เรื่องสั้น : พระจันทร์นวลลอยเด่นบนท้องฟ้า

กระทู้สนทนา
พระจันทร์นวลลอยเด่นบนท้องฟ้า
มีน้ำตาเป็นสายคล้ายฝนหลั่ง...
มีความรักแสนเศร้า ร้าว หักพัง
เหลือความหลังไว้เจ็บร้าว – เหงาเดียวดาย


    วันพระจันทร์เต็มดวงสีสุกเหลืองนวลลอยเด่นบนฟ้า ถ้าหากไม่มีน้ำตา พระจันทร์บนฟ้าคงจะงามมากสำหรับวันนี้, แต่ก็เถอะนะ พระจันทร์เป็นเพียงเพื่อนหนึ่งเดียวของเธอที่กำลังวิ่งตามเธอมาตลอดเวลาที่ขับรถไกลไร้จุดหมายในวันนี้ – วันลอยกระทง

หญิงสาว ไม่เคยรู้สึกเศร้าเท่านี้มาก่อน ถึงแม้จะมีเรื่องเศร้าสักเท่าไหน เธอก็มักผ่านมันไปได้เสมอ อย่างน้อย “เวลา” ก็มักจะช่วยเยียวยาได้เป็นอย่างดี, คืนนี้ ทุกหนแห่งในประเทศคงจะรื่นเริงกับประเพณีไทยโบราณที่สืบสานกันมานาน จนถึงยุคนี้ผู้คนก็ยังไม่ลืมเลือนประเพณีเก่าแก่นี้ไป เสียงปะทัด พลุไฟ ดังอยู่รอบๆ ตัวขณะที่เธออยู่บนทางด่วนมุ่งหน้าพระรามสอง ออกจากกรุง...

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น – เป็นหมายเลขของชายหนุ่ม เขาเป็นเพื่อน และเป็นหมอประจำตัว น่าแปลกที่เขาโทรศัพท์มาหาเธอตอนเกือบเที่ยงคืนแล้ว บางทีหมออาจจะอยากรู้ว่าอาการคนไข้ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วก็ได้ – แต่บางทีเขาอาจจะโทร. มาในฐานะเพื่อน สัมพันธภาพอันน่าขันของเราสองคน บางทีอาจจะเป็นเพราะโชคชะตา หรือความตั้งใจของเทวดาก็ได้ที่ทำให้เราได้รู้จักกัน... จำได้ว่าตอนนั้นหมอเพิ่งจะเป็นหมอมือใหม่ มุ่งมั่น ตั้งใจกับการรักษา ตอนนั้นเธอเองก็เป็นเพียงญาติผู้ป่วยขี้โมโหที่วีนแตกใส่หมอได้ทุกครั้งที่การรักษาไม่ดีขึ้น ก็คนไข้ของหมอเป็นคนรักของเธอนี่นะ... ธรรมดาแหละที่เธอจะต้องห่วงใยเขาเป็นพิเศษ แต่สุดท้ายคนรักของเธอก็ตายด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ตอนนั้นหมอที่เชื่อมั่นในตัวเองมากและมั่นใจว่าคนไข้ต้องหาย ถึงกับช็อคไปเป็นเดือน หมอโทษตัวเอง ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้เป็นเพราะเขา และเธอก็โทษเขา ผ่านไปแปดปี เธอได้เจอกับหมออีกครั้ง เพราะอาการหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทที่เป็นอยู่ เธอยังจำวันแรกที่เจอหมอได้ดี ขณะที่พยาบาลส่งแฟ้มผู้ป่วยให้เดินไปที่ห้องตรวจหมายเลขเก้า เมื่อเงยหน้าดูชื่อแพทย์ประจำห้องตรวจ ทำให้เธอแทบเดินกลับออกไปเดี๋ยวนั้น และถ้าไม่เพราะเขาเรียกชื่อเธอไว้ เธอก็คงกลับออกแน่นอน

