โครงการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ โครงการดีๆที่จะต้องล้มไปเพราะการเมือง ระบบคมนาคมไทยที่ล้าหลังที่สูดในโลกแล้วเวลานี้ ใจผมแอบเชียร์แอบลุ้นอยู่อยากให้มันสร้างใด้สักที่ เพื่อให้ประเทศเจริญและผมใว้วางใจว่ารัฐบาลนำโดย พณฯท่านนายกยิ่งลักษณ์ จะสามารถพลักดันโครงการนี้ใด้
แต่จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมือวานนี้ ทำให้ผมสิ้นหวังไปเลยครับ เพราะการเมืองแบบนี้ทำให้ประเทศชาติด้วยพัฒนา
วิบากกรรม ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ฝ่าด่าน "ศาลรัฐธรรมนูญ" updated: 21 พ.ย. 2556 เวลา 13:17:46 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ...ใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายในกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา คู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปตะวันออก ภาคอีสาน เพื่อให้คนทุกชนชั้นได้เห็นภาพแห่งอนาคตในอีก 7 ปีข้างหน้าว่าหาก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.....
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของร่างกฎหมายนี้ ซึ่งดำเนินคู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปตะวันออก ภาคอีสาน เพื่อให้คนทุกชนชั้นได้เห็นภาพแห่งอนาคตในอีก 7 ปีข้างหน้าว่า หากร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ไม่สะดุด จะพลิกโฉมหน้าประเทศอย่างไร
ล่าสุด วุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว และมีเนื้อหาเป็นไปตามร่างเดิม ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรทุกมาตรา
ทั้งนี้ในมุมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ทั้งกลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ กลับมองว่า การเดินหน้าโครงการ 2 ล้านล้าน ที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตให้ผ่าน เสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะแผนงาน-โครงการต่าง ๆ ไม่ถูกบรรจุอยู่ในงบประมาณปกติ ก็ไม่สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้
เช่น เดียวกับมุมมองนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ทำคลอดมาตรา 169 มองว่า การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณไม่สามารถทำได้ เว้นมีความจำเป็นเร่งด่วนและฉุกเฉิน เช่น อยู่ในภาวะสงคราม เกิดเหตุภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่โครงการ 2 ล้านล้าน มีการกำหนดแผนงานล่วงหน้าชัดเจน กรณีนี้จึงไม่ไม่น่าจะเป็นการใช้จ่ายเร่งด่วน
เมื่อพิจารณาจุดที่ เคยถูกปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการของวุฒิสภา คือ มาตรา 6 วรรค 1 ที่ปรับแก้เนื้อหาระบุว่า เงินที่ได้จากการกู้เงินตามมาตรา 5 ให้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในการกู้ โดย "ต้อง" นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง โดยถือ "เป็นเงินแผ่นดิน" ซึ่งต่างจากร่างกฎหมายที่ผ่านชั้นสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อมาผ่านชั้นวุฒิสภาแล้ว โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยน ระบุว่า เงินกู้ "ไม่ต้อง" นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง โดย "ไม่ถือเป็นเงินแผ่นดิน"
ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ที่เคยถูกแก้ไขในชั้น ส.ว.ได้ปรับให้เงินกู้ถูกบรรจุเข้าสู่ระบบงบประมาณตามปกติ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ระบุว่า
"การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำ ได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลจะจ่ายไปก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ"
กรณีนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการ เนื่องจากมองว่า การให้โครงการ 2 ล้านล้าน เข้าไปบรรจุในงบประมาณปกติ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น อาจทำให้โครงการสะดุด เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้ต้องดำเนินการต่อเนื่องในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ความผันผวนทางการเมืองมาเป็นตัวแปรในการพัฒนาระบบโครงสร้าง พื้นฐาน
หลังจาก ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ผ่านชั้นรัฐสภาและวุฒิสภาแล้ว จึงไม่แปลก หากกลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่า ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
และไม่แปลกเช่นกัน ที่องค์กรชี้ขาดร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน จะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ
40ส.ว.ยื่น66รายชื่อส.ส.-ส.ว.ประธานสภา ส่งศาล รธน.ตีความกู้เงิน2ล้านล้านบาท
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 18:35:09 น. มิติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.สรรหา และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นำรายชื่อสมาชิกรัฐสภา 66 รายชื่อ ประกอบด้วย ส.ว. 55 รายชื่อ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 11 รายชื่อ ยื่นต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ในฐานะประธานรัฐสภา เพื่อขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอให้ประธานรัฐสภายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และ 170 เนื่องจากให้อำนาจการจ่ายเงินแผ่นดินนอกระบบวิธีงบประมาณ โดยคำร้องให้ศาลชี้ให้มีผลเป็นโมฆะเท่านั้น โดยไม่มีคำร้องให้เอาผิดบุคคลหรือพรรคการเมืองใดๆ
