รบกวนสอบถามด้วยค่ะ ขออนุญาตเล่าเรื่องให้ฟังก่อนนะคะ
ดิฉันได้ทำสัญญาซื้อรถยนต์คันนึง เป็นรถมือสอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 130,000-160,000 [ไม่ค่อยมั่นใจ]
ตัวดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ เลยให้นาย ก ติดต่อทำเรื่องให้ เพราะนาย ก เป็นพี่เขยของแฟนน่ะค่ะ เลยค่อนข้างสนิทกัน
นาย ก พาไปซื้อรถที่เต็นท์มือสองของเพื่อนเขา แล้วพอดาวน์มาขับแล้ว รถมีปัญหาบ่อยมาก ซ่อมตลอด แล้วดิฉันก็กำลังจะเลิกกับแฟน
จึงบอกนาย ก ว่าจะขายรถคืน เพราะไม่อยากได้แล้ว ปัญหามันเยอะ นาย ก เลยบอกว่าเขาจะขอซื้อต่อและส่งเงินต่อจากดิฉันเอง
ด้วยความเชื่อใจ ดิฉันก็เลยรับเงินจากเขามา 2 หมื่นกว่าบาท[เงินดาวน์หักลบค่าใช้งาน]
และไม่ได้ทำสัญญาอะไรกัน ช่วง 2-3 เดือนแรกเขาก็ส่งปกติ
แต่หลังจากนั้นเริ่มมีปัญหาไม่ส่งค่ารถ หนีหายไปบ้าง ไม่รับโทรศัพท์บ้าง จนทางไทยพานิชย์โทร.มาแจ้งว่าค้าง 3 งวด
และจะยึดรถ ดิฉันติดต่อนาย ก อยู่นาน เขาก็บ่ายเบี่ยงตลอด จนในที่สุดยอมเอารถมาคืนให้กับคนที่มายึด
หลังจากนั้นเรื่องเงียบหายไป ประมาณ 5-6 เดือน ก็มี จดหมายมาที่บ้านค่ะ แจ้งว่า
"ธนาคารได้ติดตามนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อกลับคืนมาและขายไป ปรากฏว่ายังขาดไม่ครบตามราคาเช่าซื้ออีก 78,822.43 บาท
นอกจากนี้ธนาคารต้องเสียหายขาดประโยชน์จากการให้เช่าทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างการครอบครองโดยมิชอบเป็นเงิน
19,200 บาท และค่าใช้จ่ายในการติดตาม 13,000 บาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม - บาท รวมเป็นเงินที่ธนาคารได้รับความเสียหาย
ทั้งสิ้น 112,539.98 บาท ซึ่งท่านจะต้องร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ให้กับธนาคาร"
ปัญหาคือ ชื่อรถเป็นของแม่ดิฉัน [แม่ไม่เคยขับรถ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย] และ ดิฉันเป็นผู้ค้ำประกัน
คำถามคือ
1. ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี กับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
2. ถ้าปล่อยเรื่องไว้เฉยๆ จะมีผลอย่างไรกับดิฉันและแม่ของดิฉันบ้าง
3. ถ้าต้องติดต่อขอผ่อนชำระ เขาจะคิดอย่างไร หรือต้องชำระเป็นเงินก้อน [ดิฉันไม่มีแน่นอนค่ะ]
4. สำหรับนาย ก ดิฉันจะสามารถดำเินินเรื่องอะไรกับเขาได้บ้าง ตอนนี้รู้สึกเกลียดและโมโหเขามากๆ
รบกวนขอผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายหรือมีประสบการณ์ช่วยตอบคำถามและให้รู้กับดิฉันด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากๆค่ะ
ปัญหาหลังจากโดนยึดรถ ใครพอจะให้ข้อมูลช่วยเหลือได้บ้างคะ ?
ดิฉันได้ทำสัญญาซื้อรถยนต์คันนึง เป็นรถมือสอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 130,000-160,000 [ไม่ค่อยมั่นใจ]
ตัวดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ เลยให้นาย ก ติดต่อทำเรื่องให้ เพราะนาย ก เป็นพี่เขยของแฟนน่ะค่ะ เลยค่อนข้างสนิทกัน
นาย ก พาไปซื้อรถที่เต็นท์มือสองของเพื่อนเขา แล้วพอดาวน์มาขับแล้ว รถมีปัญหาบ่อยมาก ซ่อมตลอด แล้วดิฉันก็กำลังจะเลิกกับแฟน
จึงบอกนาย ก ว่าจะขายรถคืน เพราะไม่อยากได้แล้ว ปัญหามันเยอะ นาย ก เลยบอกว่าเขาจะขอซื้อต่อและส่งเงินต่อจากดิฉันเอง
ด้วยความเชื่อใจ ดิฉันก็เลยรับเงินจากเขามา 2 หมื่นกว่าบาท[เงินดาวน์หักลบค่าใช้งาน]
และไม่ได้ทำสัญญาอะไรกัน ช่วง 2-3 เดือนแรกเขาก็ส่งปกติ
แต่หลังจากนั้นเริ่มมีปัญหาไม่ส่งค่ารถ หนีหายไปบ้าง ไม่รับโทรศัพท์บ้าง จนทางไทยพานิชย์โทร.มาแจ้งว่าค้าง 3 งวด
และจะยึดรถ ดิฉันติดต่อนาย ก อยู่นาน เขาก็บ่ายเบี่ยงตลอด จนในที่สุดยอมเอารถมาคืนให้กับคนที่มายึด
หลังจากนั้นเรื่องเงียบหายไป ประมาณ 5-6 เดือน ก็มี จดหมายมาที่บ้านค่ะ แจ้งว่า
"ธนาคารได้ติดตามนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อกลับคืนมาและขายไป ปรากฏว่ายังขาดไม่ครบตามราคาเช่าซื้ออีก 78,822.43 บาท
นอกจากนี้ธนาคารต้องเสียหายขาดประโยชน์จากการให้เช่าทรัพย์สินที่เช่าซื้อในระหว่างการครอบครองโดยมิชอบเป็นเงิน
19,200 บาท และค่าใช้จ่ายในการติดตาม 13,000 บาท และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม - บาท รวมเป็นเงินที่ธนาคารได้รับความเสียหาย
ทั้งสิ้น 112,539.98 บาท ซึ่งท่านจะต้องร่วมกันรับผิดชอบชดใช้ให้กับธนาคาร"
ปัญหาคือ ชื่อรถเป็นของแม่ดิฉัน [แม่ไม่เคยขับรถ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย] และ ดิฉันเป็นผู้ค้ำประกัน
คำถามคือ
1. ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี กับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
2. ถ้าปล่อยเรื่องไว้เฉยๆ จะมีผลอย่างไรกับดิฉันและแม่ของดิฉันบ้าง
3. ถ้าต้องติดต่อขอผ่อนชำระ เขาจะคิดอย่างไร หรือต้องชำระเป็นเงินก้อน [ดิฉันไม่มีแน่นอนค่ะ]
4. สำหรับนาย ก ดิฉันจะสามารถดำเินินเรื่องอะไรกับเขาได้บ้าง ตอนนี้รู้สึกเกลียดและโมโหเขามากๆ
รบกวนขอผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายหรือมีประสบการณ์ช่วยตอบคำถามและให้รู้กับดิฉันด้วยนะคะ
ขอบพระคุณมากๆค่ะ