คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 95
อ่านแล้วซึ้งมาก
เราเพิ่งเกิดเมื่อสองวันที่แล้ว
คือปกติเราเรียนมหาลัยพ่อจะเป็นคนโอนเงินให้ตลอด ไม่มีเป็นรายเดือนถ้าเงินหมดเมื่อไหร่พ่อบอกให้ขอได้ตลอด
คราวนี้เราอดใจไม่ไหว เอาเงินไปซื้อรองเท้าวิ่งใหม่เพราะใช้อันเก่าแล้ววิ่งเจ็บหน้าแข้งมาก ปรากฎเงินเหลือไม่ถึงพัน ทั้งๆที่พ่อเพิ่งโอนเงินมาให้ก้อนใหญ่
แล้วถึงแม้พ่อจะบอกว่าเงินหมดให้ขอใหม่ได้ แต่พอคิดถึงหลักความเป็นจริงเราไม่กล้าขอนะ ต้องรอให้ผ่านไปหลายๆวันจริงๆ จึงจะขอใหม่
ความซวยมาเยือน เพราะเรามีค่าหนังสือเรียนที่สั่งไว้ต้องจ่าย ค่าไฟหอ ค่ากินอยู่ด้วย โดยใช้ 1 พัน ไม่พอแน่ๆ คิดในใจคงต้องอดข้าวลงเหลือมื้อเดียว
แต่สุดท้ายก็โทรหาแม่ ขอเงินแม่มาใช้ก่อน 2 พัน แล้วก็บอกแม่ว่า อย่าบอกพ่อนะว่าโทรมาขอเงินแม่ กลัวพ่อเสียใจที่ใช้เงินเปลือง ตอนแรกแม่เราก็บ่นๆนะ เราก็ยอมรับ แล้วแม่ก็บอกไม่ว่างจะโอนให้อีก 2-3 วัน แล้วก็แบบตอนนั้นรู้สึกผิด เพราะแม่ก็ไม่ค่อยมีตัง แม่ไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านต้องใช้เงินจากพ่ออีกทีเหมือนกัน
เราเลยบอกแม่ไปว่าไม่ต้องแล้ว โกหกว่ายังมีเงินเหลืออีก 2-3 พันน่าจะใช้พอ (จริงๆเหลือพันเดียว แถมต้องจ่ายค่าหนังสือกับค่าไฟหอด้วย)
แม่เราก็โอเค
พอวางสาย ทีนี้เราเครียดเลย คำนวณว่าต้องลดข้าวลงกี่มื้อในแต่ละวัน ต้องเจียดเงินไปให้ค่าหนังสือเรียนก่อนเพราะสั่งไว้นานมาก
พอตกเย็น แม่เรากลับโทรมาหาเรา บอกว่าเดี๋ยวจะโอนเงินไปให้เลย แม่กลัวเราไม่มีกิน เรานี่แบบถือโทรศัพท์น้ำตาไหลเลย เราก็บอกแม่ไปแล้วว่าไม่เป็นไร แม่เอาไปใช้เถอะ เราอยู่ได้ แต่สุดท้ายแม่ก็โอนมาให้อยู่ดี
เราเลยบอกว่า 1 พันก็พอ
เรื่องยังไม่จบ... พอได้ตังปุ๊ป เงินเราก็อัพเดทไปเป็น 2 พัน จ่ายค่าหนังสือเรียน (ที่โคตรแพงและเล่มหนามากกก ) กับจ่ายค่าไฟหอ เหลือเงิน 700 กว่าบาท เราก็โล่งใจ น่าจะอยู่ได้เป็นเดือน แต่คราวนี้ชั้นเรียนเราดันเก็บตังค่าชั้นปีอีก 100 นึง!! แล้วเพื่อนตัวดีเราไปสั่งหนังสือเพิ่มดันใส่ชื่อเราลงไปด้วย!! เอาล่ะไง ต้องเสียเงินอีกแล้ว ยกเลิกไม่ได้ด้วยเพราะหนังสือมา
ตกลงเหลืออยู่ 400 กินทั้งเดือน (ตอนนั้นเป็นวันต้นเดือนด้วย =*=!!)
