เรื่องเล่าเช้านี้ 21 พฤศจิกายน 2556 หาอ่านได้จากเวปสนุก ไม่อยากให้พี่น้องพบกับการศูนย์เสียไม่ว่าฝ่ายใด ลองค้นหาความจริงดูว่าจริงหรือเปล่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงแน่นอน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้นำนายเต้ย จักรราช อายุ 23 ปี อาชีพ อาสาสมัครทหารพราน สังกัด กรมทหารพราน 42 มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีกระแสข่าวมีการเตรียมขนอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายสุภรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้ประสานงานได้ทำหนังสือลับที่สุดรายงานไปยังนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ รวมทั้งรายงานให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เรียบร้อยแล้ว โดยขอให้นำเรื่องดังกล่าวประสานไปยังกองทัพด้วย ยืนยันว่าตนไม่ได้สร้างเรื่องและกรุข่าว แต่เป็นเรื่องที่เรามีพยานบุคคลและมีข้อมูลจึงต้องนำมาเปิดเผย และหลังจากประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็เป็นภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการหาข้อมูล และสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
นายสุภรณ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ตนนำออกมาเปิดเผยเป็นการสะท้อนให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล้าที่จะออกมายอมรับความจริง และกล้าพูดความจริงว่าให้กลุ่มนายทุนพ่อค้าสวนปาล์ม จ.ตรัง เข้าไปประชุมที่กรมทหารพราน 42 จริงหรือไม่ และได้มีการสั่งการเตรียมอาวุธสไนเปอร์เพื่อขนให้นายหัวเทพตามที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ รวมถึงมีการขนอาวุธขึ้นมาเพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ชุมนุมหรือไม่
ด้านนายเต้ย กล่าวยืนยันว่าอาวุธปืนที่พบเห็นในกล่องไฟเบอร์จำนวน 7 กล่อง เป็นอาวุธสไนเปอร์ รุ่น Chey Tac M 200 จริง โดยมีการขนใส่ลังมาอย่างละ 1 กระบอก ขนาดประมาณ 1.5-2 เมตร ซึ่งขณะที่ขนกล่องไฟเบอร์มีการห้ามนำโทรศัพท์เข้าไป พร้อมกับถอดซิมการ์ดออกด้วย ทั้งนี้ ในห้องประชุมมีชาย 7 คน เป็นข้าราชการ 4 คนแต่งชุดเครื่องแบบทหาร 2 คน ยศพันตรี และอีก 3 คนเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลทั้ง 4 คน พูดคุยโดยใช้ภาษาใต้ระบุถึงการขนอาวุธขึ้นมาให้นายหัว ส่วนขั้นตอนการขนออกมานั้นตนไม่เห็น และหลังจากอาวุธถูกขนออกมาจากห้องประชุม ตนก็ได้ถูกชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักซ้อมในห้องประชุมและเตะที่บริเวณชายโครง 3 ที ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง ไม่มีใครจ้างวานมา ตนทำเพื่อประเทศชาติ เพราะตนไม่อยากเห็นใครตาย จึงยอมเสี่ยงหนีออกมา และมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้การรักษาความปลอดภัยตนได้
ทุกท่านที่เข้าร่วมชุมนุมโปรดระวัง สุเทพ’ สั่งขนสไนเปอร์เข้ากรุง ข่าวด่วนจากช่อง 3
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้นำนายเต้ย จักรราช อายุ 23 ปี อาชีพ อาสาสมัครทหารพราน สังกัด กรมทหารพราน 42 มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีกระแสข่าวมีการเตรียมขนอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายสุภรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนในฐานะผู้ประสานงานได้ทำหนังสือลับที่สุดรายงานไปยังนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ รวมทั้งรายงานให้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เรียบร้อยแล้ว โดยขอให้นำเรื่องดังกล่าวประสานไปยังกองทัพด้วย ยืนยันว่าตนไม่ได้สร้างเรื่องและกรุข่าว แต่เป็นเรื่องที่เรามีพยานบุคคลและมีข้อมูลจึงต้องนำมาเปิดเผย และหลังจากประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็เป็นภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการหาข้อมูล และสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
นายสุภรณ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่ตนนำออกมาเปิดเผยเป็นการสะท้อนให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล้าที่จะออกมายอมรับความจริง และกล้าพูดความจริงว่าให้กลุ่มนายทุนพ่อค้าสวนปาล์ม จ.ตรัง เข้าไปประชุมที่กรมทหารพราน 42 จริงหรือไม่ และได้มีการสั่งการเตรียมอาวุธสไนเปอร์เพื่อขนให้นายหัวเทพตามที่กล่าวมาแล้วหรือไม่ รวมถึงมีการขนอาวุธขึ้นมาเพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ชุมนุมหรือไม่
ด้านนายเต้ย กล่าวยืนยันว่าอาวุธปืนที่พบเห็นในกล่องไฟเบอร์จำนวน 7 กล่อง เป็นอาวุธสไนเปอร์ รุ่น Chey Tac M 200 จริง โดยมีการขนใส่ลังมาอย่างละ 1 กระบอก ขนาดประมาณ 1.5-2 เมตร ซึ่งขณะที่ขนกล่องไฟเบอร์มีการห้ามนำโทรศัพท์เข้าไป พร้อมกับถอดซิมการ์ดออกด้วย ทั้งนี้ ในห้องประชุมมีชาย 7 คน เป็นข้าราชการ 4 คนแต่งชุดเครื่องแบบทหาร 2 คน ยศพันตรี และอีก 3 คนเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลทั้ง 4 คน พูดคุยโดยใช้ภาษาใต้ระบุถึงการขนอาวุธขึ้นมาให้นายหัว ส่วนขั้นตอนการขนออกมานั้นตนไม่เห็น และหลังจากอาวุธถูกขนออกมาจากห้องประชุม ตนก็ได้ถูกชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักซ้อมในห้องประชุมและเตะที่บริเวณชายโครง 3 ที ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง ไม่มีใครจ้างวานมา ตนทำเพื่อประเทศชาติ เพราะตนไม่อยากเห็นใครตาย จึงยอมเสี่ยงหนีออกมา และมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้การรักษาความปลอดภัยตนได้