พอดีพักอาศัยอยู่ในลุมพินีบดินทร์เดชา ซอยรามคำแหง43/1 แล้วเจอปัญหาท่อน้ำดีแตก เช้าของวันที่25 กค. 2556 ที่ผ่านมา น้ำได้ไหลเข้าห้องเป็นบางส่วน บ่ายๆประกันมาวัดพื้นที่เสียหาย ซึ่งตอนประกันวัดเราก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอด ประกันแจ้งว่าพี่ได้ครึ่งห้องนะ หลังจากนั้น เมื่อ16 พย.2556 ทางนิติบุคคลได้แจ้งนัดซ่อมห้องไป เวลาคือ9โมงเช้า 7โมงเช้าเราและน้องสาวรีบตื่นเพื่อย้ายของออกจากห้อง เรารอจนเกือบ10โมงจึงโทรถามว่าช่างมาหรือยัง คำตอบคือช่างติดฝนยังมาไม่ถึง เราก็โอเค รอจนกระทั่งเกือบเที่ยง ทางนิติบุคคลโทรกลับมาว่ารอได้ไหมคะตอนนี้ช่างทำห้องชั้น2อยู่ เราไม่รีบไปไหนจึงบอกว่ารอได้ค่ะ เพราะเราไม่อยากย้ายของและอุปกรณ์ไฟฟ้าบ่อยๆ จนเวลาบ่าย2กว่าๆช่างขึ้นมา และทำการรื้อพื้นเดิมออก เราจึงเดินลงไปธุระแล้วกลับขึ้นมาเห็นสภาพที่รื้อเรียบร้อยไปแล้วครึ่งห้อง แล้วเหลือช่างกำลังปูหรือรื้อแผ่นลามิเนตไม่ทราบ เราเลยถามช่างว่า"พี่คะยังรื้อไม่เสร็จเหรอ"
ช่างตอบเราว่า "ปูใหม่แล้วครับ" น้องสาวที่นั่งดูอยู่ ตอบเราว่า "ปูไป3แถวแล้ว" เราเห็นว่าการปูไม่เรียบร้อย จึงได้โทรตามนิติบุคคลขึ้นมาดู พอเค้าขึ้นมาดูเค้าก็อธิบายให้ฟัง ว่าห้องพี่ได้10ตารางเมตรนะ ห้องพี่เครมประกันได้10ตารางเมตรนะย้ำแล้วย้ำอีก การที่คุณเครมประกันมาของเราได้10ตารางเมตร ก็ต้องเปลี่ยนใหม่10ตารางเมตร ตอนแรกก็ไม่ว่าหรอกนะที่ใช้ของเก่ามาผสมด้วย บอกหาสีลามิเนทเดิมไม่ได้ สีใกล้เคียงไม่มี ควรแจ้งเราแต่แรก ไม่ใช่จะเอาของเก่าของคนอื่นมาใส่ให้ ถึงจะเอามาใส่ให้คุณก็ต้องทำงานให้ดีให้เรียบร้อยที่สุด แล้วทำแบบสักไปที เจ้าหน้าที่พูดย้ำอยู่นั้นแหละว่า ห้องพี่ได้แค่10ตารางเมตรนะคะ เลยหันไปถามช่างว่า10ตารางเมตรพี่ได้ลามิเนทกี่กล่อง ถ้าอย่างงั้นช่างช่วยใช้6กล่องครึ่งปูให้เรียบร้อย คำตอบที่ได้จากนิติที่สวนขึ้นมาคือสีไม่เหมือนของเดิมนะคะ มันต่างกันมากเลย เจรจากันวกไปวนมาเกือบครึ่งชั่วโมง เราถึงบอกว่า ช่างปูสีใหม่10ตารางเมตรที่เหลือเอาของเดิมในห้องที่รื้อนี่แหละใส่ คำตอบที่ช่างตอบกลับมาคือลามิเนตใหม่ไม่มีครับ ผมปูพื้นชั้น2ไปเรียบร้อยแล้ว จะทำได้อีกทีวันจันทร์ แม่เจ้ารื้อพื้นออกไม่มีวัสดุใส่ให้รื้อทำไมแล้วที่ทำไป3แถวก่อนที่นิติขึ้นมาดูนั้นเป็นไม้อะไร
