"Playing On" by Alessandro Del Piero ประสบการณ์และมุมมองต่อชีวิตและกีฬาฟุตบอลจากผู้ชายอบอุ่น

"Maybe I didn't treat you quite as good as I should have..."

ความรักเริ่มต้น เมื่อ20 ปีก่อน พร้อมสายลมฤดูร้อนที่พัดผ่านเทือกเขาแอลป์

เธอ มีทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ และทรัพย์สิน เธอคือสุภาพสตรีอันเป็นที่รัก สมบัติล้ำค่าของตระกูลใหญ่ ทรงอิทธิพลจากทางเหนือ
เขา เป็นเพียงเด็กหนุ่มขี้อายจากเมืองเล็กๆ ต้องจากครอบครัวอบอุ่น เพื่อตามความฝันของตัวเองในเมืองใหญ่
ความฝันที่จะเอาชนะใจ สุภาพสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลี
เขามีแค่ความพรสวรรค์ด้านฟุตบอลกับความจริงใจ
การพิสูจน์รักแท้ครั้งแรกของเด็กหนุ่มวัย 18 ปี ที่สนามเหย้ากับทีม Reggina เขากลายเป็นดาวรุ่งอนาคตไกล
เขาทำให้เธอประทับใจ
และเขาก็ชนะใจเธอ



ตลอดเวลา 19 ปี เขาและเธอ กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
เขาคือผู้ปกป้องดูแล ผู้นำความสำเร็จ ชื่อเสียงเกียรติยศมาให้เธอ
ทุกๆชัยชนะในสนาม เขาทำเพื่อเธอ

เมื่อ เอ่ยถึงเธอ ทุกคนจะคิดถึงเขา
เขาคือตัวแทนที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในทุกๆด้านของเธอ


ทั้งคู่ต่อสู้ผ่านช่วงเวลาแห่งรอยยิ้มและน้ำตามามากมาย แต่ไม่มีคราวไหน สาหัสเท่าครั้งนี้
กลางฤดูร้อน 7 ปีก่อน เมื่อพายุโหมกระหน่ำเข้าใส่ จนเธอแทบตั้งตัวไม่ติด
ในวันที่เขากำลังรุ่งเรือง ก้าวสู่จุดสูงสุดอีกครั้งในชีวิต กับทีมชาติอันเป็นที่รัก
เขากลับมายืนเคียงข้างเธอ พร้อมกำลังใจและคำมั่นสัญญา

“ Un Vero cavaliere non lascia mai una signora” - A True gentleman never leaves his Lady.


เธอไม่เคยสงสัยในคำพูดนั้น




“The heart was made to be broken.”



บางครั้งเรื่องราวของความรักไม่ได้จบลงด้วยความสุขชั่วนิรันดร์
ในวันที่เขาพาเธอกลับคืนสู่ความสำเร็จสูงสุดได้อีกครั้ง คือวันแห่งการบอกลา
หลังการฉลองร่วมกันครั้งสุดท้าย
เขาออกเดินทางข้ามซีกโลก ไปยังดินแดนอันแสนไกล
เพื่อเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตที่ไม่มีเธอ
ชีวิตที่เขาเอง เกือบลืมไปแล้วว่า เคยเป็นอย่างไร



"Happiness is an allegory, unhappiness a story"



      "เท่าที่ผมรู้ Australia ไม่ใช่แค่สถานที่หนึ่งบนโลก แต่เป็นสภาวะทางใจ เป็นการบรรลุถึงจุดสูงสุดของการเดินทาง เมื่อหัวใจและวิญญาณของผมล่องลอยไปถึงที่นั่น ก่อนที่ร่างกายจะตามไปสมทบในอีก 24 ชั่วโมงให้หลัง ด้วยเที่ยวบินข้ามทวีป

      สองสามปีก่อน หลังการพ่ายแพ้ที่ยากจะทำใจ ผมเลือกที่จะออกเดินทางไปพักร้อน ยังดินแดนที่แสนไกล  ไกลจากอิตาลีที่สุด เท่าที่ผมจะหาได้บนแผนที่โลก  ผมแค่ต้องการหลบเร้นจากบางสิ่ง โดยไม่มีจุดหมายในใจที่แน่นอน  สิ่งสำคัญที่สุดตอนนั้น คือไปให้ไกล ไกลที่สุดยิ่งดี
      
