เลิกชุมนุมเถอะ ตอนนี้ประเทศอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่จะเป็นได้
ประเทศไทยเราอาจจะยังไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนยังไม่ได้รับการศึกษา 100%
แต่ประเทศไทยเรา ก็ไม่เหมาะกับระบอบเผด็จการเช่นกัน!
แล้วระบอบอะไรล่ะ ที่เหมาะกับประเทศเราในขณะนี้ ??
โชคดีของประเทศไทยแล้ว ที่ตอนนี้การเมืองของประเทศเป็นแบบนี้ ใครจะมองว่าแย่ก็มองได้ แต่ถ้าใครจะมองว่าดีก็มองได้เช่นกัน
ความฝันของเราคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ที่จะได้เห็นประเทศของเราพัฒนา ก้าวไกล ไปสู่ระดับแถวหน้าของโลก
ประชาชนในประเทศตอนนี้ แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายด้วยกันหลักๆเลยคือ ฝ่ายสลิ่ม และ ฝ่ายเสื้อแดง
รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ถือเป็นฝ่ายเสื้อแดง
ปปช. ตลก. สว.(หลายคน) ถือเป็นฝ่ายสลิ่ม (ดอกผลของคณะรัฐประหารปี '49)
เรามีประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ ซึ่งเป็นระบอบที่เหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาและสภาวะความขัดแย้งเช่นนี้
ฝ่ายสลิ่มมักจะกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลเรื่องการโกง ทุจริต คอรัปชั่น แต่ตอนนี้ม็อบราชดำเนินควรจะเลิกชุมนุมได้แล้ว เพราะฝ่ายสลิ่มมีทั้ง ปปช. ตลก.รธน. และสว. อยู่ฝ่ายตัวเอง
ส่วนฝ่ายบริหารประเทศ ขอให้ยอมรับความจริงตรงนี้ว่า พรรคของคนเสื้อแดง บริหารประเทศได้เก่งกว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์
ในสมัยอดีตนายกฯพรรคไทยรักไทย นโยบายของพรรคไม่ครอบคลุมชนชั้นกลาง จนปี 2554 ก็เสียคะแนนเสียงไปหลายล้านเสียง
แต่หากดูนโยบายปัจจุบันของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ทั้งรถคันแรก บ้านหลังแรก เพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำป.ตรี และลดภาษีเงินได้มนุษย์เงินเดือน (ประมาณ 1.4 ล้านคน จะได้ลดภาษี 50% จากเดิม)
จะเห็นว่า รัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์ พยายามจะทำนโยบายที่ได้ประโยชน์ทั้งชาวรากหญ้า และชนชั้นกลาง
การบริหารงานของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นรูปธรรม และอยู่บนหลักความเป็นจริงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงการเป็นายกรัฐมนตรี ในสภาวะบ้านเมืองที่มีความขัดแย้ง
เวลานี้ เราไม่ต้องการนายกฯที่เก่ง เราไม่ต้องการนายกฯที่ใช้วาทะหรือโต้ตอบกลับไปกลับมากับฝ่ายตรงข้าม เราไม่ต้องการนายกฯที่เที่ยวไปด่าหรือปาโคลนใส่ฝ่ายตรงข้าม เพราะนั่นยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งไม่สิ้นสุด
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลานี้ เหมาะกับสตรีที่อ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักกาละเทศะ ไม่โกรธแค้นใคร ไม่คิดแก้แค้นใคร คิดแก้ไขแต่ไม่แก้แค้น
นายกฯยิ่งลักษณ์ เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดแล้วในเวลานี้!