คิดแว็บหนึ่งขึ้นมาเลยว่า ไอ้รองเท้าวิ่งนี่ อยากขายเอาเงินมาใช้ก่อนจริงๆ ไม่น่าซื้อมาเลย (โทษตัวเองสุดๆ)
แต่สุดท้าย ก็บากหน้าโทรไปหาพ่อ
....ตอนแรกก็ถามอ้อมๆไปเรื่อยว่าพ่อทำไรอยู่ บลาๆๆ แล้วก็เริ่มเข้าประเด็น พ่อก็รับฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไรสักคำเลย พ่อแค่บอกว่า รออีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะรีบไปโอนให้...
เราก็แบบ พ่อไม่ต้องรีบก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เรายังอยู่ได้ แต่สุดท้ายอีก 30 นาที พ่อก็โทรมาบอกว่าโอนให้แล้วนะหมื่นนึง เราเม้มปากแน่น มันจุกอยู่ที่อก คือเราไม่ได้บอกพ่อว่าเอาเงินไปทำไรบ้าง พ่อก็ไม่ได้ถามเพราะพ่อเชื่อใจเราเสมอ พ่อโอนเงินมาให้โดยที่ไม่ถามเลยว่าเราเอาไปทำอะไรถึงถึงมาขอเงินก้อนใหม่เร็วขนาดนี้
ตั้งแต่นั้นก็สำนึกเลย ใส่ไอ้รองเท้าวิ่งนั่นล่ะทุกวัน ไปเรียนก็ใส่ ใส่ๆๆจนกว่ามันจะพังแบบใส่ไม่ได้เลย T^T
เราเพิ่งเกิดเมื่อสองวันที่แล้ว
คือปกติเราเรียนมหาลัยพ่อจะเป็นคนโอนเงินให้ตลอด ไม่มีเป็นรายเดือนถ้าเงินหมดเมื่อไหร่พ่อบอกให้ขอได้ตลอด
คราวนี้เราอดใจไม่ไหว เอาเงินไปซื้อรองเท้าวิ่งใหม่เพราะใช้อันเก่าแล้ววิ่งเจ็บหน้าแข้งมาก ปรากฎเงินเหลือไม่ถึงพัน ทั้งๆที่พ่อเพิ่งโอนเงินมาให้ก้อนใหญ่
แล้วถึงแม้พ่อจะบอกว่าเงินหมดให้ขอใหม่ได้ แต่พอคิดถึงหลักความเป็นจริงเราไม่กล้าขอนะ ต้องรอให้ผ่านไปหลายๆวันจริงๆ จึงจะขอใหม่
ความซวยมาเยือน เพราะเรามีค่าหนังสือเรียนที่สั่งไว้ต้องจ่าย ค่าไฟหอ ค่ากินอยู่ด้วย โดยใช้ 1 พัน ไม่พอแน่ๆ คิดในใจคงต้องอดข้าวลงเหลือมื้อเดียว
แต่สุดท้ายก็โทรหาแม่ ขอเงินแม่มาใช้ก่อน 2 พัน แล้วก็บอกแม่ว่า อย่าบอกพ่อนะว่าโทรมาขอเงินแม่ กลัวพ่อเสียใจที่ใช้เงินเปลือง ตอนแรกแม่เราก็บ่นๆนะ เราก็ยอมรับ แล้วแม่ก็บอกไม่ว่างจะโอนให้อีก 2-3 วัน แล้วก็แบบตอนนั้นรู้สึกผิด เพราะแม่ก็ไม่ค่อยมีตัง แม่ไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านต้องใช้เงินจากพ่ออีกทีเหมือนกัน
เราเลยบอกแม่ไปว่าไม่ต้องแล้ว โกหกว่ายังมีเงินเหลืออีก 2-3 พันน่าจะใช้พอ (จริงๆเหลือพันเดียว แถมต้องจ่ายค่าหนังสือกับค่าไฟหอด้วย)
แม่เราก็โอเค
พอวางสาย ทีนี้เราเครียดเลย คำนวณว่าต้องลดข้าวลงกี่มื้อในแต่ละวัน ต้องเจียดเงินไปให้ค่าหนังสือเรียนก่อนเพราะสั่งไว้นานมาก
พอตกเย็น แม่เรากลับโทรมาหาเรา บอกว่าเดี๋ยวจะโอนเงินไปให้เลย แม่กลัวเราไม่มีกิน เรานี่แบบถือโทรศัพท์น้ำตาไหลเลย เราก็บอกแม่ไปแล้วว่าไม่เป็นไร แม่เอาไปใช้เถอะ เราอยู่ได้ แต่สุดท้ายแม่ก็โอนมาให้อยู่ดี
เราเลยบอกว่า 1 พันก็พอ
เรื่องยังไม่จบ... พอได้ตังปุ๊ป เงินเราก็อัพเดทไปเป็น 2 พัน จ่ายค่าหนังสือเรียน (ที่โคตรแพงและเล่มหนามากกก ) กับจ่ายค่าไฟหอ เหลือเงิน 700 กว่าบาท เราก็โล่งใจ น่าจะอยู่ได้เป็นเดือน แต่คราวนี้ชั้นเรียนเราดันเก็บตังค่าชั้นปีอีก 100 นึง!! แล้วเพื่อนตัวดีเราไปสั่งหนังสือเพิ่มดันใส่ชื่อเราลงไปด้วย!! เอาล่ะไง ต้องเสียเงินอีกแล้ว ยกเลิกไม่ได้ด้วยเพราะหนังสือมา
ตกลงเหลืออยู่ 400 กินทั้งเดือน (ตอนนั้นเป็นวันต้นเดือนด้วย =*=!!)
