credit : thanonline.com
------

กำลังซื้อโค้งท้ายเข้าขั้นวิกฤติ ธุรกิจทำใจเร่งปรับแผนอัดแคมเปญ โปรโมชันรับมือ ทั้งซื้อ 1 แถม 1 ลดราคาพุ่งสูงถึง 50% เดอะ มอลล์/เอ็มเค/คาโอ ชี้ชุมนุมการเมืองเริ่มส่งสัญญาณรั้งมู้ดการจับจ่าย วอนจบเร็ว ขณะที่พรานทะเลหวั่นกำลังซื้อทรุดต่อ แนะจับตาภาคส่งออกกระทบเศรษฐกิจประเทศ
นายศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารโฮม เฟรช มาร์ท และกูร์เม่ต์ มาร์เก็ต เปิดเผยว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้จากการจับจ่ายที่ลดลง ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องจัดโปรโมชันเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซื้อ 1 แถม 1 การลดราคาสินค้า ซึ่งปีนี้มีการแข่งกันลดราคาสินค้ามากกว่า 50% ถือเป็นตัวเลขที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะในปีหน้า
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าขณะนี้จะมีปัจจัยลบทางการเมืองมากระทบส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อ
ด้านนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้น่าจะส่งผลเสียในด้านอารมณ์ของผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งเบื้องต้นมองว่าไม่น่าจะมีความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านเอ็มเค สุกี้ลดลงตามไปด้วย ขณะที่ยอดการใช้จ่ายยังคงอยู่ในระดับเดิมเฉลี่ยที่ประมาณ 280 บาทต่อคน
"บริษัทต้องปรับแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญแจกทอง ลุ้นรวยแสนทุกวัน ลุ้นรวยล้านทุกเดือน จากเดิมจะจัดกิจกรรมลุ้นโชคกินฟรี"
อย่างไรก็ดี เอ็มเคฯ เองเคยผ่านวิกฤติต่างๆ มามากและสามารถผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้ง ทำให้แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 50-60 สาขาเช่นเดียวกับปีนี้ แม้ปีนี้จะเลื่อนการเปิดสาขาไป 4-5 สาขา แต่สาเหตุเพราะศูนย์การค้าซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เลื่อนการเปิดให้บริการ ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด
นายฤทธิ์ยังกล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจได้อีก 2-3 ราย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหาร จากปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจร้านอาหารในเครือเปิดให้บริการ 4 แบรนด์ รวมกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการมากที่สุด ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ มีจำนวนสาขากว่า 400 สาขา ร้านยาโยอิกว่า 100 สาขา ส่วนอีก 2 แบรนด์ คือ ร้านมิยาซากิและร้านราเมน ฮากาตะ โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 10%
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท คาโอคอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของไตรมาส 4 ปีนี้ ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังซื้อสินค้าของผู้บริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ตลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่ใจ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายและเลือกที่จะออมเงิน อย่างไรก็ดีต้องการให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายและจบลงได้ภายในปีนี้ ซึ่งถ้าปีนี้ผ่านพ้นไป เชื่อว่ากำลังจะกลับมาดีในปีหน้าอย่างแน่นอน
"ผู้บริโภคตัดสินใจช้ากว่าปกติ แต่แม้ว่ากำลังซื้อจะชะลอตัว โดยภาพรวมบริษัทยังคาดว่าจะเติบโต 10-11% ในปีนี้ และในปีหน้าเชื่อว่าจะยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แม้จะมีหลายปัจจัยทำให้ประเมินได้ยาก แต่บริษัทเตรียมแผนการทำตลาดไว้แล้ว ทั้งการออกสินค้าใหม่ เช่น บิโอเร เมน ที่เตรียมออกแคมเปญรับกระแสฟุตบอลโลก และการทำกลยุทธ์พาร์ตเนอร์ชิพ เพื่อสร้างความน่าสนใจ"
ขณะที่นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า กำลังซื้อในไตรมาส 4 เป็นสิ่งที่น่าห่วงมากกว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นรูปแบบของการเมืองสมัยใหม่ที่ไม่มีความรุนแรง อีกสิ่งที่น่ากังวลคือการส่งออก ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 70% ของจีดีพีของประเทศ ทำให้ต้องติดตามว่าจีดีพีปีหน้าจะเป็นเช่นไร หากเป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 5-10% น่าจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี บริษัทเองได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นผ่านการทำโปรโมชันลดราคาสินค้า และล่าสุดได้เข้าร่วมแคมเปญ "รวมพลังร่วมใจ ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ" กับห้างเทสโก้โลตัส ทำโปรโมชันซื้อข้าวต้ม 3 กล่อง ในราคา 100 บาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,897 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
แรงซื้อ Q4 วิกฤติหนัก ห้างกระหน่ำอัดโปรโมชันเรียกมู้ดจับจ่าย
------
