[CR] [HD] รีวิว iPad Air แบบไทยไทย :: จัดเต็ม พร้อมเทียบกับ Galaxy Note 10.1" 2014 Edition


สวัสดีค่ะ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลานึง ที่เหล่าบริษัท IT ชั้นนำของโลก ทยอยออกตัวเด็ดๆ มาให้เราได้เลือกใช้งานกันนะคะ
เรียกได้ว่ารีวิวกันไม่หวั่นไม่ไหว แทบจะใช้เวลามากกว่างานประจำที่ทำอยู่ซะแล้ว 555 วันนี้อุ้มก็มีหนึ่งใน Tablet ที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมแทบจะสูงสุด และถือว่าเป็น Tablet ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศไทย จะเป็นอะไรไปไม่ได้ค่ะ นอกจาก iPad จาก Apple นั่นเอง

Apple สร้างความตื่นตัวในวงการ IT เมื่อหลายปีก่อน ที่ได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์ ที่เค้าบอกว่าเป็นตรงกลางระหว่าง มือถือ กับ PC เป็นอุปกรณ์ที่เมื่อปิด Notebook ปุ๊ป ต้องหยิบมาเล่นปั๊ป ทำให้เรานอนดึกกันขึ้นเรื่อยๆค่ะ iPad ออกมาหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ iPad1 ไล่มาเรื่อยๆนะคะ อุ้มเองก็เป็นคนนึงที่ตามซื้อทุกรุ่นยกเว้น iPad3 แต่คนที่ได้ใช้งานจริงๆ กลับเป็นแม่อุ้มค่ะ แกเอาไว้เล่นหุ้น ที่ผ่านมาก็ยังไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงบน iPad มากนะคะ หน้าตาที่คล้ายๆเดิม แต่อาจจะเบาลง หรือบางลงนิด บางลงหน่อย

จนมาถึงในปีนี้ค่ะ กับข่าวคราว iPad5 ที่ออกมาหนาหู ว่าต้องมี Touch ID ที่เอาไว้แสกนนิ้วแน่นอน แต่ความเป็นจริงแล้ว มันกลับมากับความเปลี่ยนแปลง ทั้งชื่อ และรูปทรงค่ะ สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนแอปเปิลได้ไม่น้อย

My First Impression ::



พอเห็นรีวิวจากสื่อนอกได้ไม่ถึงสามตัว ก็จัดการลงขาย iPad 4 ของแม่ทันทีค่ะ ส่วนตัวแล้วอุ้มรู้สึกตื่นเต้นกับ iPad Air มากกว่า iPad mini 2 ด้วยซ้ำไป (หรือเพราะมันเปลี่ยนชื่อ555) เลิกงานก็รีบตรงไปรับเครื่องมาทันทีเลยค่ะ ก่อนแกะกล่อง แอบลุ้นอยู่คนเดียวว่า จะบางขึ้นเยอะเปล่าว้า จะเบาลงเยอะมั้ยว้า พอแกะกล่องออกมา ก็จะเห็นตัวเครื่อง iPad Air นอนขาวรอเราอยู่ หยิบขึ้นมา ก็รู้สึกบาง และเบาลงจนรู้สึกได้

สำหรับ iPad Air มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว เป็นจอ Retina Display มีน้ำหนักแค่ 465 กรัม หนาเพียง 7.5 มม. ทั้งเบาและบางลงกว่าเดิม ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดเด่นข้อสำคัญ เมื่อพูดถึงคำว่า Air กับ Apple แล้ว คนน่าจะคิดถึง Macbook Air ที่เป็น category ของ Macbook ที่เบาที่สุด พอมาเป็น iPad Air เลยมีคำถามขึ้นมาว่า ตอนจับเครื่องจริงๆ รู้สึกยังไงบ้าง

[HD] iPad Air First Unboxing แบบไทยไทย : 8 นาทีแห่งความฟิน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
บางลงมั้ย เบาลงจริงรึเปล่า ? ::



จากการที่ให้หลายๆคนจับเครื่องจริง ต้องบอกว่า จับปุ๊ปก็รู้สึกว่าเบาขึ้นปั๊ปค่ะ แต่บางคนก็บอกว่า ก็ไม่ได้เบาขึ้นจนเบาหวิว แต่บางนี่บางจริงค่ะ บางกว่าไอโฟนอีก หน้าตาก็มีความใกล้เคียงกับ iPad mini มากค่ะ แตกต่างกันที่ขนาดหน้าจอ เหมือนเป็นเจ้ามินิขยายร่างอย่างไรอย่างนั้น