คิดแว็บหนึ่งขึ้นมาเลยว่า ไอ้รองเท้าวิ่งนี่ อยากขายเอาเงินมาใช้ก่อนจริงๆ ไม่น่าซื้อมาเลย (โทษตัวเองสุดๆ)
แต่สุดท้าย ก็บากหน้าโทรไปหาพ่อ
....ตอนแรกก็ถามอ้อมๆไปเรื่อยว่าพ่อทำไรอยู่ บลาๆๆ แล้วก็เริ่มเข้าประเด็น พ่อก็รับฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไรสักคำเลย พ่อแค่บอกว่า รออีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะรีบไปโอนให้...
เราก็แบบ พ่อไม่ต้องรีบก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เรายังอยู่ได้ แต่สุดท้ายอีก 30 นาที พ่อก็โทรมาบอกว่าโอนให้แล้วนะหมื่นนึง เราเม้มปากแน่น มันจุกอยู่ที่อก คือเราไม่ได้บอกพ่อว่าเอาเงินไปทำไรบ้าง พ่อก็ไม่ได้ถามเพราะพ่อเชื่อใจเราเสมอ พ่อโอนเงินมาให้โดยที่ไม่ถามเลยว่าเราเอาไปทำอะไรถึงถึงมาขอเงินก้อนใหม่เร็วขนาดนี้
ตั้งแต่นั้นก็สำนึกเลย ใส่ไอ้รองเท้าวิ่งนั่นล่ะทุกวัน ไปเรียนก็ใส่ ใส่ๆๆจนกว่ามันจะพังแบบใส่ไม่ได้เลย T^T
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
ตกงาน ไม่มีเงิน
ยืมเพื่อน เพื่อนเดินหนี เลิกคบ บล๊อคเบอร์
ขอแม่ แม่เอาทีวีไปขาย เอาของเก่าในบ้านไปขาย ส่งเงินมาให้กิน
คนในนี้หลายๆคน ก็บอกแล้วว่า ถ้าไม่อยากเสียเพื่อนอย่าให้ยืมเงิน
ผมเชื่อว่า จะให้ยืม หรือ ไม่ให้ยืม ก็เสียเหมือนกันครับ
แต่ให้ยืม ถึงจะเสียเงิน เสียเพื่อน แต่ไม่เสียคุณค่าความเป็นคนในตัวเราครับ
ถ้าคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ก็ไม่ต้องมีเพื่อนครับ อยู่คนเดียวไปเรื่อยๆก็ได้
ให้ยืมได้ แต่อย่าหวังจะคืนเอาเป็นเอาตาย ถ้าคุณไม่ได้ทำอาชีพเงินกู้รายวัน
คนเราต้องดูเหตุผลด้วยว่าเค้ายืมเพราะอะไร ?
