lamborghini miniที่ออกรุ่นใหม่ทุกปีเช่นกันแล้วก็ฺอัพอุปกรณ์อัพราคากันไปเรื่อยๆที่พูดมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้ว่าหรือชมอีซูซุนะแค่พูดไปตามเนื้อผ้าสิ่งที่เป็นอยู่


ขอสรุปเลยละกันครับ ว่าการทำตลาดแบบนี้นี่แหละจะทำให้อีซูซุเป้นเจ้าตลาดรถกระบะไปอีกนานแสนนาน ส่วนพีพีวีคงต้องคอยติดตามชมกันต่อไป