- ปี 2539 ดิฉันกับสามีมีลูกกันสองคน ได้กู้เงินซื้อบ้านร่วมกันโดยผ่อนกับทาง ธนาคารA โดยมีปัญหาเรื่องการส่งมาตลอด (ส่งประมาณเดือนละ 15,000 บาท)
- ซึ่งก็ได้มีปัญหาเรื่องการส่งมาจนถึงปี 2550 ทางกรมบังคับคดีได้เข้ามายึดบ้านแล้วขายทอดตลาด ซึ่งได้ขายบ้านให้กับคนอื่นในราคา 1,500,000 บาท และขาดทุนไปประมาณ 350,000 บาท
- ผู้ที่ซื้อบ้านไป ได้ขายต่อกลับมาให้ดิฉันในราคา 1,800,000 บาท
- ดิฉันได้ซื้อกลับมา(เนื่องจากไม่ต้องการจะย้ายที่อยู่ไปที่อื่น) โดยใช้สวัสดิการที่ทำงาน ผ่านธนาคารB ด้วยชื่อดิฉันเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนั้น ธนาคารA ยังขาดทุนอยู่ 350,000 บาท ซึ่งทางดิฉันกับสามีก็ต้องมารับภาระชำระหนี้ก้อนนี้ต่อ
- ได้มีการตกลงกันภายในครอบครัวว่าทางฝ่ายชายจะผ่อนชำระหนี้กับทางธนาคารA โดยดิฉันจะมีหน้าที่ผ่อนบ้านกับธนาคารBเอง แต่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมผ่อนกับธนาคารA ส่วนทางดิฉันได้ผ่อนบ้านกับธนาคารB อย่างดีมาตลอด (ซึ่งดิฉันก็ได้เข้าใจไปว่าทางสามีได้ผ่อนกับทางธนาคารA ตามปรกติ และพึ่งจะมาทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ทางฝ่ายชายได้มีการขอประนอมหนี้ก่อนจะโดนฟ้องล้มละลายเนื่องจากฝ่ายชายยังคงมีปัญหาเรื่องการผ่อนชำระ)
- จนกระทั่งในปี 2556 กรมบังคับคดีฟ้องล้มละลายด้วยเงินจำนวน 3,849,998 บาท
- ซึ่งดิฉันเองพึ่งจะมาทราบเรื่องก็ตอนที่โดนอายัดเงินเดือนบางส่วนและโอทีทั้งหมด และ กรมบังคับคดีแจ้งว่า ถ้าโบนัสออกมาก็จะโดนยึด 100%
(เงินเดือนรวมโอที 62,515 บาท ถูกตัดเหลือให้ ดิฉันไว้ใช้จ่ายแค่ 25,000 บาท ต่อเดือน)
- ดิฉันจึงได้ติดต่อธนาคารA เพื่อขอประนอมหนี้หลังจากทราบเรื่องทั้งหมดและได้หย่าขาดจากฝ่ายชายแล้ว โดยได้เสนอทางธนาคารA ว่าจะขอจ่ายเงิน 350,000 บาท และจะตกลงเรื่องผ่อนชำระต่อ
- แต่คณะกรรมการของธนาคารA ไม่ยอมให้ผ่าน และทางธนาคารได้ให้ดิฉันนำสลิปเงินเดือนปัจจุบันและ ใบเสร็จรับเงินของธนาคารB และโฉนดที่ดินของบ้านที่ซื้อกับธนาคารB fax ไปให้ ซึ่งหลังจากนั้นทางธนาคารA ก็ได้มีการขอเพิ่มเงินในการชำระ กลายมาเป็น 460,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ
- โดยล่าสุดธนาคารA แจ้งว่า ถ้าจ่ายเป็น 600,000 ก็น่าจะผ่านและจะยอมถอนเรื่องจากกรมบังคับคดีให้ ซึ่งดิฉันยังไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่เพราะเมื่อทางดิฉันตกลงว่าจะจ่ายให้ตามที่ขอมาเท่าไหร่ ทางธนาคารA ก็จะมีการขอให้จ่ายเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยดิฉันก็พยายามหาทางหยิบยืมจากคนรู้จักด้วยความยากลำบาก (ซึ่งทางธนาคารA ย้ำอีกว่า สามารถผ่อนได้ แต่ควรจะจ่ายเงินต้นมาก่อน 350,000 จะได้ทำให้บัญชีมันเดินดี และเพื่อให้คณะกรรมการเห็นใจในการพิจารณาต่อแต่ก็ยังไม่มีอะไรมาค้ำประกัน)
ตอนนี้ดิฉันเดือดร้อนมากเนื่องจากว่าต้องส่งบ้านกับทางธนาคารB และต้องส่งเสียลูกที่กำลังเรียนหนังสืออยู่อีกสองคน แต่ทางธนาคารA ก็ไม่เห็นใจ ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี รบกวนทุกท่านช่วยแนะนำหน่อยนะคะ
