ราตรีอับแสง (ตอนที่ 23)

กระทู้สนทนา
ไอ้พันกับพรรคพวกที่เหลือ กลับมาถึงเชียงใหม่แล้ว สถานการณ์ต่างๆ จะว่าราบรื่นสนิท ก็ไม่ ข่าวยังประโคมเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายของเฮียย้ง ที่มันผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และสื่อคงรอการประกฎตัวของน่านนทีอย่างใจจดใจจ่อ ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของหายนะต้นเรื่อง หลักฐานที่ไอ้พันเหน็บติดมือมา ก่อให้เกิดความตึงเครียดอีกครั้ง

    “นี่ครับ...” กล้องถ่ายรูปหราตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะปลีกตัวออกมาครุ่นคิดลำพังที่ระเบียงชั้นสอง

    “น่าน...” เสียงแผ่ว...ละมุน แทรกความเงียบขึ้นมา เขาไม่จำเป็นต้องเดาให้ยากว่าใคร

    แสงแดดอุ่นอ่อนเคล้าไอเย็นละอองหมอก ทำหัวใจวาบ...ปลาบหนึ่ง เมื่อหันไปสบตากับหญิงสาวผู้มาใหม่ ทำไมนะ...แต่ไหนแต่ไรไม่เคยประหม่าเช่นนี้ ตั้งแต่แววตาที่มองศศินาเปลี่ยนสีไป อีแค่คำทักทายง่ายๆ กว่าจะหลุดจากปากยังเค้นแล้ว...เค้นอีก ซึ่งความรู้สึกวาบหวามเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นยามอยู่กับอลิน มันทรมาน สุข เศร้า เคล้าปนกันไป แต่ถ้าถามว่ายินดีให้มันเกิดขึ้นไหม หัวใจแทบจะอ้าแขนรับตั้งแต่เห็นมันอยู่ไกลลิบๆ นู้นแล้ว ความรัก มีอะไรหลากหลายเกินพรรณนา ที่ทำให้คนลุ่มหลงในเสน่ห์ของมัน ไม่มีที่สิ้นสุด

    “หืม...” สั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะเสมองทางอื่น คนอย่างเขาต้องหลบตาคน ด้วยเรื่อง...อะไรพรรค์นี้หนะหรือ!

    “เครียดเชียวนะ...”

    “นามาก็ดี...มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ประโยคนั้นฟ้องชัดว่า จวบจนกระทั่งบัดนี้ เขาวางใจแค่หญิงสาวตรงหน้าเท่านั้น

    “อะไรหรอ...” ดวงตาใสแป๋ว มองมาอย่างคนอยากรู้จริงๆ

    “นายพันมีหลักฐานค้ายาของเฮียย้ง ที่เกี่ยวข้องกับบ้านป้าฮั๊วะ” ศศินาชักหัวคิ้วเข้าหากันหลายวินาที ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเปิดปากเรื่องนี้กับหล่อน ก่อนที่น่านนทีจะขยายความเป็นคุ้งเป็นแคว

    “น่านคิดว่านะ...ที่เฮียย้งยกที่ดินมหาศาลพร้อมบ้านให้ป้าฮั๊วะ เพราะแค่อยากเอาป้าฮั๊วะบังหน้าจากตำรวจเท่านั้น เข้าใจมั๊ยนา...ถ้าเกิดทางการตรวจสอบ พบยาเสพย์ติดภายในพื้นที่ๆ ป้าฮั๊วะเป็นเจ้าของ ป้าฮั๊วะจะซวยเป็นคนแรก และเหมือนเป็นแพะรับบาปให้พวกเฮียย้ง”

    “เลว!” หญิงสาวสุดจะยั้ง เขาทำกับยายชาวเขาซื่อๆ แบบนั้นได้ยังไง แต่ก็เอาเถอะ...เฮียย้งก็ตายไปแล้ว ตายอย่างทรมาน...เซ่นความเจ็บปวดทั้งหมด ให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่เขาปลิดทิ้ง รวมทั้งป้าฮั๊วะด้วย

    “ตอนป้าฮั๊วะตาย ทางการจับตัวไอ้ชวด ลูกน้องของเฮียย้งได้ เค้าเลยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเฮียย้งแน่ๆ แต่ไอ้ชวดไม่ยอมเปิดปากบอกความจริงหรอก ถ้าหากจับไอ้ชวดไม่ได้ ป้าฮั๊วะจะต้องรับผิดไปเต็มๆ เฮียย้งก็ตายไปแล้ว ลูกน้องที่เหลือก็คงเตลิดเปิดเปิงไปตามเรื่อง พวกญาติๆ ก็ต่างหลีกห่างเรื่องนี้ คนที่รับเคราะห์ไปเต็มๆ ก็คือเมียของเฮียย้ง” ชายหนุ่มเดินไปจนชิดระเบียง มองออกไปยังร่องดอยเบื้องหน้าเพียงผ่านๆ ‘เขาควรซ้ำเติมคนตายหรือไม่?’ นั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่ว่า เล่าเรื่องนี้ให้ศศินาฟังทำไม ในเมื่อ ‘บุญ’ ที่คุณรำไพหมั่นสร้าง มันไม่คุ้มกะลาหัวนางแม้สักนิด