TNEWS 21-11-13 17:20
วันนี้( 21 พ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรมว.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าพ.ร.บ.เงินกู้ฉบับนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ คือ 1.มีการกดบัตรแทนกัน โดยมีคลิปหลักฐานวันที่ 20 ก.ย. 2556 ซึ่งเป็นการประชุมวาระ 2 ขณะลงมติมาตรา 6 โดยขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 126,130 และขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 2.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 3 เรื่องการถ่วงดุลอำนาจ เพราะมีการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เนื่องจาก 7 ปี ในการใช้งบประมาณภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าว จะไม่มีการตรวจสอบใดได้เลยจากฝ่ายนิติบัญญัติ ในการเบิกจ่ายงบประมาณ 3.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 57,66,67 ประเด็นประชาพิจารณ์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นรวมถึงให้ข้อมูลกับประชาชน 4.หลีกเลี่ยงการดำเนินการตามกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166,167,169 นอกจากนี้ การกู้เงินสามารถทำได้ในระบบ แต่รัฐบาลไม่ทำ ดังนั้น พ.ร.บ.นี้จึงถือเป็นเงินกู้ขนาดใหญ่ที่สุดกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา มากกว่าตอนกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ 4 เท่า และมากกว่าวิกฤติแฮมเบอเกอร์ 5 เท่า
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ทางออกเรื่องนี้อยากให้รัฐบาลออกพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม พ.ศ.2557 ในวงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท จากประมาณการณ์ของรัฐบาลในการเบิกจ่ายจากพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ 1.2 แสนล้านบาท ในปี 2557 ซึ่งขั้นตอนการออกพ.ร.บ.เพิ่มเติมนั้น ในส่วนฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติสามารถทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ได้ไม่เกิน 5 เดือน ภายในสิ้นเดือนเม.ย. 2557 ซึ่งไม่ทำให้แผนการลงทุนที่มีความพร้อมต้องสะดุด และเดินหน้าต่อได้ทันตามกำหนดเดิมในกรณีที่รัฐบาลไม่สามารถอาศัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทได้จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
จบกันครับประเทศไทย คงต้องรอให้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล นั้นแหละครับ โครงการใหญ่ๆอย่างนี้ถึงจะสร้างใด้ เพราะพวกนั้นมันรัฐบาลคนดรี มันไม่เคยโกงงงงง..saddd
เสียดายโครงการดีๆ ที่จะต้องล้มไป
แต่จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมือวานนี้ ทำให้ผมสิ้นหวังไปเลยครับ เพราะการเมืองแบบนี้ทำให้ประเทศชาติด้วยพัฒนา
วิบากกรรม ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ฝ่าด่าน "ศาลรัฐธรรมนูญ" updated: 21 พ.ย. 2556 เวลา 13:17:46 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ...ใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายในกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา คู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปตะวันออก ภาคอีสาน เพื่อให้คนทุกชนชั้นได้เห็นภาพแห่งอนาคตในอีก 7 ปีข้างหน้าว่าหาก ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.....
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของร่างกฎหมายนี้ ซึ่งดำเนินคู่ขนานไปกับการเดินสายโรดโชว์ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปตะวันออก ภาคอีสาน เพื่อให้คนทุกชนชั้นได้เห็นภาพแห่งอนาคตในอีก 7 ปีข้างหน้าว่า หากร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ไม่สะดุด จะพลิกโฉมหน้าประเทศอย่างไร
ล่าสุด วุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว และมีเนื้อหาเป็นไปตามร่างเดิม ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรทุกมาตรา
ทั้งนี้ในมุมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ทั้งกลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ กลับมองว่า การเดินหน้าโครงการ 2 ล้านล้าน ที่สภาผู้แทนราษฎรโหวตให้ผ่าน เสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะแผนงาน-โครงการต่าง ๆ ไม่ถูกบรรจุอยู่ในงบประมาณปกติ ก็ไม่สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้
เช่น เดียวกับมุมมองนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ทำคลอดมาตรา 169 มองว่า การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณไม่สามารถทำได้ เว้นมีความจำเป็นเร่งด่วนและฉุกเฉิน เช่น อยู่ในภาวะสงคราม เกิดเหตุภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่โครงการ 2 ล้านล้าน มีการกำหนดแผนงานล่วงหน้าชัดเจน กรณีนี้จึงไม่ไม่น่าจะเป็นการใช้จ่ายเร่งด่วน
