ไม่มีสิ่งใดน่ายึดมั่นถือมั่น
ด้วยเหตุที่ว่า
สิ่งทั้งหลายที่ปรุงแต่งได้ด้วยเหตุปัจจัย ล้วนต้องแปรเปลี่ยน(อนิจจัง)
เป็นปกติของมันอย่างนั้น เป็นลักษณะสามัญอย่างนั้น
เหตุใดสิ่งทั้งหลายที่ปรุงแต่งได้ จึงแปรเปลี่ยน
เพราะเหตุว่า สิ่งทั้งหลายนี้ปรุงแต่งได้ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายนี้ (เรียกว่าสังขาร)
ดำรงอยู่อย่างเดิมไม่ได้ เพราะมันเกิดจากสิ่งต่างๆที่ประกอบจากเหตุปัจจัย
เมื่อต้นเหตุปัจจัยเปลี่ยน มันจึงเปลี่ยนไปด้วย
มันเปลี่ยนอยู่ทุกขณะ ทุกอณู
สิ่งเก่าหายไปทุกขณะ สิ่งใหม่เกิดขึ้นทุกขณะ
ความที่มันต้องแปรเปลี่ยนอยู่ไม่หยุดอย่างนี้
มันจึงอยู่ใน"สภาพทนได้ยาก" เรียกว่าทุกข์ (หรือทุกขัง)
ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายที่ประกอบขึ้นเป็นสิ่งๆนั้นเอง
ที่ต้องแปรเปลี่ยน
ทั้งภายในสิ่งๆนั้น และเหตุปัจจัยภายนอก
แม้สิ่งต่างๆจะพยายามรักษาสภาพเดิมของมัน
แต่เหตุปัจจัยที่ปรุงมันกำลังแปรเปลี่ยน
จึงเกิดสภาพขัดแย้งในตัวเอง อันทนได้ยาก
ถูกบีบคั่น ให้แปรเปลี่ยน หลีกเลี่ยงไม่พ้น
จึงเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน
ทั้งอนิจจัง และทุกขัง
เหมือนเหรียญเดียวกัน มีสองด้าน
สรรพสิ่งหรือธรรมทั้งปวง_มีเพียง 2ประเภท คือ
สิ่งที่ประกอบขึ้นจากเหตุปัจจัย หรือ"สังขตธรรม"
คือทุกสิ่งที่เรารู้จัก
และ
สิ่งที่ไม่ประกอบจากเหตุปัจจัย หรือ "อสังขตธรรม"
คือนิพพาน
ทั้งสิ่งที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งได้ หรือ สิ่งที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
ล้วนไม่มีตัวตน ไม่เป็นตัวเป็นตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับใดๆ เป็นไปเอง
ด้วยเหตุว่า
สิ่งที่ประกอบด้วยเหตุปัจจัย ย่อมแปรเปลี่ยน เป็นทุกข์ ถูกบีบคั้น ทนได้ยาก
ย่อมไม่มีตัวตน ไม่อาจบังคับ เพราะเป็นไปเองตามลักษณะอนิจจัง ทุกขัง จะไม่ให้เป็นอนิจจัง ทุกขังไม่ได้
ส่วนนิพพาน "เป็นอัตตาไม่ได้" แม้จะไม่แปรเปลี่ยน ไม่ตกในสภาพบีบคั้น ไม่ทุกข์ แต่ไม่เป็นตัวตนใดๆ
ส่วนแนวความคิดของบางคน ที่บอกว่า นิพพานคืออัตตา
ขออธิบายแย้งว่า
หาก"เรา"คือร่างกายและจิตของเรา หรือแม้ไม่มีร่างกายที่เป็นเรา จิตก็ต้องเป็นเรา เพราะหากจิตไม่ใช่เรา
การมีอัตตาใดก็เมื่อไม่ใช่เรา ไม่เกิดประโยชน์ใด เพราะไม่ใช่เราเสียแล้ว
จิตคือสิ่งๆหนึ่ง นิพพานคืออีกสิ่งหนึ่ง จิตเป็นอนัตตา ด้วยเพราะจิตเป็นสังขตธรรม ย่อมอนิจจัง ทุกขัง
จิตไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตนในจิต ด้วยจิตเกิดดับทุกขณะ เป็นไปอย่างนั้น ไม่มีตัวตนใดบังคับให้เป็นอย่างอื่นไปได้
จิตไม่มี ไม่เป็น ไม่ใช่ตัวตนเสียแล้ว
เราจะโยกตัวตนไปอยู่ในนิพพาน ย่อมไม่ได้
เพราะนิพพานไม่ใช่จิต
เราจะเอาตัวตนไปอยู่ ไปเป็นสิ่งอื่นได้อย่างไร
ตัวมันเองยังไม่เป็นเลย
เอาตัวมันไปเป็นสิ่งอื่น
ย่อมไม่ใช่ตัวมัน ไม่เป็นอัตตาของตน
ไม่เรียกได้ว่าเป็นตัวตนของเรา