     หลายปีต่อมา ผมได้ทำในสิ่งที่คล้ายๆเดิมแต่คราวนี้ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป คราวนี้ มันไม่ได้เกิดจากความพ่ายแพ้ แต่เกิดขึ้นหลังจากผมชูถ้วยแชมป์ ในฐานะกัปตันของทีมยูเวนตุสเป็นครั้งสุดท้าย คราวนี้ ผมไม่ได้หลบเพื่อให้พ้นจากเรื่องอะไร มันไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องหลบหนีไปในครั้งนี้เลย

     บางครั้ง การเปลี่ยนแปลงและการหลบหนี คล้ายคลึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ บางครั้ง เมื่อเราต้องการ การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน และปลอดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่เป็นเหมือนภารกิจประจำวันของชีวิต เหมือนการก้าวกระโดดไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เหมือนการข้ามไปสู่ด่านใหม่ในวิดิโอเกม ซึ่งแตกต่างจากเกมก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง มันปลุกเร้ามากกว่า และเราต้องจัดการด้วยระดับพลังงานเต็มร้อย

    ใช่แล้ว นี่ล่ะคือสิ่งที่ผมกล่าวถึงข้างค้น  Australia  คือการชุบพลังชีวิตและให้ในสิ่งที่ผมต้องการ หลังอออกจากยูเวนตุส มีทีมในอิตาลี ยื่นข้อเสมอมาให้ผมมากมายเกินคาด  หลังจากการสวมเครื่องแบบขาวดำมาเกือบ 20 ปี สัญลักษณ์ของทีมที่ชาวอิตาลี ทั้งรักทั้งชัง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ฝั่งไหนก็ตาม ผมไม่เคยจินตนาการเลยว่า จะมีทีมมากมาย ต้องการวางเดิมพันกับชายคนที่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังเป็นคู่แข่งและกัปตันของทีมซึ่งเป็นศัตรูร่วมของทุกๆทีมในอิตาลี

     ท่าทีสนใจของผู้จัดการทีม โคช และเพื่อนร่วมอาชีพ ทำให้ผมตัวลอย บางที พวกเขาคงแค่ต้องการชิงความได้เปรียบ เผื่อว่าผมอาจต้องการแก้แค้น กับยูเวนตุส   แต่ผมไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ในใจเลย คุณไม่สามารถลบล้างอดีตได้ หรืออย่างน้อยที่สุด คุณไม่ควรทำ
ผมมักบอกเสมอว่า ผมจะไม่ลงเล่นให้กับทีมอื่นในอิตาลีอีก และด้วยความเคารพกับทุกทีม ผมต้องการรักษาคำพูดนี้ไว้

     ช่วงแรกๆของการเป็นนักเตะไร้สังกัด ผมประเมินข้อเสนอที่ยื่นเข้ามา โดยพิจารณาความสามารถในการแข่งขันของแต่ละทีมและโอกาสร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนท์ระดับนานาชาติเป็นหลัก (UEFA Champions League หรือ Libertadores เนื่องจากตอนนั้น มีทีมจากอเมริกาใต้ ยื่นข้อเสนอมาให้ผมเช่นกัน)

     ในเบื้องต้น ผมยังคงตัดสินใจแบบเดล ปิเอโร่คนเดิม ผมยังคงไม่ตระหนักว่า ถ้าชีวิตเปรียบเหมือนวิดิโอเกม ผมก็ได้ข้ามผ่านด่านนั้นมาแล้ว
มันจบลงตั้งแต่วันสุดท้ายอันยากจะลืมเลือนที่ยูเวนตุส สเตเดี้ยม หลังการสดุดีที่ขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การแสดงออกที่จริงใจ และน่าอัศจรรย์ที่สุด ที่ผมเคยได้รับจากแฟนๆยูเว่

    ผมยังไม่ตระหนักว่า สิ่งที่ผมต้องการคืออะไรที่ต่างไปจากเดิม ไม่ใช่สิ่งที่มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้  ผมเคยคว้าชัยชนะและเกียรติยศมาเกือบทุกรางวัลในชีวิต ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติอิตาลีในปี 2006 เมื่อเราชนะถ้วยฟุตบอลโลกที่เยอรมนี
    ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ผมใช้ชีวิตโลดแล่นด้วยความเร็ว 300 กม/ชม ด้วยความมุ่งมั่นในสิ่งเดียว คือความสมบูรณ์แบบ ซึ่งหมายถึงชัยชนะในวงการกีฬา และวันนั้นผมจากมาพร้อมกับชัยชนะ