ใช้งานแล้ว รู้สึกแตกต่างกว่า iPad รุ่นก่อนๆ จริงมั้ย ::





ความรู้สึกในการใช้แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดค่ะ อยากจะเอามาเทียบกับ iPad4 ให้ดูจริงๆ แต่ว่าดันขายไปแล้วค่ะ 555 เอาเป็นว่า อุ้มเล่าเป็นความรู้สึกแทนแล้วกันนะคะ iPad Air บางกว่า iPad 4 ประมาณ 20% และเบากว่าประมาณ 2 ขีด ขอบด้านข้างจอหายไปพอสมควร หน้าตาเปลี่ยนแปลง แบบที่ใครเห็นก็รู้ค่ะ ว่านี่คือ iPad Air ไม่ใช่ iPad4 ความเร็วที่เร็วขึ้นจนสัมผัสได้กับ A7 64bit chips เรียกได้ว่า Performance เครื่อง ทำได้ดีกว่ามากๆค่ะ

เอา iPad Air มาเรียน หรือทำงาน ซื้อดีมั้ย? ::

เคยเขียนเรื่องการนำ iPad รุ่นแรกมาใช้ในการเรียนไปเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้ก็อะไรเปลี่ยนแปลง มีแอพพลิเคชั่นมารองรับ เพิ่มขึ้นอีกมากมายค่ะ และที่สำคัญ คือการใช้งาน iWork และ iLife ที่ Apple ปล่อยให้ดาวน์โหลดกันได้ฟรีๆ มีประโยชน์ยังไง เดี๋ยวไปดูทีละตัวกันเลยดีกว่าค่า

รีวิว iPad Air แบบไทยไทย : EP2 : เอามาเรียนดีมั้ย iWork iLife

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
1.Pages

คิดว่าทุกคนที่ใช้งาน Mac หรือ iOS deviceคงจะรู้สึกคุ้นเคย กับโปรแกรมนี้พอสมควร ส่วนคนที่ไม่เคยใช้ อธิบายง่ายๆ มันก็คือ Word จาก Microsoft นั่นเองค่ะ เราสามาถใช้งานโปรแกรมนี้ในการพิมพ์งาน หรือทำรายงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวอร์ชั่นล่าสุดที่มีการเปิดให้โหลดฟรีค่ะ หน้าตาดูดีขึ้น มีการปรับให้เหมาะกับการใช้งานบน iOS7

สำหรับอุ้ม ถือว่าเป็นแอพนึงที่ทำให้เราทำงานนอกบ้านได้อย่างสบายๆ สามารถใส่รูป ใส่ตารางสวยๆ ใส่กราฟงามๆ ได้ง่ายสุดๆ จริงๆแล้ว นี่ก็กำลังใช้เจ้า Pages นี่ละค่ะ ปั่นรีวิวในห้องประชุมได้อย่างง่ายๆ ที่สำคัญ เรายังสามารถ share ไฟล์บน iCloud ได้เลยทันที เราก็จะสามารถเห็นเจ้าไฟล์นี้บนอุปกรณ์ iDevice ทั้งหมดอีกด้วย

ดีมากๆ แต่มีจุดอ่อนอยู่นิดนึง น่าจะเป็น bug ค่ะ เวลากดลบ กดทีนึงมันลบให้สองตัวเลยค่ะ แอบหงุดหงิดตรงนี้นิดนึงค่า

2.Keynote

แอพพลิเคชั่นคู่ใจอีกอันของอุ้มค่ะ เพราะส่วนตัวต้องทำ Presentation อยู่บ่อยๆ ใครที่ชอบดูเวลา สตีฟ จ๊อบทำพรีเซ้น ใน Event เปิดตัวสินค้าต่างๆ คงจะคุ้นเคยกับคำว่า Keynote เป็นอย่างดีค่ะ ด้วยความสามารถและลูกเล่นที่สวยงาม ทำให้มีความแตกต่างกับการใช้งาน Powerpoint อยู่พอสมควร

