ผมถกธรรมกับผู้รู้ท่านหนึ่งในนี้ ด้วยเห็นว่ากระทู้มันตกไปแล้ว ท่านผู้รู้ท่านนั้นอาจจะไม่สนใจกระทู้นั้นแล้ว
แต่ผมว่ามันจะเป็นการเสียโอกาสของผู้รู้ท่านนั้น โอกาสอะไรหรือครับ ก็โอกาสที่จะทำให้บุคคลนั้น
เลิกทิฐิเลิกอ้างพุทธพจน์แบบผิดหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสื่อ
ผมเคยพูดว่า อย่าถกกันหรือเอาคำแปลที่เป็นบัญญัติมาอ้งอิงกัน เพราะมันใช้ไม่ได้
มันไม่ใช่ความจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงต้องการสื่อ
บัญญัติที่เป็นพุทธพจน์ทุกคำ..........พระพุทธองค์ทรงเน้นย้ำ จะต้องเอาบัญญัตินั้นไปทำให้เป็นปรมัตถ์หรือสภาวะธรรม
เมื่อเห็นสภาวธรรมนั้นและคือความหมายของบัญญัตินั้น
พระพุทธจะไม่ทรงบอกถึงลักษณะสภาวธรรม เพราะมันบอกกันไม่ได้ พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า...มันเป็นปัจจัตตัง
การสอนหรือการบอกเป็นเพียงการปฏิบัติวิธีการหรือมรรค
ผมเคยอธิบายเรื่องวิธีการ ด้วยการยกตัวอย่างให้ดู เช่น เราอยากรู้รสเปรี้ยวว่าเป็นอย่างไร
เราก็ต้องไปหาผลไม้เช่นมะนาวมากินดู นั้นแหล่ะเราก็จะรู้ การทำแบบนี้เขาเรียกว่า....สัจฉิกัตถปรมัต์
การไปหามะนาวมากินเป็นมรรคเป็นวิธีการ ส่วนรสเปรี้ยวเป็นปรมมัตถ์
ผมอธิบายอย่างนี้ให้ฟัง แต่กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ......ผมคิดเอาเอง
เป็นสาวกของพระโคดม มันต้องปฏิบัติด้วยสัจฉิกัตถ์ปรมัตถ์
แต่ผมว่ามันจะเป็นการเสียโอกาสของผู้รู้ท่านนั้น โอกาสอะไรหรือครับ ก็โอกาสที่จะทำให้บุคคลนั้น
เลิกทิฐิเลิกอ้างพุทธพจน์แบบผิดหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสื่อ
ผมเคยพูดว่า อย่าถกกันหรือเอาคำแปลที่เป็นบัญญัติมาอ้งอิงกัน เพราะมันใช้ไม่ได้
มันไม่ใช่ความจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงต้องการสื่อ
บัญญัติที่เป็นพุทธพจน์ทุกคำ..........พระพุทธองค์ทรงเน้นย้ำ จะต้องเอาบัญญัตินั้นไปทำให้เป็นปรมัตถ์หรือสภาวะธรรม
เมื่อเห็นสภาวธรรมนั้นและคือความหมายของบัญญัตินั้น
พระพุทธจะไม่ทรงบอกถึงลักษณะสภาวธรรม เพราะมันบอกกันไม่ได้ พระองค์ตรัสแต่เพียงว่า...มันเป็นปัจจัตตัง
การสอนหรือการบอกเป็นเพียงการปฏิบัติวิธีการหรือมรรค
ผมเคยอธิบายเรื่องวิธีการ ด้วยการยกตัวอย่างให้ดู เช่น เราอยากรู้รสเปรี้ยวว่าเป็นอย่างไร
เราก็ต้องไปหาผลไม้เช่นมะนาวมากินดู นั้นแหล่ะเราก็จะรู้ การทำแบบนี้เขาเรียกว่า....สัจฉิกัตถปรมัต์
การไปหามะนาวมากินเป็นมรรคเป็นวิธีการ ส่วนรสเปรี้ยวเป็นปรมมัตถ์
ผมอธิบายอย่างนี้ให้ฟัง แต่กลับได้รับคำตอบกลับมาว่า ......ผมคิดเอาเอง