    ถ้าเช่นนั้นแล้ว ยังมีอะไรในโลกนี้ ที่จะทำให้ผมรู้สึกเช่นเดิมได้อีก อะไรที่จะเสนอมาเป็นตัวเปรียบเทียบได้ โดยไม่ทำให้ย้อนคิดถึงเรื่องราวงดงามในอดีต  ผมไม่อยากลงเล่นต่อไป โดยยังโหยหาถึงคืนวันเก่าๆ ผมอยากมองไปข้างหน้า นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอด ผมคงต้องหยุด เพื่อคิด และในช่วงที่ผมยังคงพักร้อน ผมพยายามจัดระเบียบความคิดใหม่ หลังจากกระแสแห่งอารมณ์ที่หลั่งไหลท่วมท้นได้ผ่านพ้นไป

    ผมได้รู้ว่า ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้มากกว่าที่ผ่านมา

     เมื่อไม่อาจทำได้มากกว่า ผมจึงต้องเลือกมองมุมที่ต่างออกไป หาประสบการณ์ใหม่ที่จะคุ้มค่ากับการเสียเหงื่อในสนามซ้อม โดยที่ผมยังสามารถใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่มี ด้วยสมองของผู้ใหญ่และหัวใจของผู้เยาว์ หัวใจของวัยเด็กที่ต้องการแค่วิ่งไล่ตามลูกบอลในสนาม
ดังนั้นกรอบความคิดของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยุดมองหาทีมที่มีโอกาสเข้าแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อที่จะย้อนทำซ้ำในสิ่งที่ผมเคยผ่านมาแล้วในอดีต
     ผมเริ่มชั่งน้ำหนักข้อเสนอที่ยื่นเข้ามา และพิจารณาในสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากสัญญา มากกว่าค่าตอบแทน มากกว่าโอกาสที่จะกลับสู่เส้นทางการแข่งขันและชัยชนะ เหมือนที่ผมเคยทำมา ผมไม่ได้มองหาทีมใหม่ แต่ผมกำลังมองหาชีวิตใหม่ สภาวะทางใจแบบใหม่
นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือก Sydney FC    เพื่อ Sydney     เพื่อ Australia     เพื่อเริ่มชีวิตใหม่

      Australia มีความหมายต่อทั้งชีวิตทั้งอดีตที่ผ่านมาและต่อจากนี้ไป แม้ในตอนที่ผมยังไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมจะจำไว้เสมอว่านี่คือจุดพักพิงเมื่อเดินมาถึงทางแยกเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของผม ก่อนมายืนตรงนี้ ผมคุ้นชินกับการต้องเป็น Alessandro Del Piero ตลอดเวลา ทั้งในและนอกสนาม ผมมักจะระมัดระวัง และมีเจตนาที่จะเก็บรักษาชีวิตส่วนตัว ออกจากการเป็นบุคคลสาธารณะ (และผมทำด้วยความภูมิใจกับทั้งสองบทบาท)
     Del Piero คนที่เป็นนักฟุตบอล ถูกแยกออกจาก Alessandro คนที่เป็นพ่อ สามี ลูกชาย น้องชาย และเพื่อน แต่ในอิตาลี แม้กระทั่งในยุโรป เมื่ออกจากผนังสี่ด้านที่กั้นบ้านของผมออกจากโลกภยนอกแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่สวมบทบาทเป็น Del Piero

     อย่างไรก็ตาม ผมไม่ต้องการจะบ่นหรือไม่พอใจ ความสนใจที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรักที่ผมได้รับจากแฟนๆ ทำให้ผมรู้สึกเป็นคนพิเศษ   ผมไม่เคยลืม วันใดที่ไม่มีแฟนๆร่วมยินดีกับการยิงประตูของผม การลงเล่นเพื่อให้ได้ประตูจะความหมายอะไร แต่ผมไม่ปฏิเสธว่าบางครั้ง  โดยเฉพาะหลังจากที่ผมมีลูก ผมมักจะคอยมองหาบางช่วงเวลาเล็กๆ ในชีวิตที่ผมจะได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา

  

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่