“ฉันไม่รักษาละ ฉันจะเปลี่ยนหมอ”

“คนไข้เค้าไม่เลือกหมอหรอกนะคุณ ตกลง เป็นอะไรมา อาการเป็นยังไงบ้าง ไหนเล่าให้หมอฟังซิ”
เขาจำเธอไม่ได้... บางทีอาจจะเพราะเธอสวยขึ้น? และเมื่อเห็นความตั้งอกตั้งใจในการรักษาของเขา พร้อมๆ กับที่เรื่องราวในอดีตนั้นถูกลืมเลือนไปบ้างแล้ว เธอจึงไม่ถือสาเรื่องที่แล้วมา ที่สำคัญเธอได้ยินมาว่าเขาเป็นหมอด้านศัลยกรรมประสาทมือดีคนหนึ่งของประเทศ จึงได้ยอมให้เขารักษาแต่โดยดี

ระหว่างเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล เธอจะมีหนังสือไปฝาก มีเพลงเพราะๆ ไปให้เขาฟัง และขนมอร่อยๆ ไปฝากเสมอจนเขาหาว่าเธอติดสินบนในการรักษา เธอหัวเราะร่าบอกว่าหมอมีบุญคุณกับเธอ เรื่องแค่นั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการที่หมอรักษาเธอให้หายดี

และเมื่อเธอเริ่มดีขึ้น – สัมพันธภาพระหว่างเธอกับเขาจึงเปลี่ยนจาก หมอเจ้าของไข้ มาเป็นเพื่อนที่อ่านหนังสือประเภทเดียวกัน ฟังเพลงคล้ายๆ กัน ชอบเค้กมพร้าวเหมือนกัน ซึ่งมีอยู่วันหนึ่งที่เธอกับหมอบังเอิญเจอกันที่ร้านขนมเค้กร้านเดียวกัน จึงได้นั่งคุยกันอย่างถูกคอ วันนั้นคือวันลอยกระทงเมื่อสามปีก่อน วันนั้นพระจันทร์ก็เหมือนวันนี้แหละ...

“ทำไมสเตตัสเฟซบุคเธอมันดูแปลกๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงที่กรอกมาตามสายระหว่างที่เธอขับรถนั้นดูร้อนรน เป็นห่วง

“นี่ว่างเล่นเฟซบุคแล้วหรือไงหมอ ไม่มีผ่าตงผ่าตัดเลยหรือ”

“ผมอยู่ในห้องประชุม ตามขบวนนายกฯ จากนิวซีแลนด์น่ะ” เวลานี้เกือบสี่ทุ่มแล้วบางคนยังต้องทำงาน ขณะอีกบางคนก็ร้าวรานลึกๆ ในใจ

“ชวนนายกนิวซีแลนด์ไปลอยกระทงเลยสิหมอ”

“ไม่ต้องนอกเรื่องน่า... เป็นอะไรหรือเปล่า หือ”

“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อกหัก”

    “วันนี้น่ะเหรอ”

    “วันไหนก็อกหักได้ทั้งนั้นแหละ จำเป็นต้องเป็นวันลอยกระทงเท่านั้นหรือไง”

    “นี่เป็นห่วงนะ ถึงได้โทร.มา - ยอกย้อนเดี๋ยวเหอะ”

    “ขอโทษค่า...”

    “อยู่ไหน” ชายหนุ่มถาม

    “บนทางด่วน กำลังจะไปทะเล”

    “จะเที่ยงคืนแล้วนะ อันตราย กลับมาเลยไม่ต้องไป”

    “สั่งในฐานะอะไรยะ หมอเจ้าของไข้ หรือเพื่อนวัยเดียวกัน”

