โบรกฯขี่หลัง 'กระทิง'ปรับเป้าหุ้นไทย 1,700 จุด
การปรับตัวร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯทะยานขึ้นไปที่ระดับ 1,500 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย หรือโวลุ่มเทรดบางวันหนาแน่นถึงกว่า 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ยอมรับว่ามูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น มาจากนักลงทุนในประเทศที่หันไปลงทุนในหุ้นนอกSET100 ซึ่งมีอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ที่สูงมาก ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายค่ายได้ปรับคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 2556 ว่าจุดสูงสุดจะอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด หรือปรับขึ้นอีก 150-250 จุด
โดยนายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้โดยคาดว่าจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น 5 เท่า จากมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป,ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด
สำหรับปัจจัยบวกในประเทศที่หนุนหุ้นไทย คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล อาทิ มาตรการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกว่า 2.3 ล้านล้านบาท โดยหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พร้อมทั้งยังคงให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
เช่นเดียวกับนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดตราสารทุน บล.ภัทรฯ กล่าวเช่นเดียวกันว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ขึ้นเป็น 1,700 จุด จากเป้าเดิมที่ประเมินไว้ช่วงเดือนตุลาคม 2555 ที่คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นสูงสุดที่ 1,500 จุด ทั้งนี้เนื่องจากดัชนีได้ปรับขึ้นมาถึงเป้าหมายเดิมแล้ว
อย่างไรก็ตามเป้าหมายใหม่ที่ 1,700 จุด จะไปได้ถึงหรือไม่ นายอนุวัฒน์กล่าวว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือการคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะขยายตัวได้ 15-17% และมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ต้องเห็นความคืบหน้าออกมาในปีนี้ หลังเห็นความชัดเจนในการอนุมัติงบประมาณ และระยะเวลาในการเบิกจ่าย
นอกจากนี้ปัจจัยเศรษฐกิจโลกต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นลบจากแนวโน้มปัจจุบันที่ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ถดถอยแล้วและเริ่มฟื้นตัว ส่วนเศรษฐกิจยุโรปเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนจะล้มละลายหรือวิกฤติหนักไปกว่านี้
มุมมองของนักลงทุนสถาบัน นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ยูโอบี (ไทย)ฯ กล่าวว่า กลุ่มยูโอบียังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จีน และมาเลเซียมากกว่าตลาด สำหรับตลาดหุ้นไทย ปีนี้คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 17% ดังนั้นน่าจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไปที่ระดับพี/อี ประมาณ 15 เท่า ได้เช่นกัน โดยมีกรอบการแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1,400 - 1,600 จุด
ปิดท้ายที่พี่ใหญ่ของวงการตลาดหุ้น นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ ย้ำว่าขณะนี้หุ้นไทยยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่
ที่มา
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=169214:--1700-&catid=104:-financial-&Itemid=443
ย้อนกลับไปดูตอนต้นปีกัน โบรกตั้งเป้าไว้กี่จุด
การปรับตัวร้อนแรงของตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯทะยานขึ้นไปที่ระดับ 1,500 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย หรือโวลุ่มเทรดบางวันหนาแน่นถึงกว่า 7 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ยอมรับว่ามูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น มาจากนักลงทุนในประเทศที่หันไปลงทุนในหุ้นนอกSET100 ซึ่งมีอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ที่สูงมาก ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายค่ายได้ปรับคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 2556 ว่าจุดสูงสุดจะอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด หรือปรับขึ้นอีก 150-250 จุด
โดยนายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้โดยคาดว่าจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,700 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น 5 เท่า จากมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป,ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด
สำหรับปัจจัยบวกในประเทศที่หนุนหุ้นไทย คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล อาทิ มาตรการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกว่า 2.3 ล้านล้านบาท โดยหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พร้อมทั้งยังคงให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรป ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
เช่นเดียวกับนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดตราสารทุน บล.ภัทรฯ กล่าวเช่นเดียวกันว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ขึ้นเป็น 1,700 จุด จากเป้าเดิมที่ประเมินไว้ช่วงเดือนตุลาคม 2555 ที่คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นสูงสุดที่ 1,500 จุด ทั้งนี้เนื่องจากดัชนีได้ปรับขึ้นมาถึงเป้าหมายเดิมแล้ว
อย่างไรก็ตามเป้าหมายใหม่ที่ 1,700 จุด จะไปได้ถึงหรือไม่ นายอนุวัฒน์กล่าวว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือการคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะขยายตัวได้ 15-17% และมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ต้องเห็นความคืบหน้าออกมาในปีนี้ หลังเห็นความชัดเจนในการอนุมัติงบประมาณ และระยะเวลาในการเบิกจ่าย
นอกจากนี้ปัจจัยเศรษฐกิจโลกต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นลบจากแนวโน้มปัจจุบันที่ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ถดถอยแล้วและเริ่มฟื้นตัว ส่วนเศรษฐกิจยุโรปเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนจะล้มละลายหรือวิกฤติหนักไปกว่านี้
มุมมองของนักลงทุนสถาบัน นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ยูโอบี (ไทย)ฯ กล่าวว่า กลุ่มยูโอบียังให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จีน และมาเลเซียมากกว่าตลาด สำหรับตลาดหุ้นไทย ปีนี้คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 17% ดังนั้นน่าจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไปที่ระดับพี/อี ประมาณ 15 เท่า ได้เช่นกัน โดยมีกรอบการแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1,400 - 1,600 จุด
ปิดท้ายที่พี่ใหญ่ของวงการตลาดหุ้น นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)ฯ ย้ำว่าขณะนี้หุ้นไทยยังไม่เกิดภาวะฟองสบู่
ที่มา http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=169214:--1700-&catid=104:-financial-&Itemid=443