ยืมเพราะติดพนัน ติดยา อันนี้คงต้องหยุด
แต่ถ้ายืมเพราะตกงาน เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ อันนี้ช่วยเท่าที่ช่วยได้ไปเหอะครับ ไม่ได้คืนก็ถือว่าทำบุญช่วยชีวิตคนด้วยกัน ดีกว่าไปลงขวดเหล้า ลงอ่าง
ยังไง คนที่บอกว่า ให้ยืมแล้วเสียเพื่อน
ก็ขอให้อยู่ปรกติสุขไปจนวันตายนะครับ อย่าพลาดอะไรขึ้นมา
เพราะถึงตอนนั้น คุณจะหันไปหาใครไม่ได้เลย
ยืมเพื่อน เพื่อนเดินหนี เลิกคบ บล๊อคเบอร์
ขอแม่ แม่เอาทีวีไปขาย เอาของเก่าในบ้านไปขาย ส่งเงินมาให้กิน
คนในนี้หลายๆคน ก็บอกแล้วว่า ถ้าไม่อยากเสียเพื่อนอย่าให้ยืมเงิน
ผมเชื่อว่า จะให้ยืม หรือ ไม่ให้ยืม ก็เสียเหมือนกันครับ
แต่ให้ยืม ถึงจะเสียเงิน เสียเพื่อน แต่ไม่เสียคุณค่าความเป็นคนในตัวเราครับ
ถ้าคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ก็ไม่ต้องมีเพื่อนครับ อยู่คนเดียวไปเรื่อยๆก็ได้
ให้ยืมได้ แต่อย่าหวังจะคืนเอาเป็นเอาตาย ถ้าคุณไม่ได้ทำอาชีพเงินกู้รายวัน
คนเราต้องดูเหตุผลด้วยว่าเค้ายืมเพราะอะไร ?
ยืมเพราะติดพนัน ติดยา อันนี้คงต้องหยุด
แต่ถ้ายืมเพราะตกงาน เกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ อันนี้ช่วยเท่าที่ช่วยได้ไปเหอะครับ ไม่ได้คืนก็ถือว่าทำบุญช่วยชีวิตคนด้วยกัน ดีกว่าไปลงขวดเหล้า ลงอ่าง
ยังไง คนที่บอกว่า ให้ยืมแล้วเสียเพื่อน
ก็ขอให้อยู่ปรกติสุขไปจนวันตายนะครับ อย่าพลาดอะไรขึ้นมา
เพราะถึงตอนนั้น คุณจะหันไปหาใครไม่ได้เลย
ความคิดเห็นที่ 88
ขอเล่าบ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งเรามีปัญหารุมเร้าทั้งเรื่องงาน เงิน คนรัก(เก่า) แม่ (เรากับแม่จะชอบมีปากเสียงกัน และงอนได้เป็นเดือนๆ)
แบบว่าเรื่องทั้งหมดพากันมาปะดังปาเดใส่ในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นเก็บตัวเงียบ รู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน ก็เลยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋านั่งรถบขส.
ไปสิงห์บุรีคนเดียว ไปถือศีลอยู่ที่วัดอัมพวัน 7 วัน และตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 400 แต่ก่อนที่จะเข้าวัดเราโทรบอกพ่อว่าอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะระหว่างปฏิบัติธรรมเขาจะให้ปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
ตอนนั้นพ่อถามว่า มีเงินติดตัวไปเท่าไร เราบอกว่ามี 400 พ่อทำเสียงโมโหใส่ บอกว่าเราบ้า กล้าไปได้ไงมีเงินแค่นั้น และบอกว่าเดี๋ยวจะเอามาให้เพิ่ม คือ ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอกว่าพ่อจะมาจริงๆ เพราะพ่องานยุ่งมาก และอีกอย่างคือ จะติดต่ออะไรยังไง โทรศัพท์ก็ปิดหมดแล้ว
ถึงวันที่ 2 ที่เราอยู่วัด ช่วงเย็นก่อนจะทำวัตรเย็น เขาจะให้นั่งสมาธิและเดินจงกลมตามปกติที่ศาลาหลังใหญ่ เราเดินจงกลมอยู่ด้านนอกศาลา เห็นรถพ่อขับมาตามถนนเส้นที่จะผ่านไปทางหลังวัดและต้องผ่านศาลานี้ก่อน พ่อเห็นเราพอดีและค่อยๆ จอดรถ เราจึงเดินไปหา พอพ่อเห็นเราใส่ชุดขาว พ่อหัวเราะใหญ่ ถามอีกจะกลับวันไหนยังไง พร้อมยื่นเงินให้มาอีก 4,000 เราถามจะให้ทำไมเยอะแยะ พ่อบอกว่า ให้เราเก็บเอาไว้
จากนั้นพ่อขับรถกลับบ้าน
เราเดินเข้าศาลา จะนั่งสมาธิต่อ แต่นั่งไม่ได้ค่ะ น้ำตาไหลนองเป็นน้ำก๊อกเลย รู้สึกได้เลยว่า คงไม่มีใครแล้วที่จะยอมทำให้เราได้ขนาดนี้
พ่อยอมขับรถจากปทุมธานีมาสิงห์บุรีในช่วงเย็นเพื่อมาหาเรา เพราะความที่กลัวลูกจะลำบาก เราแบบ...จุกและพูดไม่ถูกนะ เหมือนเรื่องที่มันปะดังปะเดเข้ามาในตอนนั้นมันหายแว้บไปเลย คือ เราได้เป้าหมายทันทีว่าเราควรจะทำอะไรต่อและทำเพื่อใคร หลังจากที่เรามองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดมานาน ช่วงเวลาที่อยู่วัดเราภาวนาและอุทิศส่วนบุญให้พ่อกับแม่ของเราอย่างเดียวเลย เหมือนมาเป็นตัวแทนของพ่อกับแม่ในการทำบุญและปฏิบัติธรรมครั้งนั้นเลยก็ว่าได้
แบบว่าเรื่องทั้งหมดพากันมาปะดังปาเดใส่ในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นเก็บตัวเงียบ รู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน ก็เลยเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋านั่งรถบขส.