หลังจากนั้นได้ข้อสรุปคือ ทำวันจันทร์ ไม้ใหม่10ตารางเมตรนอกนั้นไม้เก่าในห้อง พอนิติบุคคลลงไป ช่างเก็บไม้ในห้องกองไว้มุมเดียวกัน ซึ่งมีประมาณ10กว่าแผ่น (ลองคิดเล่นๆดูนะ รื้อครึ่งห้องมีไม้10กว่าแผ่นที่เหลือไปไหนในเมื่อก่อนหน้านั้นเราเพิ่งขึ้นมาจากชั้น1 ) น้องสาวรีบโทรหาที่บ้านทันทีเพราะไม่อยากได้ไม้สีทูโทนเพราะได้เห็นไม้ที่ปูชั้น2มาแล้ว สรุปคือเย็นวันเสาร์เราโทรไปที่นิติว่าเรายอมปูทั้งห้องก็ได้ให้ช่างตีราคามา ตอนนั้นที่ตกลงกันอีกครึ่งห้องคือประมาณ5-6พันบาท
พอตกกลางคืนมีเวลาคิดไตร่ตรองว่าทำไมเราต้องเสีย แล้วจริงไหมที่ไม่มีไม้สีนี้แล้ว ท่อน้ำดีส่วนกลางแตกก็ไม่ใช่ความผิดเรา พื้นไม้ที่เหลือในห้องก็ไม่ได้พัง เราเลยค้นหาแล้วไล่ดูตามอินเตอร์เนต สรุปมันมีทั้งคล้ายคลึง แล้วเหมือนสีที่ปูอยู่ แต่เวลานั้นมันดึกมากแล้ว จึงไม่กล้ารบกวนผจก.นิติบุคคล
เช้า9โมงกว่าวันอาทิตย์ เราได้โทรบอกเหตุผลและจุดประสงค์ของการที่อยากให้เค้าช่วย เค้ารับปากเราว่าเค้าจะคุยกับทางผู้รับเหมาและทางน้องที่ทำเรื่องเครมประกันให้ ให้หาไม้สีที่ใกล้เคียงมาเปลี่ยนให้ แต่ถ้าไม่ได้จะตกลงเป็นอย่างอื่นค่อยคุยกันอีกที แล้วเกือบๆเที่ยงเราก็เจอเค้าอีกครั้งและได้คุยกันต่อหน้า แล้วมีพยานเป็นคนในร้านกาแฟและผู้พักอาศัยกรรมการชุมชนที่อยู่ร่วมวงสนทนานั้นด้วย เค้ารับปากเราเหมือนกันกับในทางโทรศัพท์เมื่อเช้า
9โมงครึ่งวันจันทร์ที่ 18 พย. 2556 ช่างมาเคาะประตูห้องว่ามาทำห้อง คำแรกที่ถามช่างคือ ช่างคุยกับทางนิติบุคคลหรือยัง ช่างตอบว่ายังครับ
เราจึงโทรหาผจก.นิติบุคคล ได้รับคำตอบที่ดีมาก พี่ยังไม่ได้คุยกับน้องที่ทำเรื่องเคลมประกันเลย เสร็จก็โทรคุยกับน้องที่ดูแลเรื่องเครมประกัน ซึ่งเป็นวันหยุดของเค้า บอกพี่ไม่ต้องการเปลี่ยนทั้งหมด พี่ต้องการเปลี่ยนแค่ที่เครมได้ ให้ผู้รับเหมาหาให้ได้ไหม น้องบอกต้องรอนะ เราก็เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายช่างรับเหมามี ผู้รับเหมาอธิบายเหมือนน้องนิติ ระหว่างคุยหันไปดูหน้าน้องสาวซึ่งรายหนึ่งต้องนอนอมฝุ่นปูหลังจากช่างรื้อทิ้งไว้ ว่าหนูต้องทนอีกเหรอ แล้วอีกรายต้องออกจากห้องกลางดึกคืนวันเสาร์เพื่อหาห้องใหม่นอนเพราะนอนไม่ได้ด้วยอากาศภูมิแพ้ เรามีทางเลือกไม่มากนักก็ต้องตกลงใจที่จะเปลี่ยนทั้งห้อง แล้วเสียเงินค่าส่วนต่างซึ่งต่อรองกับพี่ผู้รับเหมา แล้วแกสงสารเลยให้ราคา4,000 บาท