    “อะไรก็เถอะ กลับมาเดี๋ยวผมแว้บไปหา รอที่ร้าน Blue Moon นะ” ร้าน Blue Moon เป็นร้านเหล้าเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นเธอกับเขามักจะมานั่งดื่มเบียร์ชมจันทร์กันที่นี่ในทุกครั้งที่เขาว่างจากงาน ซึ่งก็ไม่บ่อยครั้งนัก สองคนพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตประจำวันระหว่างกัน แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น... ไม่มากกว่าแค่เพื่อนกันธรรมดา

    “ไหนเล่ามาซิ” เขาแว้บจากนายกนิวซีแลนด์ออกมาเพราะเป็นห่วงเพื่อน... น่ารักจริงๆ พับผ่าสิ

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก วันนี้นัดเจอชายหนุ่มที่คุ้นเคยกันมานาน เหมือนจะรักกัน สัมพันธภาพมากกว่าแค่เพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ไปกินข้าวกันแล้วก็ถามถึงความชัดเจนในความสัมพันธ์ว่าเราจะคบกันในฐานะอะไร”

    “แล้วนึกยังไงถึงคุยกัน”

    “เพราะเรารักเขามาก และอยากบอกให้เขารู้ว่าตลอดเวลาเราได้พยายามแล้วที่จะทำทุกอย่างให้เขารู้ว่า เขาคือคนที่เราจะฝากชีวิตเอาไว้ แต่เพราะเราสองคนต่างก็มีอดีตที่เจ็บปวดมาพอๆ กัน ความระแวงแคลงใจจึงยังมีระหว่างกัน เขาจึงปิดกั้นความรักจากเรา เขาบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันนั่นแหละดีแล้ว”

    “คนจะรักกัน เรียนรู้สิ่งที่ดีและไม่ดีของกันและกัน ยอมรับกันให้ได้แต่เนิ่นๆ อะไรที่ปรับได้ก็ต้องปรับ ถ้าปรับไม่ได้ก็ต้องถามตัวเองว่ายอมรับได้หรือไม่, ถ้ารับไม่ได้ก็ต้องรีบถอยออกห่างจากกันให้ไวที่สุด อย่าไปยื้อ ไปซื้อเวลา เพราะหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของทั้งชีวิตที่เหลือ - - แต่ถ้าคนไม่รักกัน ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน, ปรับตัวอย่างไร ถ้าไม่รักก็คือไม่รัก ไม่ว่าจะอ้างกี่เหตุผล ก็ไม่มีความหมาย

คนที่เป็นแฟนกัน แต่งงานเป็นสามีภรรยา  นั่นย่อมหมายความว่าเขาทั้งคู่ได้ผ่านจุดนั้นด้วยกันมาแล้ว ทั้งการปรับตัว ทั้งความเข้าใจ ทั้งการให้อภัย ทุลักทุเลกันพอสมควร คงไม่มีคู่รักคู่ไหนที่ไม่เคยผ่านความยากลำบากของความเข้าใจกันมาก่อน – กว่าจะผ่านมันไปได้ ต้องเหนื่อยมาก คนที่จะรักกัน หากไม่เปิดใจ... ก็จะไม่มีวันได้รักกัน - - ชีวิตที่มีอยู่ไม่กี่หมื่นวัน, หากไม่เปิดใจในสักวัน – คงโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิต” ประโยคยาวที่สุดในรอบหลายปีที่เขาเอ่ยออกมา เท่านั้นเอง น้ำตาที่อยู่ขอบทำนบก็ไหลพรากเต็มสองแก้ม

“ไม่หมดรัก แต่เราหมดแรง”

“ป่ะ ไปลอยกระทงกัน” ว่าจบก็ดึงแขนเธอลุกจากเก้าอี้ จ่ายค่าเบียร์ แล้วก็ออกขับรถออกไปริมเจ้าพระยาที่ผู้คนเริ่มกลับบ้านกันแล้ว ทิ้งไว้เพียงแสงริบหรี่ของเปลวเทียนกลางแม่น้ำ ที่ดูแล้วเหมือนหิ่งห้อยร้อยพันตัวเริงระบำบนผิวน้ำยังไงยังงั้น