สลิ่มไม่ต้องกลัวว่าตัวเองแพ้ พวกคุณไม่ได้แพ้ พวกคุณมีทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สว. ที่อยู่ข้างพวกคุณ คอยตรวจสอบรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลพลาดหรือโกงแม้แต่นิดเดียวก็ไม่รอดสายตาคนเหล่านี้แล้ว
การเรียกชุมนุมของม็อบราชดำเนิน เป็นผลเสียกับฝ่ายสลิ่มเองล้วนๆ เมื่อความขัดแย้งทางการเมืองค่อยๆซาลง คนเสื้อแดงก็ไม่ได้กลับมารวมกัน บางทีก็มีการแบ่งกลุ่ม บางคนเป็นกึ่งแดง(เลือกเพื่อไทย แต่ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง) เขาก็พร้อมจะจับผิดการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย หากบริหารไม่ดี สมัยหน้าเขาอาจไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
การเรียกชุมนุมของฝ่ายสลิ่ม มีแต่จะทำให้คนเสื้อแดงที่กำลังแตกความสามัคคีกัน กลับมารวมตัวกัน เกิดเป็นความสามัคคีมากขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาลที่เขาเลือกมาไม่ว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศอย่างไร คนเสื้อแดงก็พร้อมจะสนับสนุนให้อยู่ต่อไป
การเรียกชุมนุมของม็อบราชดำเนิน มีแต่จะทำให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น
ตอนนี้ม็อบทุกม็อบ ควรจะหยุดชุมนุมได้แล้ว ปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป ที่กลัวว่าเขาจะโกงจะทุจริต มันมีฝ่ายตรวจสอบอยู่แล้วอย่าไปกลัวเลย การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ได้หมายความว่าสลิ่มแพ้ พรรคประชาธิปัตย์เคยได้รับโอกาสที่จะบริหารประเทศแล้ว แต่กลับไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้
เวลานี้ พรรคเพื่อไทยเหมาะที่สุดที่จะเป็นรัฐบาล นายกฯยิ่งลักษณ์เหมาะที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ตลก.รธน. สว.สรรหา และ ปปช. ก็สมควรที่จะมีแล้วเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
เรียกได้ว่า ประเทศไทยตอนนี้ เป็นระบอบประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ เราได้ทีมบริหารที่เก่งมาเป็นรัฐบาล และมีทีมฝ่ายสลิ่มคอยตรวจสอบการทำงานอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว เรามีนายกฯที่ใจเย็น ไม่เคียดแค้น ไม่เล่นการเมือง
ระบอบนี้ เหมาะกับประเทศไทยที่สุดแล้ว
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกสัก 3-4 ปี อย่าก่อม็อบ อย่าปลุกระดมมวลชน อย่าด่ากัน อย่าแบ่งสี วันข้างหน้าประเทศเราต้องเป็นประเทศที่เจริญและน่าอยู่แน่
ฝ่ายสลิ่มอย่าคิดว่าตัวเองแพ้ พวกคุณไม่ได้แพ้ แล้วไม่ต้องกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะตลอดไป ถ้าพวกคุณเลิกก่อม็อบ เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย คนเราเมื่อได้รับความนิยมสูงสุด ย่อมต้องมีขาลง เมื่อไหร่นายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ในช่วงขาลง พรรคประชาธิปัตย์อาจได้กลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาลจากคะแนนเสียงของประชาชน ไม่ใช่จากการเมืองข้างถนน อาจจะ 2 ปี 6 ปี หรือ 10 ปี แต่พรรคเพื่อไทยไม่ชนะตลอดไปหรอก ธรรมดาของโลก มีขึ้นย่อมมีลง มีจุดนิยมสูงสุด ก็ย่อมต้องมีจุดที่กราฟค่อยๆดิ่งลง
เลิกชุมนุม เลิกทะเลาะกันเถอะ
เลิกชุมนุมเถอะ ตอนนี้ประเทศอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดแล้วเท่าที่จะเป็นได้
ประเทศไทยเราอาจจะยังไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนยังไม่ได้รับการศึกษา 100%
แต่ประเทศไทยเรา ก็ไม่เหมาะกับระบอบเผด็จการเช่นกัน!
แล้วระบอบอะไรล่ะ ที่เหมาะกับประเทศเราในขณะนี้ ??
โชคดีของประเทศไทยแล้ว ที่ตอนนี้การเมืองของประเทศเป็นแบบนี้ ใครจะมองว่าแย่ก็มองได้ แต่ถ้าใครจะมองว่าดีก็มองได้เช่นกัน
ความฝันของเราคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ที่จะได้เห็นประเทศของเราพัฒนา ก้าวไกล ไปสู่ระดับแถวหน้าของโลก
ประชาชนในประเทศตอนนี้ แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายด้วยกันหลักๆเลยคือ ฝ่ายสลิ่ม และ ฝ่ายเสื้อแดง
รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย ถือเป็นฝ่ายเสื้อแดง
ปปช. ตลก. สว.(หลายคน) ถือเป็นฝ่ายสลิ่ม (ดอกผลของคณะรัฐประหารปี '49)
เรามีประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ ซึ่งเป็นระบอบที่เหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาและสภาวะความขัดแย้งเช่นนี้
ฝ่ายสลิ่มมักจะกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลเรื่องการโกง ทุจริต คอรัปชั่น แต่ตอนนี้ม็อบราชดำเนินควรจะเลิกชุมนุมได้แล้ว เพราะฝ่ายสลิ่มมีทั้ง ปปช. ตลก.รธน. และสว. อยู่ฝ่ายตัวเอง
ส่วนฝ่ายบริหารประเทศ ขอให้ยอมรับความจริงตรงนี้ว่า พรรคของคนเสื้อแดง บริหารประเทศได้เก่งกว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์
ในสมัยอดีตนายกฯพรรคไทยรักไทย นโยบายของพรรคไม่ครอบคลุมชนชั้นกลาง จนปี 2554 ก็เสียคะแนนเสียงไปหลายล้านเสียง
แต่หากดูนโยบายปัจจุบันของรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ทั้งรถคันแรก บ้านหลังแรก เพิ่มเงินเดือนขั้นต่ำป.ตรี และลดภาษีเงินได้มนุษย์เงินเดือน (ประมาณ 1.4 ล้านคน จะได้ลดภาษี 50% จากเดิม)
จะเห็นว่า รัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์ พยายามจะทำนโยบายที่ได้ประโยชน์ทั้งชาวรากหญ้า และชนชั้นกลาง
การบริหารงานของพรรคเพื่อไทย มีความเป็นรูปธรรม และอยู่บนหลักความเป็นจริงมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงการเป็นายกรัฐมนตรี ในสภาวะบ้านเมืองที่มีความขัดแย้ง
เวลานี้ เราไม่ต้องการนายกฯที่เก่ง เราไม่ต้องการนายกฯที่ใช้วาทะหรือโต้ตอบกลับไปกลับมากับฝ่ายตรงข้าม เราไม่ต้องการนายกฯที่เที่ยวไปด่าหรือปาโคลนใส่ฝ่ายตรงข้าม เพราะนั่นยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งไม่สิ้นสุด
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลานี้ เหมาะกับสตรีที่อ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักกาละเทศะ ไม่โกรธแค้นใคร ไม่คิดแก้แค้นใคร คิดแก้ไขแต่ไม่แก้แค้น
นายกฯยิ่งลักษณ์ เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดแล้วในเวลานี้!