นิพพานจึงไม่ใช่อัตตา
นิพพานไม่ใช่อัตตา
ด้วยเหตุที่ว่า
สิ่งทั้งหลายที่ปรุงแต่งได้ด้วยเหตุปัจจัย ล้วนต้องแปรเปลี่ยน(อนิจจัง)
เป็นปกติของมันอย่างนั้น เป็นลักษณะสามัญอย่างนั้น
เหตุใดสิ่งทั้งหลายที่ปรุงแต่งได้ จึงแปรเปลี่ยน
เพราะเหตุว่า สิ่งทั้งหลายนี้ปรุงแต่งได้ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายนี้ (เรียกว่าสังขาร)
ดำรงอยู่อย่างเดิมไม่ได้ เพราะมันเกิดจากสิ่งต่างๆที่ประกอบจากเหตุปัจจัย
เมื่อต้นเหตุปัจจัยเปลี่ยน มันจึงเปลี่ยนไปด้วย
มันเปลี่ยนอยู่ทุกขณะ ทุกอณู
สิ่งเก่าหายไปทุกขณะ สิ่งใหม่เกิดขึ้นทุกขณะ
ความที่มันต้องแปรเปลี่ยนอยู่ไม่หยุดอย่างนี้
มันจึงอยู่ใน"สภาพทนได้ยาก" เรียกว่าทุกข์ (หรือทุกขัง)
ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหลายที่ประกอบขึ้นเป็นสิ่งๆนั้นเอง
ที่ต้องแปรเปลี่ยน
ทั้งภายในสิ่งๆนั้น และเหตุปัจจัยภายนอก
แม้สิ่งต่างๆจะพยายามรักษาสภาพเดิมของมัน
แต่เหตุปัจจัยที่ปรุงมันกำลังแปรเปลี่ยน
จึงเกิดสภาพขัดแย้งในตัวเอง อันทนได้ยาก
ถูกบีบคั่น ให้แปรเปลี่ยน หลีกเลี่ยงไม่พ้น
จึงเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน
ทั้งอนิจจัง และทุกขัง
เหมือนเหรียญเดียวกัน มีสองด้าน
สรรพสิ่งหรือธรรมทั้งปวง_มีเพียง 2ประเภท คือ
สิ่งที่ประกอบขึ้นจากเหตุปัจจัย หรือ"สังขตธรรม"
คือทุกสิ่งที่เรารู้จัก
และ
สิ่งที่ไม่ประกอบจากเหตุปัจจัย หรือ "อสังขตธรรม"
คือนิพพาน
ทั้งสิ่งที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งได้ หรือ สิ่งที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
ล้วนไม่มีตัวตน ไม่เป็นตัวเป็นตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับใดๆ เป็นไปเอง
ด้วยเหตุว่า
สิ่งที่ประกอบด้วยเหตุปัจจัย ย่อมแปรเปลี่ยน เป็นทุกข์ ถูกบีบคั้น ทนได้ยาก
ย่อมไม่มีตัวตน ไม่อาจบังคับ เพราะเป็นไปเองตามลักษณะอนิจจัง ทุกขัง จะไม่ให้เป็นอนิจจัง ทุกขังไม่ได้
ส่วนนิพพาน "เป็นอัตตาไม่ได้" แม้จะไม่แปรเปลี่ยน ไม่ตกในสภาพบีบคั้น ไม่ทุกข์ แต่ไม่เป็นตัวตนใดๆ
ส่วนแนวความคิดของบางคน ที่บอกว่า นิพพานคืออัตตา
ขออธิบายแย้งว่า
หาก"เรา"คือร่างกายและจิตของเรา หรือแม้ไม่มีร่างกายที่เป็นเรา จิตก็ต้องเป็นเรา เพราะหากจิตไม่ใช่เรา
การมีอัตตาใดก็เมื่อไม่ใช่เรา ไม่เกิดประโยชน์ใด เพราะไม่ใช่เราเสียแล้ว
จิตคือสิ่งๆหนึ่ง นิพพานคืออีกสิ่งหนึ่ง จิตเป็นอนัตตา ด้วยเพราะจิตเป็นสังขตธรรม ย่อมอนิจจัง ทุกขัง
จิตไม่มีตัวตน ไม่มีตัวตนในจิต ด้วยจิตเกิดดับทุกขณะ เป็นไปอย่างนั้น ไม่มีตัวตนใดบังคับให้เป็นอย่างอื่นไปได้
จิตไม่มี ไม่เป็น ไม่ใช่ตัวตนเสียแล้ว
เราจะโยกตัวตนไปอยู่ในนิพพาน ย่อมไม่ได้
เพราะนิพพานไม่ใช่จิต
เราจะเอาตัวตนไปอยู่ ไปเป็นสิ่งอื่นได้อย่างไร
ตัวมันเองยังไม่เป็นเลย
เอาตัวมันไปเป็นสิ่งอื่น
ย่อมไม่ใช่ตัวมัน ไม่เป็นอัตตาของตน
ไม่เรียกได้ว่าเป็นตัวตนของเรา
นิพพานจึงไม่ใช่อัตตา