“เที่ยงคืนแล้วนะ”

    “ใช่สิ... ทำไม เที่ยงคืนแล้วลอยกระทงไม่ได้เหรอ ทีอกหักวันลอยกระทงยังได้เลย จะลอยกระทงวันลอยกระทงทำไมจะไม่ได้”

    “เออ นั่นสิ โอ๊ย งง อะไรเนี่ย... ลอยกระทงวันลอยกระทง ก็ถูกแล้วไง”

    “ฮ่าๆๆ อย่าคิดมากเลย คุณน่ะไม่มีอะไรในชีวิตให้ต้องเสียใจเลยสักนิด ครอบครัวอบอุ่น การงานมั่นคง หนี้สินไม่มี เพื่อนๆ ก็มากมาย แถมคุณยังเป็นคนดี มีความเข้มแข็งในจิตใจมากอีกด้วย แค่คนที่ไม่รักคุณคนเดียวอย่าเศร้านานนะ อย่าให้คนที่รักคนหลายๆ คนเหล่านั้นเป็นห่วงล่ะ”

    “อืม... ขอบคุณมากนะ”

    “เอ้า ยกกระทงขึ้นเหนือหัวอธิษฐานเลย”

    “ถ้ารักแท้มีจริง ฉันก็ขอเจอในชาตินี้” เธออธิษฐานเสียงดัง ชายหนุ่มหัวเราะขำกับคำอธิษฐานของเธอ ไม่รู้ว่าพระแม่คงคาจะได้ยินหรือเปล่า

    “แล้วคุณไม่อธิษฐานเหรอ”

    “ผมอธิษฐานแล้ว... ขอให้สิ่งที่คุณขอเป็นจริง” ระหว่างเดินทางกลับจากลอยจะทงวันอกหัก หญิงสาวบอกกับตัวว่า ทุกอย่างหลังจากนี้เธอจะปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา จะไม่เสียเวลากับคนที่ไม่รักอีกต่อไป

    “ลอยกระทงปีหน้า หวังว่าคุณคงจะมีคนมาลอยเป็นเพื่อนนะ” เขาคงเหนื่อยกับการรับมือแต่ละเรื่องราวในทุกๆ วัน ชีวิตที่ต้องรักษาชีวิต ไม่ใช่เรื่องสนุกแต่เขาก็ทำให้ชีวิตเป็นเรื่องสนุก ถึงแม้จะเหนื่อยแต่เขาก็มีเวลาให้ชีวิตได้อ่านหนังสือและฟังเพลงโปรด บางทีเธอก็นึกอิจฉาชีวิตของเขาเหมือนกัน เคยมั้ยนะที่เขาจะเศร้าเพราะความรัก คงไม่สินะ...

    “เดี๋ยวเราไปส่งหมอที่บ้านนะ” ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเขาจึงนั่งแท็กซี่ไปหาเธอที่ร้าน Blue Moon ขากลับจากลอยกระทงเธอจึงอาสาไปส่งเขาที่บ้าน

    “ก็ดีเหมือนกัน ผมเหนื่อยมากเลยวันนี้ แท็กซี่ก็ไม่น่าจะมีแล้วด้วย ดึกมากละ” และระหว่างใกล้ถึงบ้านเขาก็กดโทรศัพท์ถึงใครบางคนให้มาเปิดประตูรั้วบ้านให้

    ชายหนุ่มตัวสูงที่วิ่งมาเปิดประตู คือคนเดียวกับที่ทำให้เธออกหักวันลอยกระทง หมอแนะนำให้เขารู้จักเธอ เขาเป็นน้องชายของหมอ หมอแนะนำว่าเธอคือเพื่อนของหมอ - - ชายหนุ่มยกมือไหว้เธอ

    “สวัสดีครับพี่” แล้วเขาก็เดินกลับเข้าบ้านไป.... /


PS ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้ ๒ ชั่วโมง ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเศร้า ~
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่