คนรู้จักกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายน่าสงสารมากครับเพราะต้องเลี้ยงลูกสองคนด้วยตัวคนเดียว ผมรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
- ซึ่งก็ได้มีปัญหาเรื่องการส่งมาจนถึงปี 2550 ทางกรมบังคับคดีได้เข้ามายึดบ้านแล้วขายทอดตลาด ซึ่งได้ขายบ้านให้กับคนอื่นในราคา 1,500,000 บาท และขาดทุนไปประมาณ 350,000 บาท
- ผู้ที่ซื้อบ้านไป ได้ขายต่อกลับมาให้ดิฉันในราคา 1,800,000 บาท
- ดิฉันได้ซื้อกลับมา(เนื่องจากไม่ต้องการจะย้ายที่อยู่ไปที่อื่น) โดยใช้สวัสดิการที่ทำงาน ผ่านธนาคารB ด้วยชื่อดิฉันเพียงคนเดียว ซึ่งตอนนั้น ธนาคารA ยังขาดทุนอยู่ 350,000 บาท ซึ่งทางดิฉันกับสามีก็ต้องมารับภาระชำระหนี้ก้อนนี้ต่อ
- ได้มีการตกลงกันภายในครอบครัวว่าทางฝ่ายชายจะผ่อนชำระหนี้กับทางธนาคารA โดยดิฉันจะมีหน้าที่ผ่อนบ้านกับธนาคารBเอง แต่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมผ่อนกับธนาคารA ส่วนทางดิฉันได้ผ่อนบ้านกับธนาคารB อย่างดีมาตลอด (ซึ่งดิฉันก็ได้เข้าใจไปว่าทางสามีได้ผ่อนกับทางธนาคารA ตามปรกติ และพึ่งจะมาทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ทางฝ่ายชายได้มีการขอประนอมหนี้ก่อนจะโดนฟ้องล้มละลายเนื่องจากฝ่ายชายยังคงมีปัญหาเรื่องการผ่อนชำระ)
- จนกระทั่งในปี 2556 กรมบังคับคดีฟ้องล้มละลายด้วยเงินจำนวน 3,849,998 บาท
- ซึ่งดิฉันเองพึ่งจะมาทราบเรื่องก็ตอนที่โดนอายัดเงินเดือนบางส่วนและโอทีทั้งหมด และ กรมบังคับคดีแจ้งว่า ถ้าโบนัสออกมาก็จะโดนยึด 100%
(เงินเดือนรวมโอที 62,515 บาท ถูกตัดเหลือให้ ดิฉันไว้ใช้จ่ายแค่ 25,000 บาท ต่อเดือน)
- ดิฉันจึงได้ติดต่อธนาคารA เพื่อขอประนอมหนี้หลังจากทราบเรื่องทั้งหมดและได้หย่าขาดจากฝ่ายชายแล้ว โดยได้เสนอทางธนาคารA ว่าจะขอจ่ายเงิน 350,000 บาท และจะตกลงเรื่องผ่อนชำระต่อ
- แต่คณะกรรมการของธนาคารA ไม่ยอมให้ผ่าน และทางธนาคารได้ให้ดิฉันนำสลิปเงินเดือนปัจจุบันและ ใบเสร็จรับเงินของธนาคารB และโฉนดที่ดินของบ้านที่ซื้อกับธนาคารB fax ไปให้ ซึ่งหลังจากนั้นทางธนาคารA ก็ได้มีการขอเพิ่มเงินในการชำระ กลายมาเป็น 460,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ
- โดยล่าสุดธนาคารA แจ้งว่า ถ้าจ่ายเป็น 600,000 ก็น่าจะผ่านและจะยอมถอนเรื่องจากกรมบังคับคดีให้ ซึ่งดิฉันยังไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่เพราะเมื่อทางดิฉันตกลงว่าจะจ่ายให้ตามที่ขอมาเท่าไหร่ ทางธนาคารA ก็จะมีการขอให้จ่ายเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยดิฉันก็พยายามหาทางหยิบยืมจากคนรู้จักด้วยความยากลำบาก (ซึ่งทางธนาคารA ย้ำอีกว่า สามารถผ่อนได้ แต่ควรจะจ่ายเงินต้นมาก่อน 350,000 จะได้ทำให้บัญชีมันเดินดี และเพื่อให้คณะกรรมการเห็นใจในการพิจารณาต่อแต่ก็ยังไม่มีอะไรมาค้ำประกัน)
ตอนนี้ดิฉันเดือดร้อนมากเนื่องจากว่าต้องส่งบ้านกับทางธนาคารB และต้องส่งเสียลูกที่กำลังเรียนหนังสืออยู่อีกสองคน แต่ทางธนาคารA ก็ไม่เห็นใจ ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี รบกวนทุกท่านช่วยแนะนำหน่อยนะคะ