เมื่อพิจารณาจุดที่ เคยถูกปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการของวุฒิสภา คือ มาตรา 6 วรรค 1 ที่ปรับแก้เนื้อหาระบุว่า เงินที่ได้จากการกู้เงินตามมาตรา 5 ให้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในการกู้ โดย "ต้อง" นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง โดยถือ "เป็นเงินแผ่นดิน" ซึ่งต่างจากร่างกฎหมายที่ผ่านชั้นสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อมาผ่านชั้นวุฒิสภาแล้ว โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยน ระบุว่า เงินกู้ "ไม่ต้อง" นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง โดย "ไม่ถือเป็นเงินแผ่นดิน"
ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ที่เคยถูกแก้ไขในชั้น ส.ว.ได้ปรับให้เงินกู้ถูกบรรจุเข้าสู่ระบบงบประมาณตามปกติ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ระบุว่า
"การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำ ได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลจะจ่ายไปก่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ"
กรณีนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการ เนื่องจากมองว่า การให้โครงการ 2 ล้านล้าน เข้าไปบรรจุในงบประมาณปกติ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น อาจทำให้โครงการสะดุด เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้ต้องดำเนินการต่อเนื่องในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการให้ความผันผวนทางการเมืองมาเป็นตัวแปรในการพัฒนาระบบโครงสร้าง พื้นฐาน
หลังจาก ร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ผ่านชั้นรัฐสภาและวุฒิสภาแล้ว จึงไม่แปลก หากกลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่า ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
และไม่แปลกเช่นกัน ที่องค์กรชี้ขาดร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน จะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ
40ส.ว.ยื่น66รายชื่อส.ส.-ส.ว.ประธานสภา ส่งศาล รธน.ตีความกู้เงิน2ล้านล้านบาท
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 18:35:09 น. มิติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายสาย กังกะเวคิน ส.ว.สรรหา และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นำรายชื่อสมาชิกรัฐสภา 66 รายชื่อ ประกอบด้วย ส.ว. 55 รายชื่อ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 11 รายชื่อ ยื่นต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ในฐานะประธานรัฐสภา เพื่อขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอให้ประธานรัฐสภายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และ 170 เนื่องจากให้อำนาจการจ่ายเงินแผ่นดินนอกระบบวิธีงบประมาณ โดยคำร้องให้ศาลชี้ให้มีผลเป็นโมฆะเท่านั้น โดยไม่มีคำร้องให้เอาผิดบุคคลหรือพรรคการเมืองใดๆ
TNEWS 21-11-13 17:20
วันนี้( 21 พ.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรมว.คลัง เปิดเผยว่า เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าพ.ร.บ.เงินกู้ฉบับนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ คือ 1.มีการกดบัตรแทนกัน โดยมีคลิปหลักฐานวันที่ 20 ก.ย. 2556 ซึ่งเป็นการประชุมวาระ 2 ขณะลงมติมาตรา 6 โดยขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 126,130 และขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 2.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 3 เรื่องการถ่วงดุลอำนาจ เพราะมีการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ เนื่องจาก 7 ปี ในการใช้งบประมาณภายใต้พ.ร.บ.ดังกล่าว จะไม่มีการตรวจสอบใดได้เลยจากฝ่ายนิติบัญญัติ ในการเบิกจ่ายงบประมาณ 3.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 57,66,67 ประเด็นประชาพิจารณ์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นรวมถึงให้ข้อมูลกับประชาชน 4.หลีกเลี่ยงการดำเนินการตามกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166,167,169 นอกจากนี้ การกู้เงินสามารถทำได้ในระบบ แต่รัฐบาลไม่ทำ ดังนั้น พ.ร.บ.นี้จึงถือเป็นเงินกู้ขนาดใหญ่ที่สุดกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา มากกว่าตอนกู้เงินจากไอเอ็มเอฟ 4 เท่า และมากกว่าวิกฤติแฮมเบอเกอร์ 5 เท่า
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า ทางออกเรื่องนี้อยากให้รัฐบาลออกพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม พ.ศ.2557 ในวงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท จากประมาณการณ์ของรัฐบาลในการเบิกจ่ายจากพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ 1.2 แสนล้านบาท ในปี 2557 ซึ่งขั้นตอนการออกพ.ร.บ.เพิ่มเติมนั้น ในส่วนฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติสามารถทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ได้ไม่เกิน 5 เดือน ภายในสิ้นเดือนเม.ย. 2557 ซึ่งไม่ทำให้แผนการลงทุนที่มีความพร้อมต้องสะดุด และเดินหน้าต่อได้ทันตามกำหนดเดิมในกรณีที่รัฐบาลไม่สามารถอาศัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทได้จากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
จบกันครับประเทศไทย คงต้องรอให้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล นั้นแหละครับ โครงการใหญ่ๆอย่างนี้ถึงจะสร้างใด้ เพราะพวกนั้นมันรัฐบาลคนดรี มันไม่เคยโกงงงงง..saddd