สลิ่มไม่ต้องกลัวว่าตัวเองแพ้ พวกคุณไม่ได้แพ้ พวกคุณมีทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ปปช. สว. ที่อยู่ข้างพวกคุณ คอยตรวจสอบรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลพลาดหรือโกงแม้แต่นิดเดียวก็ไม่รอดสายตาคนเหล่านี้แล้ว
การเรียกชุมนุมของม็อบราชดำเนิน เป็นผลเสียกับฝ่ายสลิ่มเองล้วนๆ เมื่อความขัดแย้งทางการเมืองค่อยๆซาลง คนเสื้อแดงก็ไม่ได้กลับมารวมกัน บางทีก็มีการแบ่งกลุ่ม บางคนเป็นกึ่งแดง(เลือกเพื่อไทย แต่ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง) เขาก็พร้อมจะจับผิดการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย หากบริหารไม่ดี สมัยหน้าเขาอาจไม่เลือกพรรคเพื่อไทย
การเรียกชุมนุมของฝ่ายสลิ่ม มีแต่จะทำให้คนเสื้อแดงที่กำลังแตกความสามัคคีกัน กลับมารวมตัวกัน เกิดเป็นความสามัคคีมากขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาลที่เขาเลือกมาไม่ว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศอย่างไร คนเสื้อแดงก็พร้อมจะสนับสนุนให้อยู่ต่อไป
การเรียกชุมนุมของม็อบราชดำเนิน มีแต่จะทำให้ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น
ตอนนี้ม็อบทุกม็อบ ควรจะหยุดชุมนุมได้แล้ว ปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป ที่กลัวว่าเขาจะโกงจะทุจริต มันมีฝ่ายตรวจสอบอยู่แล้วอย่าไปกลัวเลย การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ได้หมายความว่าสลิ่มแพ้ พรรคประชาธิปัตย์เคยได้รับโอกาสที่จะบริหารประเทศแล้ว แต่กลับไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้
เวลานี้ พรรคเพื่อไทยเหมาะที่สุดที่จะเป็นรัฐบาล นายกฯยิ่งลักษณ์เหมาะที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ตลก.รธน. สว.สรรหา และ ปปช. ก็สมควรที่จะมีแล้วเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
เรียกได้ว่า ประเทศไทยตอนนี้ เป็นระบอบประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการ เราได้ทีมบริหารที่เก่งมาเป็นรัฐบาล และมีทีมฝ่ายสลิ่มคอยตรวจสอบการทำงานอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว เรามีนายกฯที่ใจเย็น ไม่เคียดแค้น ไม่เล่นการเมือง
ระบอบนี้ เหมาะกับประเทศไทยที่สุดแล้ว
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกสัก 3-4 ปี อย่าก่อม็อบ อย่าปลุกระดมมวลชน อย่าด่ากัน อย่าแบ่งสี วันข้างหน้าประเทศเราต้องเป็นประเทศที่เจริญและน่าอยู่แน่
ฝ่ายสลิ่มอย่าคิดว่าตัวเองแพ้ พวกคุณไม่ได้แพ้ แล้วไม่ต้องกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะตลอดไป ถ้าพวกคุณเลิกก่อม็อบ เลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย คนเราเมื่อได้รับความนิยมสูงสุด ย่อมต้องมีขาลง เมื่อไหร่นายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ในช่วงขาลง พรรคประชาธิปัตย์อาจได้กลับมาเป็นฝ่ายรัฐบาลจากคะแนนเสียงของประชาชน ไม่ใช่จากการเมืองข้างถนน อาจจะ 2 ปี 6 ปี หรือ 10 ปี แต่พรรคเพื่อไทยไม่ชนะตลอดไปหรอก ธรรมดาของโลก มีขึ้นย่อมมีลง มีจุดนิยมสูงสุด ก็ย่อมต้องมีจุดที่กราฟค่อยๆดิ่งลง
เลิกชุมนุม เลิกทะเลาะกันเถอะ