“เรื่องการค้ายายังคลุมเครือ จะเปิดโปงเรื่องนี้ให้กระจ่างดีมั๊ย เพราะน่านมีหลักฐานทั้งคำพูดของไอ้ชวด ที่ซ่อนฝิ่น มีรูปถ่าย” ถ้าหาก ‘คนเป็น’ ที่ต้อง ‘ตายทั้งเป็น’ อยู่ตอนนี้ ไม่ใช่แม่ของอัญญา เขาคงไม่ต้องปรึกษาใครเสียให้ยาก เพราะความแค้นคนตายยังสุมอยู่ในใจ

“ทำแล้วได้อะไร?”

“นั่นหนะสิ...” ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกระลอก เมื่อทั้งคู่ต่างเบือนหน้าออกคนละทิศทาง ทั้งต่างคนต่างช่วยกันคิด และทั้งหลบความจริงในแววตาของกันและกัน

“ถ้าน่านยุติเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ ทุกอย่างจะจบ เฮียย้งเค้าก็ไปดีแล้ว ส่วนอัญญาก็...ถือว่าเห็นแก่อัญญาเถอะ” น่านนทียังคงนิ่ง หากหญิงสาวรับทราบถึงกระแสสัมผัสได้ ว่าบัดนี้น่านนทีเป็นเพียงถ่านไฟที่มอดแล้ว คงไว้เพียงแค่ควันร้อนระอุ ถึงแม้ไม่ดับสนิท หากก็ไม่ติดไฟลุกโชนอย่างเช่นแต่ก่อน

“วันพรุ่งนี้...น่านจะกลับไปไหว้ศพอัญญา นาไปด้วยกันก็ได้นะ คงไม่มีอะไรอันตรายแล้วหละ พวกไอ้พันก็ไปด้วย...ถ้าเสร็จเรื่องแล้ว...น่านมีอะไรจะบอกนา” คนที่น่านนทีกล่าวถึงในตอนท้ายนั้น อาสาจะไปคุ้มกันชายหนุ่มอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่น่านนทีอยากทิ้งให้อดีตของเขามอดไปกับเปลวไฟที่วอดแล้ว  

ฉะนั้นเอง...ที่งานศพของอัญญา น่านนทีจึงมีคนติดสอยห้อยตามอย่างเคย ทั้งๆ ที่คาสิโนนั้นเหลือเพียงซากปรักหักพัง และฝ่ายตรงข้ามไม่มีลูกน้องมือฉมังที่ไหนอยู่เคียงข้างคุณรำไพทั้งนั้น ยังแต่สาวใช้แม่บ้าน ที่ไม่รู้จะหนีไปพึ่งบุญใครที่ไหน หรืออาจจะยังหาที่ไปไม่เจอ ทรัพย์สมบัติต่างๆ ของเฮียย้งจะถูกริบในเร็วๆ นี้ หากบางส่วนที่มอบให้เป็นชื่อภรรยานั้นก็มีมากพอ...พอที่จะให้คุณรำไพได้ใช้ชีวิตอย่างสงบได้สบาย สิ่งเดียวที่น่านนทีจำต้องยอมรับในตัวของ ‘ศัตรู’ ที่บัดนี้เหลือเพียงร่างนิ่งสนิทในโลง นั่นคือความซื่อสัตย์ต่อภรรยาและลูก เฉกเช่นเดียวกับบิดาของเขา นั่นคือสิ่งที่บิดาของเขาพร่ำสอนเสมอว่ามันเป็น ‘น้ำยา’ ขนานแท้ของลูกผู้ชาย หาใช่การมีเมียมากไม่

“ใครทำเมียตัวเองน้ำตาตก ไร้น้ำยา!” เสียงบิดาก้องอยู่ข้างหูเนืองๆ เขาจึงรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้เทียบเคียงกับเฮียย้ง ถึงแม้จะในฐานะ ‘เสี้ยนหนาม’ ทางธุรกิจก็ตาม

สองมือประนมไหว้ น้อมหัวลงคำนับบุคคลในภาพอย่างลูกผู้ชาย แววตาของคนในภาพ หากเมื่อยังเป็นคน คงวาวโรจน์ราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะเข่นฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ หากเมื่อมองจากในรูป แสงนัยน์ตากลับบอกเขาเป็นนัยๆ ว่า ‘ให้เลิกแล้วต่อกัน’ ใช่...เขาเองก็คิดเช่นนั้น ก่อนจะจากไป เขาก้มหัวลงคำนับศพอีกครั้ง...เพื่อยอมรับ นับถือ ความเป็นลูกผู้ชายของคนตายจากใจจริง และอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

และเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าศพของอัญญา ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาทราบดีว่าหญิงสาวเข้าไปในตัวตึกที่มีไฟลุกโชนทำไม หล่อนเข้าไปเพื่อตามหาเขา ‘อัญญาต่างหากเล่า ที่เขาควรนับถือหัวใจ ไม่ใช่อลิน’ เวลาที่ล่วงเลยไป ทำให้เขาได้รู้จัก ‘ผู้หญิง’ ในด้านต่างๆ อีกมากมาย หากก็จบเพียงแค่ ‘อีกมากมาย’ ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่มีผู้ชายคนไหนตามผู้หญิงทัน ต่อให้อัจฉริยะขนาดไหนก็เถอะ ความแตกต่าง คือสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้มันลงตัว

ผู้ชายคงไม่ต่างจากต้นไม้ใหญ่ ที่ยืนลำสูงสง่า สยายกิ่งก้านแผ่ไปตรงๆ แตกยอด ต่อใบ ให้รู้ว่าเป็นใบไม้เท่านั้น หากผู้หญิงสิ...กลับตาลปัตรเสมือนไม้เถา แม้บางเถา ลำต้นมันขนาดใหญ่ยิ่งกว่าไม้ยืนต้น แต่มันก็เลื้อยเกี่ยวไปตามที่ต่างๆ ดอก ใบ หรือก็เล็ก ถี่ ยิบย่อย บางดอกถึงแม้จะขนาดใหญ่ แต่มันก็เกิดจากการรวมตัวของดอกเล็กกลุ่มหนึ่ง บางดอกขึ้นเดี่ยวๆ แต่สีมันจะสด สะดุดตา แซมตรงนู้นที  นี้ที มองหาความมั่นคงไม่เจอ

ศศินาเดินตามน่านนทีไม่ห่าง และน่านนทีก็ไม่ได้เอาอลินมาด้วย เพราะหญิงสาวบอกปัดว่าไม่อยากมา งานศพของเฮียย้งผ่านไป...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะตรวจสอบทรัพย์สินที่หลงเหลือ ก่อนจะบอกความจริงในใจทั้งหมดให้ศศินารับรู้ ถ้าหากไม่เกิดเรื่องปั่นหัวเสียก่อน

ป้าแจ่มบอกว่าอลินเป็นลม...

ก็จะให้บอกยังไงได้อีก เห็นแบบนั้น ตอนที่นางเดินยืดเส้นยืดสายไปมาในบ้าน พบหญิงสาวนอนหมดสติอยู่ทางขึ้นบันไดนั่น! เขย่าแล้วเขย่าอีก กว่าฝ่ายนั้นจะปรือตาสลึมสลือ แล้วบ่นว่าใจสั่น ใจสั่น อยู่ท่าเดียว นางก็เรียกรถพยาบาลสิ!

ผลก็เลยอย่างที่เห็น!

อลินนอนเหมือนคนหมดแรงอยู่บนเตียง และตาที่หรี่ครึ่ง กึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น ทำให้น่านนทีมองหญิงสาวที่อยู่ต่ำกว่าด้วยความครุ่นคิด คนอะไรหนอ...ช่างขี้โรคเช่นนี้ ไอ้ทีแรกก็อุปมาว่าหล่อนยังไม่หายดีจากอาการแท้งลูก แต่พอมานึกดีๆ ก่อนหน้านี้หล่อนก็เจ็บออดๆ แอดๆ แบบนี้แหละ ในขณะที่ศศินายืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่ม เกาะขอบเตียง ทอดสายตาต่ำไม่แพ้คนข้างๆ ความที่ว่าชายหนุ่มเจออลินในสภาพล้มนอนแบบนี้บ่อย แรกๆ ตอนที่เข้ามาถึง จึงถามตามความชินตาว่า

“ทำไมหมอไม่เติมน้ำเกลือให้?” คำตอบที่ได้รับคือ

“ลินไม่อยากเวอร์...แค่เป็นลมเองคะ เดี๋ยวก็หายละ” คนป่วยแสร้งทำฝืนยิ้ม แต่เรื่องของเรื่องคือให้ตายยังไงหล่อนก็ไม่ยอมให้แพทย์เติมน้ำเกลือ จึงได้นอนดูอาการเฉยๆ ทั้งๆ ที่ความจริงผลวินิจฉัยออกมาก็ไม่ได้เป็นอะไร จนเข้าขั้น ‘ไม่มีอะไร’ เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามาจนถึงโรงหมอแล้ว หมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรไปเสียทีเดียวก็ยังไงๆ อยู่ และถ้าหากอะไรๆ มันจะ ‘เวอร์’ มันก็คงเวอร์ตั้งแต่ป้าแจ่มเรียกรถพยาบาลแล้วหละ

ลั่นระทม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่