กำลังซื้อโค้งท้ายเข้าขั้นวิกฤติ ธุรกิจทำใจเร่งปรับแผนอัดแคมเปญ โปรโมชันรับมือ ทั้งซื้อ 1 แถม 1 ลดราคาพุ่งสูงถึง 50% เดอะ มอลล์/เอ็มเค/คาโอ ชี้ชุมนุมการเมืองเริ่มส่งสัญญาณรั้งมู้ดการจับจ่าย วอนจบเร็ว ขณะที่พรานทะเลหวั่นกำลังซื้อทรุดต่อ แนะจับตาภาคส่งออกกระทบเศรษฐกิจประเทศ
นายศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารโฮม เฟรช มาร์ท และกูร์เม่ต์ มาร์เก็ต เปิดเผยว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้จากการจับจ่ายที่ลดลง ทั้งในกลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องจัดโปรโมชันเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซื้อ 1 แถม 1 การลดราคาสินค้า ซึ่งปีนี้มีการแข่งกันลดราคาสินค้ามากกว่า 50% ถือเป็นตัวเลขที่สูง ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะในปีหน้า
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าขณะนี้จะมีปัจจัยลบทางการเมืองมากระทบส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อ
ด้านนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กล่าวว่า การชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้น่าจะส่งผลเสียในด้านอารมณ์ของผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งเบื้องต้นมองว่าไม่น่าจะมีความรุนแรง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมมากนัก แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านเอ็มเค สุกี้ลดลงตามไปด้วย ขณะที่ยอดการใช้จ่ายยังคงอยู่ในระดับเดิมเฉลี่ยที่ประมาณ 280 บาทต่อคน
"บริษัทต้องปรับแผนการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญแจกทอง ลุ้นรวยแสนทุกวัน ลุ้นรวยล้านทุกเดือน จากเดิมจะจัดกิจกรรมลุ้นโชคกินฟรี"
อย่างไรก็ดี เอ็มเคฯ เองเคยผ่านวิกฤติต่างๆ มามากและสามารถผ่านไปได้ด้วยดีทุกครั้ง ทำให้แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยในปีหน้าบริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 50-60 สาขาเช่นเดียวกับปีนี้ แม้ปีนี้จะเลื่อนการเปิดสาขาไป 4-5 สาขา แต่สาเหตุเพราะศูนย์การค้าซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เลื่อนการเปิดให้บริการ ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด
นายฤทธิ์ยังกล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจได้อีก 2-3 ราย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหาร จากปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจร้านอาหารในเครือเปิดให้บริการ 4 แบรนด์ รวมกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการมากที่สุด ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ มีจำนวนสาขากว่า 400 สาขา ร้านยาโยอิกว่า 100 สาขา ส่วนอีก 2 แบรนด์ คือ ร้านมิยาซากิและร้านราเมน ฮากาตะ โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 10%
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท คาโอคอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของไตรมาส 4 ปีนี้ ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังซื้อสินค้าของผู้บริโภคในซูเปอร์มาร์เก็ตลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจากความไม่แน่ใจ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายและเลือกที่จะออมเงิน อย่างไรก็ดีต้องการให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายและจบลงได้ภายในปีนี้ ซึ่งถ้าปีนี้ผ่านพ้นไป เชื่อว่ากำลังจะกลับมาดีในปีหน้าอย่างแน่นอน
"ผู้บริโภคตัดสินใจช้ากว่าปกติ แต่แม้ว่ากำลังซื้อจะชะลอตัว โดยภาพรวมบริษัทยังคาดว่าจะเติบโต 10-11% ในปีนี้ และในปีหน้าเชื่อว่าจะยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แม้จะมีหลายปัจจัยทำให้ประเมินได้ยาก แต่บริษัทเตรียมแผนการทำตลาดไว้แล้ว ทั้งการออกสินค้าใหม่ เช่น บิโอเร เมน ที่เตรียมออกแคมเปญรับกระแสฟุตบอลโลก และการทำกลยุทธ์พาร์ตเนอร์ชิพ เพื่อสร้างความน่าสนใจ"
ขณะที่นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า กำลังซื้อในไตรมาส 4 เป็นสิ่งที่น่าห่วงมากกว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นรูปแบบของการเมืองสมัยใหม่ที่ไม่มีความรุนแรง อีกสิ่งที่น่ากังวลคือการส่งออก ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 70% ของจีดีพีของประเทศ ทำให้ต้องติดตามว่าจีดีพีปีหน้าจะเป็นเช่นไร หากเป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 5-10% น่าจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี บริษัทเองได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นผ่านการทำโปรโมชันลดราคาสินค้า และล่าสุดได้เข้าร่วมแคมเปญ "รวมพลังร่วมใจ ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ" กับห้างเทสโก้โลตัส ทำโปรโมชันซื้อข้าวต้ม 3 กล่อง ในราคา 100 บาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,897 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556