สรุปท่อน้ำดีแตก ไม่ใช่ความผิดของเรา พื้นห้องหาไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา พื้นห้องส่วนที่เหลือไม่พังก็ต้องเปลี่ยนเพราะเลือกไม่ได้ ถ้าจะเลือกช่างบอกไว้เลยว่าเป็นไม้เก่าที่นิติเก็บไว้ แล้วไม้ไม่ได้สภาพดีทุกแผ่น ห้องไหนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนก็ระวังไว้ ส่วนห้องไหนเปลี่ยนแล้วถ้าไม่เปลี่ยนทั้งห้อง ก็กลับไปดูเถอะ เช็คให้ละเอียด
บริการห่วยแตกของการซ่อมห้องของLPN
ช่างตอบเราว่า "ปูใหม่แล้วครับ" น้องสาวที่นั่งดูอยู่ ตอบเราว่า "ปูไป3แถวแล้ว" เราเห็นว่าการปูไม่เรียบร้อย จึงได้โทรตามนิติบุคคลขึ้นมาดู พอเค้าขึ้นมาดูเค้าก็อธิบายให้ฟัง ว่าห้องพี่ได้10ตารางเมตรนะ ห้องพี่เครมประกันได้10ตารางเมตรนะย้ำแล้วย้ำอีก การที่คุณเครมประกันมาของเราได้10ตารางเมตร ก็ต้องเปลี่ยนใหม่10ตารางเมตร ตอนแรกก็ไม่ว่าหรอกนะที่ใช้ของเก่ามาผสมด้วย บอกหาสีลามิเนทเดิมไม่ได้ สีใกล้เคียงไม่มี ควรแจ้งเราแต่แรก ไม่ใช่จะเอาของเก่าของคนอื่นมาใส่ให้ ถึงจะเอามาใส่ให้คุณก็ต้องทำงานให้ดีให้เรียบร้อยที่สุด แล้วทำแบบสักไปที เจ้าหน้าที่พูดย้ำอยู่นั้นแหละว่า ห้องพี่ได้แค่10ตารางเมตรนะคะ เลยหันไปถามช่างว่า10ตารางเมตรพี่ได้ลามิเนทกี่กล่อง ถ้าอย่างงั้นช่างช่วยใช้6กล่องครึ่งปูให้เรียบร้อย คำตอบที่ได้จากนิติที่สวนขึ้นมาคือสีไม่เหมือนของเดิมนะคะ มันต่างกันมากเลย เจรจากันวกไปวนมาเกือบครึ่งชั่วโมง เราถึงบอกว่า ช่างปูสีใหม่10ตารางเมตรที่เหลือเอาของเดิมในห้องที่รื้อนี่แหละใส่ คำตอบที่ช่างตอบกลับมาคือลามิเนตใหม่ไม่มีครับ ผมปูพื้นชั้น2ไปเรียบร้อยแล้ว จะทำได้อีกทีวันจันทร์ แม่เจ้ารื้อพื้นออกไม่มีวัสดุใส่ให้รื้อทำไมแล้วที่ทำไป3แถวก่อนที่นิติขึ้นมาดูนั้นเป็นไม้อะไร
หลังจากนั้นได้ข้อสรุปคือ ทำวันจันทร์ ไม้ใหม่10ตารางเมตรนอกนั้นไม้เก่าในห้อง พอนิติบุคคลลงไป ช่างเก็บไม้ในห้องกองไว้มุมเดียวกัน ซึ่งมีประมาณ10กว่าแผ่น (ลองคิดเล่นๆดูนะ รื้อครึ่งห้องมีไม้10กว่าแผ่นที่เหลือไปไหนในเมื่อก่อนหน้านั้นเราเพิ่งขึ้นมาจากชั้น1 ) น้องสาวรีบโทรหาที่บ้านทันทีเพราะไม่อยากได้ไม้สีทูโทนเพราะได้เห็นไม้ที่ปูชั้น2มาแล้ว สรุปคือเย็นวันเสาร์เราโทรไปที่นิติว่าเรายอมปูทั้งห้องก็ได้ให้ช่างตีราคามา ตอนนั้นที่ตกลงกันอีกครึ่งห้องคือประมาณ5-6พันบาท