ไปสิงห์บุรีคนเดียว ไปถือศีลอยู่ที่วัดอัมพวัน 7 วัน และตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 400 แต่ก่อนที่จะเข้าวัดเราโทรบอกพ่อว่าอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะระหว่างปฏิบัติธรรมเขาจะให้ปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
ตอนนั้นพ่อถามว่า มีเงินติดตัวไปเท่าไร เราบอกว่ามี 400 พ่อทำเสียงโมโหใส่ บอกว่าเราบ้า กล้าไปได้ไงมีเงินแค่นั้น และบอกว่าเดี๋ยวจะเอามาให้เพิ่ม คือ ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอกว่าพ่อจะมาจริงๆ เพราะพ่องานยุ่งมาก และอีกอย่างคือ จะติดต่ออะไรยังไง โทรศัพท์ก็ปิดหมดแล้ว
ถึงวันที่ 2 ที่เราอยู่วัด ช่วงเย็นก่อนจะทำวัตรเย็น เขาจะให้นั่งสมาธิและเดินจงกลมตามปกติที่ศาลาหลังใหญ่ เราเดินจงกลมอยู่ด้านนอกศาลา เห็นรถพ่อขับมาตามถนนเส้นที่จะผ่านไปทางหลังวัดและต้องผ่านศาลานี้ก่อน พ่อเห็นเราพอดีและค่อยๆ จอดรถ เราจึงเดินไปหา พอพ่อเห็นเราใส่ชุดขาว พ่อหัวเราะใหญ่ ถามอีกจะกลับวันไหนยังไง พร้อมยื่นเงินให้มาอีก 4,000 เราถามจะให้ทำไมเยอะแยะ พ่อบอกว่า ให้เราเก็บเอาไว้
จากนั้นพ่อขับรถกลับบ้าน
เราเดินเข้าศาลา จะนั่งสมาธิต่อ แต่นั่งไม่ได้ค่ะ น้ำตาไหลนองเป็นน้ำก๊อกเลย รู้สึกได้เลยว่า คงไม่มีใครแล้วที่จะยอมทำให้เราได้ขนาดนี้
พ่อยอมขับรถจากปทุมธานีมาสิงห์บุรีในช่วงเย็นเพื่อมาหาเรา เพราะความที่กลัวลูกจะลำบาก เราแบบ...จุกและพูดไม่ถูกนะ เหมือนเรื่องที่มันปะดังปะเดเข้ามาในตอนนั้นมันหายแว้บไปเลย คือ เราได้เป้าหมายทันทีว่าเราควรจะทำอะไรต่อและทำเพื่อใคร หลังจากที่เรามองข้ามสิ่งที่สำคัญที่สุดมานาน ช่วงเวลาที่อยู่วัดเราภาวนาและอุทิศส่วนบุญให้พ่อกับแม่ของเราอย่างเดียวเลย เหมือนมาเป็นตัวแทนของพ่อกับแม่ในการทำบุญและปฏิบัติธรรมครั้งนั้นเลยก็ว่าได้
แสดงความคิดเห็น
ยืมเงินพ่อแล้วค่ะ โดนด่าหูชา
http://pantip.com/topic/31255092