ใน iPad Air บน iOS7 เราสามารถทำ Presentation หรูๆ ตัวนึงได้เลย โดยใช้เวลาเพียงแป๊ปเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใส่ภาพ ใส่ตาราง ใส่กราฟ หรือว่าปรับเปลี่ยน transition ก็ทำได้แบบง่ายๆ แต่สวยแน่นอนค่ะ เพราะว่ามีตัวเลือกมาให้เลือกค่อนข้างเยอะและหลากหลาย เผลอๆจะทำได้ง่ายและสวยกว่าบน Mac อีกนะคะ สำหรับ keynote ก็สามารถแชร์บน iCloud แก้ไขไฟล์จากทุกที่ได้เลยทันที

3.iMovie

อีกหนึ่งแอพ/โปรแกรม คู่ใจของอุ้ม ทุกวันนี้มีคลิปรีวิวของอุ้มได้ ก็เพราะเจ้า iMovie นี่ละค่ะ สำหรับใน iPad Air แล้ว แอปเปิลได้ออกแบบการใช้งาน ในการสร้างหนัง หรือ Trailer ขึ้นมาหนึ่งเรื่อง ได้แบบง่ายๆ แต่ก็ใส่ลูกเล่นมาให้แบบจัดเต็มนะคะ โดยที่เราสามารถเพิ่มคลิปวิดีโอ รูปภาพ อัดเสียง เข้าไปใน movie ของเราได้เลยทันที เมื่อทำการสร้างเสร็จแล้ว ยังสามารถกดอัพโหลดขึ้น Youtube ได้เลยทันที

ยังมีอีกหลายแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจ จาก iLife และ iWork นะคะ แต่อุ้มขอยกมาเล่าให้ฟังกัน แค่สามแอพก่อนนะคะ



เอา iPad Air มาเล่นเกม เจ๋งแค่ไหน? ::

พูดถึงเรื่องการเล่นเกม ก็คงต้องมาดูที่ประสิทธิภาพของตัวเครื่องกัน กับ A7 64-bit chip อาจจะทราบกันคร่าวๆ แล้วนะคะ ว่ามันเร็วและแรงขนาดไหน (แต่ตอนเทียบ i5S กับ i5 กลับไม่ค่อยรู้สึก) พอมาเป็น iPad Air เทียบกับความเร็วของ iPad4 แล้ว ค่อนข้างรู้สึกได้ค่ะ ลองถามจากพี่ๆน้องๆที่มาลองเล่นเครื่องจริง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า "เออ มันไวดีนะ" สำหรับการใช้งานจริง ยังแอบมีการกระตุกเล็กน้อยใน Safari ค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

[HD] รีวิว iPad Air แบบไทยไทย : EP3 : ขุมพลัง A7 กับการเล่นเกม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แต่สำหรับการเล่นเกมแล้ว อุ้มว่ามันเวิร์คขึ้นทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ชอบเล่นเกมจอใหญ่ๆ แต่รู้สึกว่า iPad ตัวก่อนๆ มันหนัก เล่น Fifa ที ข้อมือแทบหัก หรือว่า เล่น Infinity Blade III ที ต้องจับให้แน่น กลัวเครื่องหลุดมือ ตอนนี้คุณก็จะมีสองทางเลือกค่ะ คือ iPad Air จอ 9.7 นิ้ว หรือ iPad mini 2 จอ 7.9 นิ้ว น่าสนใจทั้งคู่



อุ้มลองเล่น Infinity Blade III บน iPad ดู เลยทำให้รู้สึกถึงขุมพลัง A7 chip ที่มีอยู่ เห็นถึงความไว ทั้งในการเข้าเกมต่างๆ ที่จะไวกว่า iDevice อื่นๆ และความสวยงามของภาพ และกราฟฟิกต่างๆ ผ่าน M7 Motion Coprocessor เรียกได้ว่า คอเกมต้องหลงรักเจ้า iPad Air เข้าจังๆ เลยค่ะ

[HD] รีวิว iPad Air แบบไทยไทย : EP4 : เล่นเน็ตและอื่นๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
iPad Air VS Galaxy Note 10.1" 2014 editon เลือกอะไรดี? ::



อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าไม่เอามาเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญจาก Samsung คงจะไม่สมบูรณ์นะคะ แต่สำหรับอุ้ม ต้องออกตัวก่อนค่ะ ว่าชอบทั้งคู่ ทั้งคู่ถือว่าเป็น Tablet ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แต่จุดประสงค์ในการใช้งานย่อมแตกต่างกัน จะเป็นยังไงนั้น อุ้มขอเล่าถึง Note 10.1" 2014 edition ตรงนี้สักหน่อยแล้วกันนะคะ

Galaxy Note 10.1" 2014 edition ::



จำได้ว่า วันที่ได้มา จากที่ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เมื่อได้ทดลองใช้จริง ทำให้รู้สึกได้ถึงความน่าใช้งาน และมีลูกเล่นต่างๆ ที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเหลือเกินค่ะ เรียกง่ายๆ เหมือนเอาร่างทรงของ Note 3 มาใส่ใน Galaxy Note 10.1" ตัวนี้อย่างไรอย่างนั้น

ตัวเครื่องมีความหนากว่าเจ้า iPad Air เพียงเล็กน้อย หนาเพียง 7.9 mm ค่ะ (Air 7.5 mm) ส่วนน้ำหนัก ถือว่าเป็น Tablet ตัวนึงที่มีความเบามากๆ หนักเพียง 535 g เท่านั้น (Air 465 g) เมื่อเอามาวางคู่กัน หรือ ยกคู่กัน ก็ต้องบอกว่า ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไหร่นัก

ด้านหลังของเจ้า Note 10.1" เป็นแบบเดียวกับ Note 3 ค่ะ คือเป็นพลาสติก แต่ทำให้มีลักษณะคล้ายหนัง และด้านข้างของตัวเครื่องดีไซน์มาให้เหมือนกับ ด้านข้างของหนังสือ ให้ความรู้สึกดีแตกต่างไปอีกแบบค่ะ

หน้าจอ 10.1 พร้อมปากกา S Pen ที่มีความใกล้เคียง และใช้งานได้เต็มรูปแบบเหมือนบน Note 3 ทำให้เราสามารถเจ้าปากกานี้กับหน้าจอใหญ่ๆแบบนี้ ได้คุ้มค่าขึ้นค่ะ จะเขียนดี น่าใช้แค่ไหน ไปชมกันค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คราวนี้ขอไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปชมกันต่อเลยค่ะ ว่าเมื่อเทียบการใช้งานกันแล้ว อะไรจะเหมาะสมกับตัวคุณมากกว่ากัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
จะว่าไปแล้วทั้งสองตัว ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับอุ้มเองก็ตัดสินใจยากค่ะ ว่าชอบตัวไหนมากกว่ากัน เพราะทุกครั้งที่อุ้มเดินเข้าห้องประชุม ก็จะพกเจ้า Note 10.1" เข้าไปจดบันทึกได้ดี จนน่าตกใจ รวมถึงการแอบเล่นเน็ตภายในห้องประชุม พร้อมกับจดงานไปด้วยโดยที่ไม่มีใครรู้ผ่าน Multi Window และที่ดูจะโดดเด่นมากๆ คงจะเป็นการเขียนภาษาไทยเป็นประโยค ถึงแม้ลายมืออ่านยากแบบอุ้ม เจ้า Note 10.1" ก็ยังแปลงตัวเขียนออกมาเป็นตัวพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ





และทุกครั้งที่อุ้มจะนอน ก็จะเอา iPad Air ออกมาเชยชม ลูบๆคลำๆ เปิด Infinity blade III เล่นทีสองที อาจจะนั่งดู Youtube หรือซีรี่ย์สบายๆ โดยไม่ต้องกลัวแบตหมด เพราะว่าอึดจริงๆค่ะ หรือไม่ก็เปิด Facetime เต็มๆ จอ นั่งคุยกับเพื่อนไปตามประสา พร้อมกับเปิด Keynote เตรียมพรีเซ้นงานในวันพรุ่งนี้ หรือเปิด Pages ปั่นรีวิวมากมายที่ค้างอยู่ ก่อนจะหลับไป





คิดว่าบทความนี้ คงจะตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ไม่มากก็น้อยนะคะ

และตอนหน้าพบกับ iPad mini with retina display แน่นอนค่าาา


ติดตามบทความอื่นๆได้ที่
http://www.iaumreview.com
และ http://www.facebook.com/iaumreview
ชื่อสินค้า:   iPad air vs Note 10.1 2014 edition
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่