พอตกกลางคืนมีเวลาคิดไตร่ตรองว่าทำไมเราต้องเสีย แล้วจริงไหมที่ไม่มีไม้สีนี้แล้ว ท่อน้ำดีส่วนกลางแตกก็ไม่ใช่ความผิดเรา พื้นไม้ที่เหลือในห้องก็ไม่ได้พัง เราเลยค้นหาแล้วไล่ดูตามอินเตอร์เนต สรุปมันมีทั้งคล้ายคลึง แล้วเหมือนสีที่ปูอยู่ แต่เวลานั้นมันดึกมากแล้ว จึงไม่กล้ารบกวนผจก.นิติบุคคล
เช้า9โมงกว่าวันอาทิตย์ เราได้โทรบอกเหตุผลและจุดประสงค์ของการที่อยากให้เค้าช่วย เค้ารับปากเราว่าเค้าจะคุยกับทางผู้รับเหมาและทางน้องที่ทำเรื่องเครมประกันให้ ให้หาไม้สีที่ใกล้เคียงมาเปลี่ยนให้ แต่ถ้าไม่ได้จะตกลงเป็นอย่างอื่นค่อยคุยกันอีกที แล้วเกือบๆเที่ยงเราก็เจอเค้าอีกครั้งและได้คุยกันต่อหน้า แล้วมีพยานเป็นคนในร้านกาแฟและผู้พักอาศัยกรรมการชุมชนที่อยู่ร่วมวงสนทนานั้นด้วย เค้ารับปากเราเหมือนกันกับในทางโทรศัพท์เมื่อเช้า
9โมงครึ่งวันจันทร์ที่ 18 พย. 2556 ช่างมาเคาะประตูห้องว่ามาทำห้อง คำแรกที่ถามช่างคือ ช่างคุยกับทางนิติบุคคลหรือยัง ช่างตอบว่ายังครับ
เราจึงโทรหาผจก.นิติบุคคล ได้รับคำตอบที่ดีมาก พี่ยังไม่ได้คุยกับน้องที่ทำเรื่องเคลมประกันเลย เสร็จก็โทรคุยกับน้องที่ดูแลเรื่องเครมประกัน ซึ่งเป็นวันหยุดของเค้า บอกพี่ไม่ต้องการเปลี่ยนทั้งหมด พี่ต้องการเปลี่ยนแค่ที่เครมได้ ให้ผู้รับเหมาหาให้ได้ไหม น้องบอกต้องรอนะ เราก็เข้าใจว่าค่าใช้จ่ายช่างรับเหมามี ผู้รับเหมาอธิบายเหมือนน้องนิติ ระหว่างคุยหันไปดูหน้าน้องสาวซึ่งรายหนึ่งต้องนอนอมฝุ่นปูหลังจากช่างรื้อทิ้งไว้ ว่าหนูต้องทนอีกเหรอ แล้วอีกรายต้องออกจากห้องกลางดึกคืนวันเสาร์เพื่อหาห้องใหม่นอนเพราะนอนไม่ได้ด้วยอากาศภูมิแพ้ เรามีทางเลือกไม่มากนักก็ต้องตกลงใจที่จะเปลี่ยนทั้งห้อง แล้วเสียเงินค่าส่วนต่างซึ่งต่อรองกับพี่ผู้รับเหมา แล้วแกสงสารเลยให้ราคา4,000 บาท
สรุปท่อน้ำดีแตก ไม่ใช่ความผิดของเรา พื้นห้องหาไม่ได้ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา พื้นห้องส่วนที่เหลือไม่พังก็ต้องเปลี่ยนเพราะเลือกไม่ได้ ถ้าจะเลือกช่างบอกไว้เลยว่าเป็นไม้เก่าที่นิติเก็บไว้ แล้วไม้ไม่ได้สภาพดีทุกแผ่น ห้องไหนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนก็ระวังไว้ ส่วนห้องไหนเปลี่ยนแล้วถ้าไม่เปลี่ยนทั้งห้อง ก็กลับไปดูเถอะ เช็คให้ละเอียด